ป้าเวลที่ยังนอนกองอยู่ที่พื้นเบิกตาโตอย่างตกใจ สมองมีแต่เสียงอื้ออึงดังขึ้น ที่มันเจ็บปวดยิ่งกว่าร่างกาย นั่นก็คือโลกมันถล่มทลายไปหมดแล้ว
เธอไม่เข้าใจ ว่าเพราะเหตุใด ผู้หญิงเหล่านั้นถึงได้ทำเช่นนั้น
เพราะอะไร ถึงทำให้พวกเธอต้องหักหลังกับชะตาฟ้าลิขิตไว้ด้วย
หรือว่าชะตาที่ถูกฟ้าลิขิตเอาไว้มันคือความผิดกันแน่…
โห้หลีเฉินใช้สายตาความเย็นชากวาดตามองป้าเวลที่ได้รับการกระทบทางจิตใจเต็มที่ จากนั้นก็พูดอย่างเย็นยะเยือก
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราสองคนจะมาทำงานอยู่ที่นี่ พร้อมทั้งสองแรงแข็งขันช่วยแบ่งเบางานเล็กงานน้อยในบ้าน”
เขาตะลึงไปชั่วครู่ สายตาของเขามองไปที่ร่างกายที่นอนกองอยู่ที่พื้น น้ำเสียงเย็นชา ราวกับเป็นการสอบปากคำ
“คุณไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนายหญิงที่คอยจัดการในบ้านอีกต่อไปแล้ว ฉันได้ให้คนจัดห้องแยกต่างหากที่หลังบ้านอีกหลังให้คุณ คุณก็นั่งคิดทบทวนอยู่ในนั้น ไม่มีคำสั่งอนุญาต ก็ไม่สามารถออกมาได้”
นี่คือ บทลงโทษที่ถือว่าอ่อนที่สุดแล้ว
แถมยังตัดสิทธิ์อำนาจของเธอในบ้านทั้งหมดอีก แต่ให้ผู้หญิงคนอื่นสองคนมาจัดการครอบครัวของเธอ!
คุณป้าถึงกลับเบิกตาโตอย่างตกตะลึง พร้อมทั้งอาการขวัญหนีดีฝ่อและไม่ยินดี
“ไม่ ไม่ได้นะ….”
เธอลุกขึ้นมา พยายามเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็มองเวนเดลล์อย่างกระวนกระวายใจ “นายท่าน ข้าเป็นภรรยาของท่าน แล้วทำไมถึงได้ให้ผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ตำแหน่งของข้าเล่า ให้คนอื่นมาจัดการเรื่องในบ้านได้? ไม่ได้นะ ไม่ได้นะท่าน”
นี่ไม่ใช่ว่าปลดเธอให้หลุดจากตำแหน่ง ยิ่งเป็นการดูหมิ่นเธอมากกว่าเดิม
เวนเดลล์มองท่าทางดื้อรั้นหัวชนฝาของเธอไม่เลิก จนหน้าดำคร่ำเครียดด้วยความรำคาญ จนต้องพูดตวาดกลับ
“ชิวหัว ฉันได้พูดกับเธอแล้ว ไอ้ความคิดถกเถียงกันเรื่องชายอยู่เหนือผู้หญิงนั้น ฉันหวังว่าจะสามารถใช้ชีวิตให้ชายหญิงเท่าเทียมกัน ชีวิตของคุณเอง ก็จะดีขึ้น มีความสุขขึ้น”
ถ้าคุณยังดื้อดึงไม่ยอมเลิกล้มวางผิดอีก ไม่ได้มีเพียงมีคนมาแทนตำแหน่งจัดการในบ้านแทนคุณ ต่อไป ก็คงมีคนมาคุมคุณหญิงเวนแทนคุณ ภรรยาของฉัน ไม่ใช่ว่าแค่เป็นทาสเท่านั้น
ระยะนี้ คุณก็เก็บไปคิดให้ดี ถ้าคุณยังคงดื้อดึงไม่เลิก เช่นนั้นพวกเราก็หย่ากันเถอะ
คุณป้าเบิกตาโตด้วยอาการตกใจ ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน
หย่ากัน?
ผู้หญิงที่แต่งงานกับผู้ชายคือเป็นการแต่งงานทั้งชีวิต ไม่มีคำว่าหย่ากัน ถ้าหย่ากันแล้ว เช่นนั้นเธอก็ไม่มีสามี ชีวิตของเธอก็ยังมีความหมายอะไรอีกเล่า?
