เย้นโม่หลินและพวกอาจจะทางอุโมงค์เจอไหม? ถ้าพวกเขาหาทางลัดเจอแล้ว ก็สามารถมาถึงประเทศเบียนหนานได้อย่างรวดเร็วแล้วสิ
ระยะนี้เย้นหว่านลองใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อเย้นโม่หลินและพวกของเขา แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
ไม่คิดเลยว่าโห้หลีเฉินจะใช้เซอร์ยุนซีเป็นเครื่องมือ ดูเหมือนว่ายากเย็นอยู่ แต่ว่าก็ยังสามารถบอกร่องรอยทางลัดให้พวกของเย้นโม่หลินได้
ตราบใดที่เย้นโม่หลินและพวกของเขามาแล้ว เธอและโห้หลีเฉินก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวไร้อำนาจอีกแล้ว และยิ่งง่ายดายในการทำเรื่องมากมายได้ตั้งเยอะ
เธอก็ไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะอันตรายเช่นนี้อีกแล้ว และต้องเดินตามหลังโห้หลีเฉินต้อยๆ เลยทำให้เขาทำเรื่องราวต่างๆ ได้ไม่ถนัด
“คุณโห้คะ คุณนี่ช่าง ฉลาดล้ำเลิศจริงๆ!”
เย้นหว่านไม่สามารถหาคำพูดใดมาเปรียบเปรยผู้ชายของตนเองได้แล้ว ทั้งดีใจ และตื่นเต้นและกอดเขาเอาไว้แน่น พลันเขย่งเท้าประทับจูบประทับตรงมุมปากของเขา
แววตาของโห้หลีเฉินยังคงจับจ้องเธออยู่เงียบๆ พร้อมทั้งแสดงอาการไม่พอใจออกมา
“จูบแค่มุมปากเท่านี้เองเหรอ?”
ยังจะเอาอะไรอีก?
เมื่อคิดถึงอาการอ่อนระทวยไปทั้งร่างกายของเธอเมื่อครู่นี้ ถึงขั้นสมองเบลอขาดอากาศตอนนี้ยังไม่สามารถกลับมาได้เป็นปกติกับการจูบดูดดื่มแบบฝรั่งเศส ใบหน้าของเย้นหว่านแดงฉาน ไม่กล้าหาเรื่องแล้ว
ถ้าโดนอีกครั้ง เธอก็คงเป็นลมแล้วยืนสลบอยู่ที่เดิมแน่
“ความรักของผมที่มีต่อคุณมันเปี่ยมล้นหัวใจ คำพูดกับการกระทำมันไม่สามารถแสดงออกมาได้ทั้งหมด”
เย้นหว่านได้แต่กะพริบตาปริบๆ เพราะที่พูดออกมานั้นมันเป็นความซื่อสัตย์ทั้งสิ้น
โห้หลีเฉินจ้องมองใบหน้าของเธอที่กำลังทำให้เป็นปกติ จนมุมปากถึงกลับต้องฉีกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ ที่สาวน้อยขี้อายของเขา พูดถึงเรื่องรักเขาซะตรงไปตรงมาขนาดนี้ได้
ยิ่งเธอมีสติรู้ตัวได้เองได้เช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาพอใจมาก
โห้หลีเฉินจับมือเล็กๆ ของเธอเอาไว้แน่น พร้อมทั้งยิ้มเล็กน้อยตอนที่พูดกับเธอ “ไปเถอะ กลับไปกัน”
การที่มาอยู่หน่วยงานประสานงานภายนอกมาตั้งหลายวัน ก็ถึงเวลาที่ต้องไปจากพระราชวังแล้ว
อาการอารมณ์บูดของโห้หลีเฉินก็เหมือนว่าหายไปหมดแล้ว เย้นหว่านย่อมสมใจปรารถนา ในใจเลยผ่อนคลายไปไม่น้อย
ตอนนี้ราวกับว่าทุกอย่างได้พัฒนาก้าวเดินไปยังแนวทางที่ดีขึ้น
การไปควานหาที่อยู่ของเมล็ดแมกโนเลีย เห็นได้ชัดว่าต้องจัดการให้โอหยางฝู่ลงจากอำนาจให้ถึงจะสามารถเอาตัวยาได้มาสำเร็จ อีกอย่างเย้นโม่หลินและพวกของเขาก็น่าจะใกล้มาถึงแล้ว
เชื่อมั่นว่าการที่จะไปถึงวันนั้นได้อย่างราบรื่น อยู่ไม่ไกลจริงๆ แล้ว
โห้หลีเฉินไม่ได้กลับไปที่แผนกประสานงานภายนอก พร้อมทั้งพาเย้นหว่านไปจากพระราชวังทันที
