ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินว่าเย้นหว่านถูกคนรังแกมา เขาก็จำชื่อโอหยางฝู่ชื่อนี้เอาไว้ฝังใจ ตอนนี้รู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็อยากจะสับเป็นชิ้นๆ ถลกหนังเอามาแขวนคอด้วยความโกรธด้วยซ้ำของล้ำค่าที่อยู่ในมือของเขา โอหยางฝู่ก็ยังใช้ประโยชน์ได้ แล้วเขาล่ะจะใช้มันได้ไหม?
“ในเมื่อเข้ามีหน้าที่ดูแลกุญแจ เช่นนั้นก็ฆ่าเขาก่อน ค่อยไปเอากุญแจมา”
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างหวาดหวั่น ไม่คิดเลยว่าเขาจะตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
ความอาฆาตที่อยู่ในดวงตาของเขา มันคือความจริง
เย้นหว่านเริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า “โอหยางฝู่เป็นผู้ช่วยของรัฐบาล เหมือนว่ามีอำนาจใหญ่โตมาก การมีอำนาจที่สามารถเทียบเคียงกับเซอร์ยุนซีในประเทศเบียนหนาน การที่ต้องฆ่าเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย”
ข้างกายเขายังมีเหล่าบอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งประกบอยู่ และยังมีทหารรักษาการณ์ของพระราชวังอีกโห้หลีเฉินในเวลานี้อยู่ในประเทศเบียนหนานตัวคนเดียว รอบกายก็ปราศจากอำนาจและลูกน้องเขาเลย ถ้าจะลอบสังหาร ก็ไม่มีคนที่เหมาะสมที่สามารถใช้งานได้
แต่ผู้ช่วยของรัฐบาลกล้ามายั่วยุเซอร์ยุนซี ว่าที่กองทัพในอนาคต ที่ดำรงอำนาจไว้อย่างยิ่งใหญ่ ส่วนโห้หลีเฉินตำแหน่งแค่เจ้าหน้าที่ประสานงานภายนอกสำหรับประเทศเบียนหนานเท่านั้นเอง เรื่องของอำนาจในทางการเมืองนั้นไม่สามารถเทียบเคียงกับผู้ช่วยของรัฐบาลได้
ไม่ว่าจะพูดถึงทางด้านไหนก็ตาม โห้หลีเฉินต่างก็เสียเปรียบ
ต้องการฆ่าโอหยางฝู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ธรรมดาจริงๆ
โห้หลีเฉินมองท่าทางวิตกกังวลของเย้นหว่านแล้ว พลันยื่นมือออกไปลูบคลำเส้นผมของเธอ
จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา
“ผมโห้หลีเฉินต้องการจะฆ่าคน แม้ว่าจะสู้คนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบก็ตามที เขาก็ต้องตามอยู่ดี”
หัวเดียวกระเทียมลีบเหรอ?
เมื่อเย้นหว่านได้ยินคำพูดนี้แล้ว พลางเคร่งเครียดขึ้นมาทันที หรือว่าโห้หลีเฉินจะลงมือจัดการฆ่าผู้ช่วยรัฐบาลเองเลย? มันอันตรายเกินไปแล้ว
เธอรีบคว้ามือของเขาเอาไว้แน่น พร้อมทั้งแสดงท่าทางหนักแน่น
“ไม่อนุญาตให้คุณไปทำเรื่องที่มีอันตรายแบบนี้ได้ ถ้าเกิดบาดเจ็บขึ้นมาแล้วจะทำยังไง?!”
พวกทหารรักษาการณ์พวกนั้น ถือปืนที่อัดกระสุนไว้จริงๆ อยู่นะ
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากเอาไว้ และแสดงอาการเบื่อหน่ายเล็กน้อย “ผู้ชายของคุณโง่ขนาดนั้นไหมล่ะ?”
บุกลุยไปเอาหัวของผู้นำประเทศตัวคนเดียวเนี่ยนะ? แม้ว่าไม่ใช่ว่าเขาทำไม่ได้ แต่เรื่องการได้รับบาดเจ็บนั้นยากต่อการหลีกเลี่ยงได้
เขาก็ไม่อยากให้เย้นหว่านต้องคอยมาปวดใจเพื่อเขาอีก
ครั้งที่แล้วที่เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและไม่ยอมฟื้นขึ้นมา เย้นหว่านคอยเฝ้าทุกเมื่อเชื่อวัน มันเจ็บปวดพอแล้ว
แม้กระทั่งทำเพื่อเธอ เธอก็ไม่ให้ทำเช่นนี้อีก
เย้นหว่านได้ยินสิ่งที่โห้หลีเฉินพูดออกมาเช่นนี้ ถึงได้เบาใจลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถามกลับด้วยความสงสัย
“งั้นคุณจะจัดการอย่างไรกับผู้ช่วยของรัฐบาล”
โห้หลีเฉินหรี่ตาลง รอบกายแผ่รัศมีอันตรายออกมา
“เขาก็แค่มีพลังอำนาจมากเท่านั้นเอง การต้องการฆ่าเขานั้น ก็ต้องทำลายพลังอำนาจที่อยู่ในมือของเขาซะก่อน จากนั้นมันก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแล้ว”
โอหยางฝู่เป็นถึงผู้นำประเทศเลยนะ จะทำให้ลงจากอำนาจได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นเชียว?
ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของหลีโห้เฉินแล้ว อากัปกิริยาที่มีแต่ความเชื่อมั่นและสาบานด้วยความจริงใจ ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องราวยากลำบากสักเท่าไหร่
วิธีการของเขานั้นร้ายกาจมาก เธอได้ยินเรื่องราวมาโดยตลอด
แค่ไม่เคยเห็นกับตามาก็เท่านั้นเอง
เย้นหว่านถามกลับด้วยความสงสัย “คุณวางแผนไว้ว่าจะทำอย่างไร?”
โห้หลีเฉินเริ่มขยับสายตา แล้วมองลงบนเสื้อโค้ตที่เย้นหว่านกำลังใส่อยู่อย่างเงียบขรึม แววตารังเกียจแสดงให้ปรากฏออกมาอยู่ชั่วครู่
เขาพูดดูถูกอย่างเย็นชา “เอาเหตุการณ์ที่เป็นอยู่โต้ตอบไปก่อน”
เย้นหว่านมองตามสายตาของโห้หลีเฉินมายังเสื้อที่อยู่บนลำตัวของตนเอง หัวใจเต้นโครมครามขึ้นมาทันที
เซอร์ยุนซี
โห้หลีเฉินวางแผนใช้ข้อขัดแย้งระหว่างเซอร์ยุนซีกับโอหยางฝู่ โดยใช้อำนาจของเซอร์ยุนซีในประเทศเบียนหนาน เพื่อให้โอหยางฝู่ลงจากตำแหน่งงั้นเหรอ?
ถือว่าเป็นแผนการที่เป็นกลลวง ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
ตอนนี้เซอร์ยุนซีก็โดนโอหยางฝู่หาเรื่องแล้ว ย่อมตกอยู่ในสถานการณ์มีปัญหารอบตัว แม้ว่าไม่รู้ว่าเขาจะมีความสามารถในการคว่ำล้มชนะโอหยางฝู่หรือไม่ แต่ว่าถ้าโห้หลีเฉินช่วยเซอร์ยุนซีในครั้งนี้แล้ว โอหยางฝู่ย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องเป็นเช่นนี้ ก็ถือว่าเย้นหว่านได้ตอบแทนบุญคุณเซอร์ยุนซีที่เคยช่วยชีวิตตนเองเอาไว้แล้ว
โห้หลีเฉินออกมาสีหน้าที่เปลี่ยนไปของโห้หลีเฉิน ท่าทางผ่อนคลายเช่นนั้น ยิ่งทำให้แววตาของเขาหม่นหมองลงอย่างไม่รู้ตัว
ไฟแห่งความโกรธ เริ่มตีขึ้นมาจากทรวงอกอีกระลอก
เขาพูดเสียงเย็นชาทุ้มต่ำ “ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาจะพัฒนาไปได้ไม่เลวเลย”
ก่อนหน้านี้ เย้นหว่านจะกี่สักร้อยครั้งก็ไม่ขอที่จะเจอหน้าเซอร์ยุนซี เกลียดถึงขึ้นอยากจะระเบิดเขาให้หายไปต่อหน้าทันที แต่ว่าตอนนี้ กับไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านเช่นนั้นให้เห็นแล้ว
กระทั่งยังเป็นคนเสนอยินยอมช่วยเหลือเขาด้วย
แค่เขาไม่ได้อยู่ด้วยไม่กี่ชั่วโมงเอง ระหว่างเย้นหว่านกับเซอร์ยุนซี คงเกิดเรื่องราวขึ้นอยู่ไม่น้อยจริงๆ!
รู้สึกว่าบรรยากาศมันดูเหมือนหนีไม่พ้นคำว่าหึงขนาดนัก เย้นหว่านตะลึงอึ้งอยู่สักพัก จากนั้นก็กระตุกยิ้มตรงรอยปากอย่างอดไม่ได้
ทันใดนั้นเธอก็เขยิบเอนตัวเข้าหาโห้หลีเฉิน พลางใช้มือทั้งสองข้างกอดคอของเขาเอาไว้ทันที ใบหน้าเล็กๆ ยิ้มอย่างยินดีและเขยิบเข้าหาเขา
“คุณโห้คะ คุณกำลังหึงอยู่เหรอคะ?”
โห้หลีเฉินตะลึงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาตีหน้าขรึม
ใบหน้าเล็กๆ ของเย้นหว่านฉีกยิ้มหนักกว่าเก่า “อย่าอายจนไม่ยอมรับเลย แค่พยักหน้าเอง ฉันก็จะไม่ขำคุณหรอก”
ไม่ขำเขาหรอก? แต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของเธอยังไม่สามารถปกปิดอาการได้สักครึ่งหนึ่งเลยเนี่ยสิ
แถมเธอยังมีความสุขได้ขนาดนี้
โห้หลีเฉินจ้องมองเย้นหว่านอย่างรำคาญ ฝ่ามือใหญ่จับท้ายทอยของเธอเอาไว้ จากนั้นก็กดเข้ามาทางด้านหน้า
ริมฝีปากสองคนแนบชิดกัน
“อื้อ ….”
