แต่ในขณะที่เซอร์ยุนซียิ่งอยู่ยิ่งซักได้อย่างคล่องแคล่ว จู่ๆท่าทางของเขากลับหยุดลงมา สีหน้าเปลี่ยนมาบูดเบี้ยวสุดๆ
เขาแทบจะลุกขึ้นมาสะท้อนตามเงื่อนไข ถอยหลังต่อเนื่องหลายก้าว
“นี่คืออะไร?”
เขาแทบจะเปลี่ยนโทนเสียงเลยทีเดียว
ผู้คนตกตะลึง พอมองไปตามสายตาของเขาก็เห็นเสื้อผ้าอีกครึ่งที่เหลืออยู่ในกะละมัง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นถุงเท้าทั้งหมด
อีกอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือ พวกมันรวมตัวอยู่ด้วยกัน มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวฟุ้งกระจายอยู่
คนที่ยืนอยู่แถวหน้าได้กลิ่นอันเหม็นเน่านั้นแล้ว ส่งเสียงอ้วกออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“แหวะ——แม่ง เหม็นเกินไปแล้วมั้ง!”
“ถุงเท้าอันนี้ของใครเนี่ย ไม่นึกเลยว่าจะเหม็นได้ถึงขั้นนี้! แถมยังกองอยู่ด้วยกันเยอะขนาดนั้น มีอานุภาพร้ายแรงกว่าอาวุธนิวเคลียร์เสียอีก”
“ทนไม่ไหวแล้ว เร็ว รีบถอยหลังหน่อยเร็ว ฉันจะเหม็นตายอยู่แล้ว”
ผู้คนต่างก็ปิดจมูกและเอะอะเสียงดังอย่างทรมาน ใช้เวลาอันรวดเร็วที่สุดในการถอยหลังไปห้าหกเมตร
ส่วนเซอร์ยุนซีที่นาทีนี้ยังยืนอยู่บนเวที สีหน้าทั้งซีดทั้งมืดครึ้ม ฝืนทนไว้ถึงไม่ให้ไปอ๊วกไกลๆ
เขามองโห้หลีเฉินด้วยสีหน้าแววตาบูดเบี้ยว พร้อมพูดด้วยเสียงหึ่งๆ “พี่ อันนี้เอาผิดแล้วมั้งครับ ให้คนรีบเอาไปเถอะครับ”
เวทีจัดได้ค่อนข้างใหญ่ ที่นั่งของโห้หลีเฉินวางอยู่ที่ขอบของทิศตรง มีระยะห่างกับถุงเท้าที่เหมือนอาวุธนิวเคลียร์นั้นประมาณหกเจ็ดเมตร
กลิ่นเหม็นแทบจะไม่ส่งผลกระทบกับตำแหน่งของเขาเลย
เขามองเซอร์ยุนซีด้วยสีหน้าเรียบเฉย ริมฝีปากบางอ้าเล็กน้อย “นายว่าอะไรนะ? ได้ยินไม่ชัด”
เซอร์ยุนซีอึ้งไปครู่หนึ่ง ถึงแม้พูดโดยปิดปากเอาไว้ แต่เสียงดังและชัดเจนมาก ไม่น่าจะได้ยินไม่ชัดนี่หน่า?
เขาชักจะหดหู่แล้ว
เย้นหว่านที่อยู่ชั้นบนอดขำไม่ได้
แป๊บเดียวเธอก็เข้าใจแล้ว เธออยู่ชั้นบนยังได้ยินคำพูดของเซอร์ยุนซีเลย ตำแหน่งที่โห้หลีเฉินจะไม่ได้ยินได้ยังไง?
นี่มันจงใจต้มตุ๋นเซอร์ยุนซีชัดๆ
สีหน้าของเซอร์ยุนซีดูแย่สุดๆ ลังเลสุดๆ เขาพูดโดยที่ปิดปากไว้โห้หลีเฉินก็ได้ยินไม่ชัด แต่ถ้าเอามือออก กลิ่นเหม็นนั้นก็จะเตะจมูกมาทันที
เหม็นจนทำให้เขาอยากจะอ้วก
จะทำยังไงดี?