พวกเขาเดินออกไปทางประตูเล็กๆ ที่พาตัวเย้นหว่านเข้ามาในพระราชวัง เพิ่งจะเดินได้ไม่เพียงกี่ก้าว พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของฉู่ฉู่และบอดี้การ์ดทั้งสี่คนเข้ามาต้อนรับอย่างตื่นเต้นอยู่ไม่ไกลนัก
“เสี่ยวหว่าน ในที่สุดคุณก็ออกมาแล้ว ฉันเป็นห่วงแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฉู่ฉู่ร้องไห้เป็นวักเป็นเวนตอนที่มองมาทางเย้นหว่าน เห็นได้ชัดว่าหลายวันมานี้เป็นห่วงจริงๆ
หลังจากที่ออกไปจากบ้านวันนั้นแล้ว เธอก็ค่อยไปถามข่าวคราวจากคนอื่น ถึงได้รู้ว่ามารดาของตนเองนั้นไปหาคนมาตั้งเยอะ เพื่อที่จะทำเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ใหญ่โตถึงขั้นที่สามารถบีบให้เย้นหว่านเสียชีวิตได้
อีกอย่างนอกจากพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว ในกลุ่มคนยังมีชายหนุ่มตัวโตหลายคนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนตั้งหลายคน
ถ้าวันนั้นเย้นหว่านยังไม่ไป ย่อมต้องถูกคุณป้าคนนั้นให้คนพวกนั้น มา “ประณาม” จนต้องเสียชีวิตไปแล้ว
นี่แค่คิดนะ ฉู่ฉู่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เลย
สองวันมานี้ก็คอยเป็นห่วงว่าเย้นหว่านจะเข้าพระราชวังคนเดียว ว่าจะเจอกับอันตรายอะไรหรือไม่ และก็กลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ วันทั้งวันก็เอาแต่มายืนคอยอยู่หน้าประตูพระราชวัง
เย้นหว่านจ้องดวงตาที่แดงฉานของฉู่ฉู่ จนใจอ่อนยวบยาบ
การคบหากันในระยะนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉู่ฉู่นั้นยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตอนแรกฉู่ฉู่จะทำตัวไม่ดีกับเธอ ทว่าแท้จริงแล้วเด็กน้อยคนนี้ได้รับผลจากการที่ถูกมารดา ถ่ายทอดขนบธรรมเนียมประเพณีมา นิสัยที่แท้จริงไม่ใช่ว่าเป็นคนเลวร้ายอะไรเลย
แถมยังเป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่ง
เย้นหว่านผายแขนออกทันที จากนั้นก็กอดฉู่ฉู่เอาไว้
“ฉู่ฉู่ ฉันไม่เป็นไร ปลอดภัยดีทุกอย่าง หลายวันมานี้พวกคุณทั้งหมดก็มาคอยอยู่ที่นี่เหรอ? ลำบากพวกคุณแล้ว”
เย้นหว่านซาบซึ้งใจ เธอนึกว่าฉู่ฉู่จะกลับบ้านไปแล้ว ยังดีซะกว่าที่จะมาทนลำบากอดตาหลับขับตานอนมานอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ที่นี่
น้ำตาของฉู่ฉู่พลันไหลลงมา
เธอพูดสะอึกสะอื้น “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันจะกลับไปคนเดียวอย่างสบายใจเฉิบได้ยังไงกัน เป็นเพราะว่าท่านแม่ต้องการที่จะทำร้ายคุณ เลยบีบบังคับให้คุณต้องออกมาจากบ้าน บ้านของเราต้องทำผิดกับคุณ”
แม้ว่าจะโตมาด้วยแนวคิดเดิมคือผู้ชายอยู่เหนือกว่าคุณป้า แต่ว่าฉู่ฉู่กลับไม่เคยคิดแม้แต่น้อย ในเรื่องฆ่าคน
ส่วนมารดาของเธอนั้น แม้ว่าจะโหดร้ายถึงขั้นต้องการที่จะฆ่าเย้นหว่าน แต่สำหรับฉู่ฉู่แล้ว ราวกับยอมรับไม่ได้กับการทำลายมุมมองทัศนคติทั้งสามด้าน
ผู้ชายมองผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยอย่างกับผักกับปลา แล้วเป็นผู้หญิงด้วยกันเอง ต้องโหดร้ายทารุณต่อกันเองอีกเหรอ?
