เซอร์ยุนซีที่ถูกเย้นหว่านมองแบบนั้นก็เหมือนไฟฟ้าช็อต หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง
มันเป็นโอกาสที่หายาก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเย้นหว่านจะใช้สายตาแบบนี้มองเขา
ประทับใจความทุ่มเทและจริงใจของเขาสินะ และอดไม่ได้ที่จะโหยหาในตัวเขา อยากจะผูกมัดตัวเองกับเขาเสียเดี๋ยวนี้เลยใช่ไหม
เขาจะไม่ปฏิเสธแน่นอน
เซอร์ยุนซีเปิดปากพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“ผมเต็มใจ…”
ในช่วงเวลาเดียวกัน เย้นหว่านที่กำลังมองเซอร์ยุนซีอย่างคาดฝันได้พูดว่า “เอากระบองเพชรไปปลูกในสวนพฤกษศาสตร์หลวงได้ไหม”
น้ำเสียงของทั้งสองคนแทบจะเกิดขึ้นและจบพร้อมๆ กัน
เย้นหว่านได้ยินเขาบอกว่าเต็มใจ จึงยิ้มอย่างพึงพอใจ ปลูกกระบองเพชรในสวนพฤกษศาสตร์ เธอก็มีเหตุผลที่จะเข้าไป
แต่เซอร์ยุนซีกลับชะงักอึ้งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
เย้นหว่านพูดว่าอะไรนะ
ไม่ได้พูดว่าจะแต่งงานกับเขาทันทีหรอกเหรอ!
เมื่อเซอร์ยุนซีได้ตระหนักรู้ข้อเท็จจริง ก็ปรารถนาจะขุดหลุมฝังตัวเองเสียเดี๋ยวนี้
ชีวิตไร้ซึงความอาลัยรักแล้ว
ฟ้ารู้ว่าเขารอคอยคืนวันวิวาห์มากแค่ไหน
เห็นเซอร์ยุนซีจู่ๆ ก็มีท่าทางหมดอาลัยตายอยาก เย้นหว่านจึงคิดว่าเขารู้สึกว่าการที่เธอเข้าไปในสวนพฤกษศาสตร์หลวงมันไม่สะดวก อาจจะไม่พาเธอเข้าไป
เธอจึงรีบพูดว่า “ที่ฉันอยากไปดูสวนพฤกษศาสตร์หลวง เพราะอยากเห็นว่ากระบองเพชรของฉันปลูกยังไง คุณจะพาฉันไปที่นั่นได้ไหม”
เธอกะพริบตาปริบๆ ดาวดวงเล็กๆ เต็มไปด้วยความหวัง
มันยากที่เซอร์ยุนซีจะเห็นเย้นหว่านทำท่าทางน่ารักเช่นนี้ หัวใจทั้งดวงเหลวเป็นน้ำทันที
ผู้หญิงของเขาน่ารักเกินไปแล้วนะ
และอีกอย่าง การที่เธอต้องการตามเขาไปที่สวนพฤกษศาสตร์หลวงเพื่อปลูกกระบองเพชร ที่จริงแล้วคืออยากเดทกับเขาตามลำพังใช่หรือไม่
อยากอยู่กับเขาตามลำพังเหรอ
เพราะฉะนั้นแม้แต่การที่โห้หลีเฉินตรวจสอบกระบองเพชรก็จะผ่านในครั้งเดียว
เขารู้ดีว่าการได้รับความยินยอมจากโห้หลีเฉินเป็นสิ่งสำคัญ และการได้หัวใจของเย้นหว่านก็ยิ่งสำคัญ
เพราะถึงอย่างไรหลังแต่งงานก็เป็นพวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เซอร์ยุนซีรู้สึกตื่นเต้น จ้องมองเย้นหว่านด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมกับพยักหน้าให้โดยไม่ลังเล
“ได้ พวกเราไปด้วยกัน”
สามารถเข้าไปในสวนพฤกษศาสตร์หลวงได้ ก็จะได้รับคำตอบที่แน่นอน เย้นหว่านถอนหายใจอย่างโล่งอก
ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนข้างๆ สร้างภาพมโนบิดเบือนไปแล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ ทั้งสองจึงมีความคิดแตกต่างกันออกไป และต่างไปที่พฤกษศาสตร์หลวงด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