เขากำลังลังเลและกลัดกลุ้มอยู่ ก็เห็นโห้หลีเฉินวางแก้วชาลงมาด้วยสีหน้าแววตาหมดความอดทน เหมือนจะไปอีกแล้ว
เซอร์ยุนซีตื่นเต้นไปทั้งตัว ไม่กล้าให้โห้หลีเฉินไปแล้ว
เขารีบเอามือออกด้วยท่าทางแข็งกระด้างและพูดว่า “พี่ครับ ถุงเท้าอันนี้เอามาผิดหรือเปล่าครับ? รีบให้คนเอาไปเถอะ——แหวะ!”
ระหว่างที่พูด เซอร์ยุนซีเหมือนกับรู้สึกว่ากลิ่นเหม็นเปรี้ยวนั้นจะแทรกเข้ามาในปากของเขา กระตุ้นอวัยวะรับรู้ความรู้สึกของเขา
เขาผะอืดผะอมรัวๆอย่างทนไม่ไหว
โห้หลีเฉินได้ยกแก้วชาขึ้นมาใหม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนปกติ “ไม่ได้หยิบผิด ซักซะ”
น้ำเสียงที่เหตุผลย่อมเป็นเช่นนั้น ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ทึ่งไปเลย
ของที่เหม็นขนาดนี้ ให้ท่านดยุกใช้มือซัก?
พวกเขาแค่ดมก็สะอิดสะเอียนจนทนไม่ไหวแล้ว? !
นาทีนี้เซอร์ยุนซีแข็งทื่อเป็นหินอยู่แล้ว
เขาเบิกตากว้าง มองถุงเท้ากองนั้นที่ราวกับมีก๊าซพิษลอยอยู่อย่างเหลือเชื่อ และร่างกายก็ได้รับรู้ว่าอะไรเรียก——ชีวิตไม่มีความหมายแล้ว!
เขาเกรี้ยวกราดจนอยากโยนถุงเท้าพวกนี้ไปเผาและทำลายทิ้งที่กองไฟ
ให้พวกมันสูญหายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง!
แต่……
เซอร์ยุนซียืนอึ้งอย่างแข็งทื่อ แม้แต่มือก็ขยับไม่ได้ ถึงแม้แค่สัมผัสในระยะเวลาอันสั้น แต่เขารู้นิสัยของโห้หลีเฉินดีมาก ว่าเขาเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น
ถ้านาทีนี้เขาลังเลหรือว่าไม่ซัก โห้หลีเฉินก็จะให้เขายอมแพ้ที่จะแต่งงานกับเย่นหว่านอย่าง100%ในทันที
ปล่อยเย้นหว่านไป สู้ให้เขาไปตายดีกว่า
แม้แต่ไปตายยังมีความกล้าหาญเลย ยังจะกลัวถุงเท้าไม่กี่คู่ ไม่ใช่สิ ถุงเท้ากองโตอีกเหรอ? !
เซอร์ยุนซีกัดฟันและกลั้นหายใจไว้ พร้อมกลับไปนั่งที่เก้าอี้อย่างแข็งกระด้างและเชื่องช้า
จากนั้นได้ยื่นมือไปหยิบถุงเท้า…..
เพียงแต่มือนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าสั่นคลอนอย่างไม่หยุด ราวกับด้านหน้าคือที่ที่อันตรายมาก
ผู้คนไม่อาจทนดูจริงๆ
มีคนตะโกนว่า “ท่านดยุก คุณเป็นคนสูงส่ง ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้หรอกครับ”
“อีกอย่างถุงเท้านี่ก็เหม็นมากเลย ถึงคุณจะช่วยเย้นหว่านซักผ้า แต่ถุงเท้าของเธอก็ไม่เหม็นขนาดนี้หรอก ถุงเท้ากองนี้ให้คุณล้างแบบนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยครับ”
ได้ยินคำนี้ มือที่เซอร์ยุนซีจะสัมผัสโดนถุงเท้าได้หยุดเอาไว้
ดวงตาเขาเปล่งประกาย ใช่สิ อันนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย เขาสามารถเสนอความคิดเห็นได้หนิ
เขาเงยหน้ากำลังจะพูด แต่กลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำและชิวๆของโห้หลีเฉินดังขึ้น “ถุงเท้าของเย้นหว่านย่อมไม่เหม็นอยู่แล้ว แต่ถ้ามีลูกแล้ว เยี่ยวและขี้ของลูกก็เหม็นเหมือนอันนี้แหละ ถ้าเหม็นแค่นี้ยังทนไม่ได้ ยังจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกได้ยังไง?”