โลกของคุณป้า พังทลายทันที
ตามที่โห้หลีเฉินได้ยินข่าวมานั้นคุณป้าถูกกักบริเวณขนาดกินข้าวยังมีคนเอามาส่งให้ ด้านนอกก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ทั้งวัน เธอไม่สามารถออกมาได้แม้แต่ก้าวเดียว
ส่วนภายในห้องของเธอนั้น มีโทรทัศน์อยู่เครื่องหนึ่ง ในโทรทัศน์ก็เปิดข่าวสารต่างๆ ของโลกภายนอกตลอดทั้งวัน
ข่าวคราวเกี่ยวกับที่ผู้หญิงต่อต้านสามี พลันเกิดขึ้นให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ในโทรทัศน์ต่างมีผู้ชายที่ทำนู่นนี่ได้ทุกอย่าง จนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จนเริ่มเห็นผู้หญิงปรากฏกายขึ้น
ตัวตนพวกนั้น นับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
คุณป้ามองข่าวคราวเหล่านั้นอยู่ทุกวัน เรื่องที่เกิดขึ้น ความคิดรอบด้านเพิ่มขึ้นมาทุกวัน จนถูกสลายไป…
เย้นหว่านไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วคุณป้าจะคิดได้หรือไม่ เพราะว่าเธอเป็นจำพวกดื้อรั้นจริงๆ ที่เป็นคนเอาความคิดชายอยู่เหนือผู้หญิง จนความคิดมันอยู่ในเส้นเลือดไปแล้ว
อีกทั้งความโง่และไม่มีหลักการ จนมันฝังอยู่ในเส้นเลือด ก็คงไม่โดนซาอินติวางแผนชักใยให้เป็นไปตามเกม จนต้องฆ่าคน
สุดท้ายแล้วเธอจะเป็นเช่นไรต่อ เย้นหว่านก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
หลายวันที่ผ่านมานี้ เพราะคุณป้าถูกกักบริเวณ ยังไงก็สามารถลดคนที่กลอกตามองบนเธอได้ไปทั้งวันไปได้อีกคน ชีวิตของเย้นหว่านสบายขึ้นไม่น้อยเลย
เธอเหมือนรู้อะไรขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้าที่เธอจะไปจากประเทศเบียนหนานนั้น คงไม่มีการปล่อยตัวคุณป้าออกมา เพื่อมาสร้างความรำคาญให้เธออีก
สองวันหลังจากนั้น มีเรื่องอื่น ปะทุขึ้นมาแทน
จนทำให้ทั้งประเทศเกิดโกลาหล จนวุ่นวายไปทั่ว
เซอร์ยุนซีถูกทหารรักษาการณ์ของพระราชวังจับตัวไป เขาถูกตั้งข้อหาทำร้ายผู้ช่วยรัฐบาล
ทำร้ายเจ้าหน้าที่อันทรงเกียรติของประเทศ แม้ว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นองค์ชายก็ตามที แต่ก็มิอาจพ้นโทษไม่ง่ายได้
เรื่องเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วสำนักพระราชวังฝ่ายในจะเป็นคนตัดสินบทลงโทษเอง โดยปกติแล้วจะมีคนรู้สักเท่าไหร่ แต่ว่าครั้งนี้นั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกัน ตอนที่ทหารรักษาการณ์มาจับตัวเซอร์ยุนซีที่บ้านนั้น ก็มีคนเห็นตั้งมากมาย แถมยังถูกสื่อมวลชนถ่ายรูปเอาไว้ได้อีก
เซอร์ยุนซีเองก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องปกปิด พร้อมทั้งเปิดเผยใบหน้าต่อหน้ากล้องของสื่อมวลชน และเดินเข้าไปในพระราชวังพร้อมกับทหารรักษาการณ์
จนทำให้ เรื่องนี้กลายเป็นข่าว talk of the townทันที จนคนทั้งประเทศเฝ้าติดตามข่าว
องค์ชายที่มีอำนาจท่วมท้นฟ้า กับคนที่เป็นผู้ช่วยรัฐบาลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง บัญชีความแค้นเคืองของทั้งสองคนนี้ สามารถเรียกความสนใจของประชาชนของประเทศเบียนหนานไปได้
สำหรับความเห็นของพวกเขาแล้ว องค์ชายมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นผู้นำประเทศคนต่อไป เป็นคนที่พวกเขาต้องจงรักภักดี ส่วนผู้ช่วยรัฐบาลนั้นทำทุกอย่างเพื่อประเทศไว้ตั้งมากมาย และเป็นข้าราชการที่ทำให้ประเทศพัฒนาไปมากขึ้นกว่าเดิม