เซอร์ยุนซีนำทางไปยังสวนที่ปกติไม่สามารถเข้าถึงได้ เมื่อเปิดประตูออกอย่างกระตือรือร้นแล้วก็ให้เย้นหว่านเดินเข้าไปสบายๆ
เดินเข้าไปข้างใน จู่ๆ เย้นหว่านก็รู้สึกเหมือนเป็นคุณยายหลิวเข้าแกรนด์วิวการ์เด้น
โลกกว้างใหญ่ภายนอก พืชส่วนใหญ่หรือพืชหายาก เธอเคยเห็นมาแล้วทั้งหมด
แต่ตอนนี้เมื่อมาเดินอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์หลวง กลับทำให้เธอต้องตกใจ
ที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากสวนพฤกษศาสตร์ทั่วไป
ที่นี่มันใหญ่มาก มันเหมือนเป็นป่าดงดิบตามธรรมชาติ กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ได้เป็นสวนสาธารณะที่สามารถสรุปขอบเขตได้
ทุกอย่างที่นี่ ถ้าบอกว่าถูกมนุษย์ปลูกขึ้นมา แต่มันกลับแทบจะไม่มีร่องรอยของมนุษย์บนพื้นให้เห็นเลย ทุกๆ พื้นที่ดูเหมือนจะเติบโตตามธรรมชาติ มันเป็นธรรมชาติมาก
ที่นี่มีทุกอย่าง เป็นเหมือนขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ พืชบางชนิดที่นี่ดูแปลกตา มีถึงขนาดที่ว่าเย้นหว่านไม่เคยเห็นมาก่อน
การเดินอยู่ภายใน ไม่ใช่เพียงการชื่นชมพืชพันธุ์อันโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังได้ชื่นชมความงามของธรรมชาติอีกด้วย
ในที่สุดเย้นหว่านก็เข้าใจความหมายของประโยคนั้นที่เซอร์ยุนซีบอกว่าต้องสร้างสภาพแวดล้อมทะเลทรายเทียม เพื่อให้กระบองเพชรคงอยู่
เธอคิดว่ามันเป็นแค่โรงเรือนขนาดใหญ่ ใส่ทรายเข้าไปข้างใน เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิสูงแค่นั้น
ตอนนี้ดูแล้วมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่มันเป็นการเปิดพื้นที่ขนาดใหญ่มาก เป็นสถานที่ที่เมื่อเดินเข้าไปจะเป็นภาพลวงตาทำให้คิดว่าตัวเองอยู่ในทะเลทราย
ซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และความพยายามอย่างหนัก
และมันเป็นเพียงเพื่อการเลี้ยงกระบองเพชรเท่านั้น
ราชวงศ์ช่างเอาแต่ใจอย่างหาญกล้าจริงๆ
“เสี่ยวหว่าน เลือกพื้นที่ตรงนี้เป็นยังไง ตำแหน่งนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล ต่อไปเมื่อคุณเข้ามา สามารถเยี่ยมชมพืชนานาพรรณเพื่อความสบายตาก่อนจะเข้าไปดูกระบองเพชร”
เซอร์ยุนซีชี้ไปยังพื้นที่ราบกว้างใหญ่ตรงหน้าพลางพูดกับเย้นหว่าน
เย้นหว่านมองตามนิ้วของเขา จึงได้เห็นแผ่นดินกว้างใหญ่ ด้านบนปกคลุมด้วยพืชสีเขียว มีหลายสายพันธุ์ แต่เธอไม่รู้จักเลย
เธอพูดอย่างลังเลว่า “ถ้าปลูกกระบองเพชรลงทรายที่นี่ แล้วพืชพวกนี้ล่ะจะทำยังไง”
“ขุดทิ้ง”