ผู้คน “…….”
พูดได้มีเหตุผลมากจนพูดไม่ออกเลย
เซอร์ยุนซีจะพังทลายอยู่แล้ว เยี่ยวและขี้ของลูกก็ต้องให้เขามาเปลี่ยนเหรอ? เรื่องแบบนี้ เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดเลย!
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงต่ำ “เรื่องลูกให้พี่เลี้ยงกับแม่บ้านดูแลดีกว่ามั้งครับ?”
โห้หลีเฉินพูดประชดประชัน “เอาลูกให้คนอื่นดูแล นายสามารถวางใจได้เหรอ?”
เซอร์ยุนซี “…….”
เขาอยากคัดค้านจริงๆ คนอื่นล้วนมอบให้พี่เลี้ยงกับแม่บ้านดูแล เพราะดูแลได้ดีกว่า เขาไว้วางใจมากๆเลย
แต่พอเผชิญกับสายตาประชดประชันของโห้หลีเฉิน และคำพูดที่จิตใจคับแคบ เขาก็รู้สึกว่าถ้าหากเขายังมีมุมมองความคิดนี้ต่อ จะถูกบีบให้ปล่อยเย้นหว่านทุกวินาที
ช่าง…..หดหู่จริงๆ!
ในใจของเซอร์ยุนซีรู้สึกโกรธและหมดคำพูดเป็นอย่างมาก แต่บนใบหน้าก็ยังฝืนฉีกรอยยิ้มที่แข็งกระด้างออกมา “พี่พูดถูกแล้วครับ ผมประมาทเลินเล่อเอง”
ผู้คน “…….”
ทนดูไม่ไหวแล้ว ท่านดยุก คุณถูกล้างสมองจนไม่มีขีดความอดทนสุดท้ายอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เซอร์ยุนซีมองไปที่กองถุงเท้าอีกครั้ง
เขารู้สึกสิ้นหวัง
ถึงจะเหม็นและสะอิดสะเอียนมากแค่ไหน วันนี้ยังไงเขาก็ต้องซักแล้ว
เขากลั้นหายใจไว้ หยิบถุงเท้าข้างหนึ่งแช่ลงไปในน้ำด้วยมือสั่นคลอน และเริ่มซักถุงเท้าอย่างชีวิตไม่มีความหมายแล้ว……….
เย้นหว่านมองภาพนี้แล้ว ใกล้จะหัวเราะจนหน้าเป็นตะคริวอยู่แล้ว อย่าให้พูดเลยว่าอารมณ์ดีแค่ไหน
โห้หลีเฉินของเธอก็ใจดำอำมหิตเกิ๊น ถึงกับกลั่นแกล้งเซอร์ยุนซีแบบนี้ เหม็นจนเขาสงสัยชีวิต
สะใจจริงๆ สั่งสอนเขาดีๆหน่อย ใครใช้ให้เขาปัญญาอ่อน ใครใช้ให้เขาหาเหาใส่หัวล่ะ
ฉู่ฉู่มองเย้นหว่านที่อยู่หัวเราะเสียงดังอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าอิจฉา เธอเอามือท้าวคางและพูดอย่างเอ้อระเหย “เสี่ยวหว่าน คุณโชคดีจังเลย ฉันอิจฉาคุณจริงๆ สามารถมีท่านดยุกคนหนึ่งดีกับคุณขนาดนี้ ให้คุณมีความสุขขนาดนี้”
เธอมีความสุขคือถูกอยู่ แต่ท่านดยุกดีกับเธอไม่คู่ควรให้อิจฉา แถมยังเป็นปัญหาของเย้นหว่านด้วยซ้ำ
เย้นหว่านหันหน้าไปมองฉู่ฉู่ไว้ “ตอนนี้เขาดูแล้วโอ๋ผู้หญิงเป็นจริงๆ แต่ฉันไม่ชอบเขา หรือไม่ ฉันยกเขาให้เธอดีมั้ย?”
“อะไรนะ? !”
ฉู่ฉู่เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างตกใจ
ผู้ชาย…..ยังสามารถยกให้ด้วยเหรอ?
ถ้าเธอสามารถแต่งงานกับท่านดยุกล่ะก็ ยังสามารถได้ความรักการเอาใจของเขาอย่างสุดหัวใจ เธอจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยมั้ง? !
แค่คิดหัวใจก็พองโตแล้ว……..