การจูบที่ไม่มีการเตรียมตัวอะไรเลย จนทำให้เย้นหว่านตะลึงไปทั้งตัว
ยังไม่ทันรอให้เธอได้ตั้งตัวได้เลย จูบของชายหนุ่มก็เริ่มจู่โจมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมทั้งนำความรู้สึกที่อันดุดันที่ต้องการจะสูบกลืนกินเธอลงท้อง
ลิ้นของเย้นหว่านเริ่มปวดโคนลิ้น สมองเริ่มเบลอๆ
ถ้าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโห้หลีเฉินแล้ว ก็แค่เรื่องขำขันเขานิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่เขาก็บรรจงจูบเธอทุกวินาทีด้วยความสงสัย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานสักเท่าไหร่แล้ว หลังจากที่เรี่ยวแรงทั้งตัวของเย้นหว่านถูกเขาดูดไปหมดแล้ว เขาถึงยอมปล่อยเธอ
เย้นหว่านก็เหมือนกับโคลนทรายอ่อนปวกเปียกที่แนบพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ขนาดอารมณ์ของตนเองจะยืนให้ตรงยังไม่มีเลย
เธอเอาแต่กล่าวโทษอย่างติดตลก
“รู้แค่ว่าคอยรังแกคนอื่น เงื่อนไขทั้งสามของเซอร์ยุนซีสำเร็จไปแล้วสองอย่าง เงื่อนไขที่สามคุณวางแผนไว้ว่าอย่างไรดี? ส่งตัวเขาให้ไปขั้วโลกใต้ไปหาแพนกวินดีไหม?”
คำพูดนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคือง
นี่เป็นกล่าวโทษโห้หลีเฉินที่เป็นคำขอข้อที่สองออกมา ยังไม่นับถึงทางลัดที่จะออกไปจากประเทศเบีบนหนาน เพื่อให้เซอร์ยุนซีเดินเดินทางไปในระยะไม่กี่วันนี้
ดังนั้นถึงได้ให้เซอร์ยุนซีกลับมาแล้ววุ่นวายอยู่กับเธออยู่ทั้งวัน ที่เขาหึงก็ต้องโทษเขาเองนั่นแหละ ไม่สามารถกล่าวโทษเธอได้
เมื่อมองใบหน้าของเย้นหว่านที่หมดแรงแล้วแถมยังแสดงอากัปกิริยาต่อกรหาเรื่องเขาอีก อารมณ์โกรธที่ยังหลงเหลืออยู่ในอกเพียงสิ่งเดียว พลันกระจายไปทั่วทันที
ป้าเวลคนนี้ มักจะหาวิธีในการปลอบโยนบรรเทาอารมณ์ของเขาได้ทั้งหมด
แม้ว่าเธอจะผิดก่อนก็ตาม
โห้หลีเฉินพูดออกมาติดตลก
“ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วถึงทางลัดที่จะออกไปข้างนอกของประเทศเบียนหนาน”
“ห๊า?”
เย้นหว่านเบิกตาโตอย่างตื่นตระหนก เพราะรู้สึกไม่กล้าจะเชื่อหูของตนเอง
โห้หลีเฉินรู้แล้วเหรอเนี่ย?
รู้แล้วแล้วทำไมเขาถึงให้เซอร์ยุนซีไปหากระบองเพชรมาอีก นี่มันไม่ใช่แผนการที่ต้องการแยกเซอร์ยุนซีไปหนึ่งถึงสองเดือนเหรอ
โห้หลีเฉินแตะปลายจมูกของเย้นหว่านเล็กน้อย พร้อมทั้งรีบอธิบายทันที
“ถ้าผมทายไม่ผิด ทางลัดเส้นนั้นก็คือถนนอุโมงค์ ซึ่งมันไม่ได้ถูกใช้งานมาหลายปี ปากอุโมงค์ก็มีหิมะปกคลุมสะสมทับถมอยู่มากมาย ถ้าต้องการให้ผ่านไปได้ก็จำเป็นต้องจัดการทำความสะอาดบนพื้นถนน”
หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พื้นถนนกับอุโมงค์ ก็จะปรากฏให้เห็นในเวลาอันสั้น ถ้าพวกของพี่ชายของคุณจับจุดนี้ได้ ไม่เกินการคาดเดา ก็น่าจะเห็นอุโมงค์เช่นกัน
เย้นหว่านยืนมองโห้หลีเฉินอย่างอึ้งๆ ราวกับเหมือนมีเซอร์ไพรส์ตกหล่นลงมาจากสรวงสวรรค์เช่นนั้น
พี่ชายของเธอเหรอ?