เซอร์ยุนซีพูดอย่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เย้นหว่านอดจะสูดมุมปากไม่ได้ ระหว่างทางที่เดินมา ด้วยความรู้ทั้งหมดของเธอ พบว่าที่นี่มีพืชมากมาย แต่พืชทุกชนิดมีราคาสูงมาก
พืชในพื้นที่ตรงหน้าแน่นอนว่ามูลค่ามหาศาล
การขุดทิ้งก็เท่ากับการผลาญเงิน
เย้นหว่านพูดว่า “ที่จริงไม่จำเป็นต้องยึดพื้นที่ของพืชอื่นๆ ก็ได้ หาพื้นที่ว่างสักที่ ถึงเล็กก็ไม่เป็นไร สามารถปลูกกระบองเพชรต้นนี้ได้ก็พอแล้ว”
เธอเกือบจะกล้ารับประกันได้ว่าพืชที่อยู่ในนี้ กระบองเพชรนี่มีค่าน้อยที่สุด
แถมยังผลาญเงินมากที่สุดด้วย
เซอร์ยุนซีเลิกคิ้ว “คุณปวดใจกับทรัพยากรของผมเหรอ”
เย้นหว่านสูดมุมปากอีกครั้ง ก่อนจะโต้แย้งอย่างเด็ดขาด
“ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันแค่ไม่อยากทำลายพืชเหล่านี้ การประคบประหงมเลี้ยงดูมันไม่ง่าย”
“ถ้าต้องถูกทำลายไป จะรู้สึกดีเหรอ”
เซอร์ยุนซีมุมปากยกยิ้มน่ารังเกียจ มองดูพืชในพื้นที่ สายตาเปล่งประกายความตื่นเต้น
“พวกนี้เป็นของคนคนนั้น เป็นของล้ำค่าของเขา ส่วนผมชอบทำลายที่สุด ตั้งตารอที่จะได้เห็นเขาคลุ้มคลั่งแต่ไม่สามารถทำอะไรกับผมได้”
เห็นการแสดงออกของเซอร์ยุนซีราวกับเป็นปีศาจสร้างปัญหาแล้วเย้นหว่านก็พลันหมดคำจะพูด
คนคนนี้ยังเป็นเด็กอยู่หรือไง
แต่คนคนนั้นที่เขาพูดถึง คือใครกัน
เซอร์ยุนซีนับว่ามีอำนาจทรงพลังแล้ว ในประเทศเบียนหนาน แทบจะสามารถบดขยี้ใครก็ตามที่ขัดหูขัดตา ยังมีใครที่สามารถทำให้เขาโกรธแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้อีกล่ะ
เย้นหว่านสงสัย จึงถามออกมาโดยจิตใต้สำนึก
“เขาเป็นใคร”
ดวงตาเซอร์ยุนซีมีประกายแห่งความเกลียดชัง “คนที่น่ารังเกียจมากคนหนึ่ง”
พูดจบ เขาก็ไม่มีการพูดอะไรออกมาอีก แค่โบกมือออกคำสั่ง
“ขุดพื้นที่นี้ออกให้หมด แล้วเปลี่ยนเป็นทะเลทรายปลูกกระบองเพชร”
การ์ดหลายคนเดินเข้ามา เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ ถึงแม้จะค่อนข้างลำบากใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนมากนัก
ดูเหมือนว่าเรื่องแบบนี้จะไม่ค่อยน่าแปลกใจ
พวกเขาวางกระบองเพชรลงเบาๆ จากนั้นก็จัดเตรียมการและเริ่มทำงาน
เย้นหว่านเห็นพืชถูกถอนรากถอนโคนก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย เกรงว่าการถอนนี้จะเป็นเงินที่เสียเปล่าไป
มองไปยังสีหน้าที่มีความสุขของเซอร์ยุนซีอีกครั้ง เธอก็แทบจะแน่ใจว่าคนคนนี้ต้องมีความแค้นกับเซอร์ยุนซี
เป็นพวกที่ขัดหูขัดตาต่อกันแต่ไม่สามารถกำจัดกันและกันได้
ในเมื่อเซอร์ยุนซีอยากระบายความโกรธ แม้จะรู้สึกเห็นใจเหล่าดอกไม้ต้นไม้ แต่เย้นหว่านก็ไม่พูดอะไรอีก