คืนนั้นตอนที่กำลังพักผ่อนอยู่นั้น เย้นหว่านก็ได้พูดกับเขาแล้ว ว่าเธอนั้นรังเกียจคุณป้าดังนั้นจึงได้ใส่ร้ายว่าเป็นคนวางยา เพื่อจะได้ใช้โอกาสหนีออกมา
ความจริงแล้วเขาก็รู้ว่าในเวลานั้น คุณป้าต้องการจะทำร้ายเธอ แต่โดนเย้นหว่านจับได้ก่อน ถึงได้หนีเอาชีวิตรอด
บัญชีความแค้นของคุณป้าคนนี้ เขาจะจำฝังใจไม่มีวันลืม
ตอนนี้ต้องกลับไปที่บ้านเวนเดลล์ เพื่อจะกลับไปจัดการ คุณป้าที่แสนโหดร้ายคนนี้ซะก่อน
เย้นหว่านยังไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้เลย เอาแต่กอดฉู่ฉู่อย่างเดียว เพราะรู้สึกว่าปวดใจจนไม่ไหวแล้ว
เด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่งเหลือเกิน
จิตใจที่แสนดี แต่เพราะว่ามารดาก่อเรื่องขึ้น ได้รู้สึกผิดและเอาแต่โทษตนเอง
ความจริงแล้วตลอดทางที่หนีไป ฉู่ฉู่ก็ได้ช่วยเหลือเย้นหว่านอย่างสุดกำลัง
เย้นหว่านตบไหล่ของเธอเอาไว้ พร้อมทั้งพูดปลอบใจ
“แม่คุณเป็นคนทำ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลย ฉู่ฉู่ ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดี ฉันชอบคุณ คุณอย่าได้ต้องบากหน้าออกมารับผิดชอบแทนเลย อย่าได้โทษตนเอง คนเราเกิดมาตัวคนเดียว นางทำผิด ไม่สามารถเอามาโอนความรับผิดชอบมายังตัวของคุณได้”
ฉู่ฉู่น้ำตาไหลพราก พร้อมทั้งจ้องมองเย้นหว่านสายตาแวววาวเป็นประกาย
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่คิดว่า เย้นหว่านจะพูดคำพูดพวกนี้ออกมาได้
เพราะว่ามารดาของตนเองทำเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา เย้นหว่านก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจนาง และก็ไม่ได้กล่าวโทษนางเลย
การที่ได้เป็นเพื่อนกับเย้นหว่าน เธอถือว่าโชคดีมากจริงๆ
มิน่าล่ะเจ้าชายถึงได้หลงใหลคลั่งไคล้ในตัวนางถึงเพียงนี้….
หลังจากที่ได้ทักทายกับบอดี้การ์ดทั้งสี่คนแล้ว เย้นหว่านและทุกคน ก็เดินทางกลับไปยังบ้านของเวนเดลล์ด้วยกัน
ขณะนั้น ด้านในพระราชวัง
ซาอินติยืนอยู่ที่ซ่อนบนแท่นสูง พร้อมทั้งมองด้านหลังของโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านที่จากไป ใบหน้ารูปไข่อันงดงามพลันบิดเบี้ยวจนน่ากลัว
นิ้วมือของเธอกำหมัดไว้แน่น ราวกับต้องการบีบให้มันแหลกละเอียด
“เย้นหว่านโชคเข้าข้างจริงๆ!”
เพราะว่าเธอได้วางแผนออกอุบายลอบทำร้ายไปตั้งหลายครั้งหลายหน แต่เย้นหว่านก็สามารถเอาชีวิตรอดและไปจากพระราชวังได้อย่างไม่มีร่องรอยบาดเจ็บสักนิด
ตอนนี้เธอก็อยู่กับโห้หลีเฉิน เวลานี้ เธอไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว
ให้เธอรอดไปสักระยะเหรอ?
แค่คิดเท่านั้น ซาอินติโมโหอย่างหนัก
โชคดีที่ว่า เธอได้ทำความสะอาดเก็บกวาดร่องรอยในการลอบสังหารในบ้านเวนเดลล์แล้ว แม้ว่าโห้หลีเฉินจะกลับไป ก็มิอาจจะหาเบาะแสใดๆ ได้
ตอนนี้แค่รอ โอกาสในครั้งต่อไปอย่างเดียว
“คอยสอดส่องการเคลื่อนไหวของเย้นหว่านและโห้หลีเฉินเอาไว้ เมื่อเย้นหว่านอยู่คนเดียว ก็หาโอกาสลงมือ ฉันต้องการชีวิตของเธอ”
ซาอินติจ้องมองแผ่นหลังของเย้นหว่านอย่างเย็นชา พร้อมทั้งกัดฟันพูดตอนที่ออกคำสั่งด้วย
ท่ามกลางอากาศ พลันมีเสียงผู้ชายรับคำสั่งอย่างเยือกเย็น “ขอรับ องค์หญิง”
เย้นหว่านที่กำลังเดินอยู่พลันเสียวสันหลังวาบ ราวกับว่าข้างหลังมีงูพิษอยู่เช่นนั้น