พวกเขาสองคน ถือว่าเป็นศูนย์กลางของคนในประเทศเบียนหนาน มิอาจขาดคนใดคนหนึ่งไปได้
ประชาชนต่างหวังว่า เรื่องใหญ่โตเช่นนี้จะคลี่คลายจนเป็นเรื่องเล็กๆ ไป องค์ชายกับผู้ช่วยรัฐบาลต่างจับมือกับพูดคุยกันดีๆ พร้อมทั้งช่วยเหลือเคียงบ่าเคียงไหล่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม
จากนั้น ความปรารถนาอันหอมหวาน ก็จะกลายเป็นจริงอย่างสมบูรณ์
องค์ชายกับผู้ช่วยรัฐบาล ไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน จนเกิดการคานอำนาจกันอย่างเปิดเผย
มีรายงานว่า เรื่องราวระหองระแหงในครั้งนี้ ฝ่ายหนึ่งปฏิเสธไม่ยอมสำนึกผิดและกล่าวขอโทษ อีกฝ่ายก็ไม่ให้อภัยและกลับมาคืนดีดังเดิม กระทั่งเกือบจะลงไม้ลงมือกันในพระราชวังอยู่แล้ว จนทำให้เรื่องราวเพิ่มระดับขึ้น จนไม่อาจผ่านพ้นไปได้
หลังจากที่มีข่าวออกมานั้น เย้นหว่านก็คอยสนใจกับความเคลื่อนไหวเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
เธอเองก็เริ่มเบื่อหน่ายขึ้นมาบ้าง เมื่อดูจากแนวโน้มในเวลานี้ การคานอำนาจกันระหว่างเซอร์ยุนซี โอหยางฝู่นั้น โอหยางฝู่จับประเด็นได้ ที่ว่าเหตุผลในการทำร้ายคน ในหลักการแล้วมันกลายเป็นข้อเสียเปรียบ
แม้ว่าเซอร์ยุนซีก็ใช้อำนาจในการต่อกรกลับไปก็ตาม แต่การที่สู้กันไปสู้กันมานั้น ทั้งสองคนต่างได้รับบาดเจ็บไปทั้งสองฝ่าย อีกทั้งด้วยสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ไม่รู้ว่าต้องต่อสู้กันแบบนี้ไปกี่เดือนกัน
เหตุการณ์ด้านการเมือง ในส่งผลกระทบหลายฝ่ายมากเกินไป
ทว่าเย้นหว่านก็ไม่อยากอยู่ที่นี่มากสักเท่าไหร่แล้ว ได้แต่รอคอยวันที่เอาตัวยามาให้เร็วที่สุดเพื่อไปจากประเทศเบียนหนาน รอการต่อสู้กันทางการเมืองไปอีกหลายเดือน แค่คิดก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากแล้ว
“อึดอัดขนาดนั้นเชียว? กำลังเป็นห่วงเซอร์ยุนซีเหรอ?”
กำลังตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นก็มีเสียงชายหนุ่มดึงขึ้นมาด้านหลังของเย้นหว่าน
แถมมาพร้อมกับอาการหึงเล็กน้อย
เย้นหว่านตะลึงไปทันที พลางหันศีรษะกลับมาก็เห็นใบหน้าเคร่งเครียดอันหล่อเหลาของโห้หลีเฉิน แถมสีหน้าที่แสดงออกถึงอาการอันไม่มีความสุขอย่างชัดเจน
ผู้ชายคนนี้ หึงอีกแล้วเหรอ?
หลังจากวันนั้นมา ราวกับว่าเขาไม่ถูกชะตากับเซอร์ยุนซีเอามาก ราวกับเหมือนมีหนาวมาทิ่มตาอยู่นั่นแหละ แถมยังไม่สามารถระบายความเกลียดชังทุกขณะไปได้สักที
หลังจากที่มีข่าวแพร่สะพัดมาได้หลายวันแล้วนั้น เย้นหว่านก็ไม่ได้เห็นโห้หลีเฉินจะเริ่มเคลื่อนไหวใดๆ ยังนึกสงสัยอยู่ในใจเลย ว่าด้วยอาการต่อมขี้หึงที่กำลังทำงานอยู่ เลยไม่คิดจะช่วยเซอร์ยุนซีแล้ว
เย้นหว่านหันไปหาทันที พร้อมทั้งใช้มือทั้งสองข้างกอดคอโห้หลีเฉินเอาไว้ ใบหน้าเล็กๆ ยิ้มเสนอหน้าให้เขา
ด้วยตำแหน่งระยะประชิดเขามาก ลมหายใจที่พ่นออก และคำพูดต่างๆ ที่พูดออกมา
“มีเรื่องอะไรที่เขาน่าเป็นห่วง อาการบ้าอำนาจเอาแต่ใจเช่นนั้น ได้รับการสั่งสอนซะบ้างถึงจะดี ที่ผมเป็นห่วงคือหลังจากนี้ต่อไปแล้ว การต่อสู้เช่นนี้ไม่รู้ว่าต้องกินเวลานานเท่าไหร่ถึงจบจบสิ้นกันสักที”
ลำตัวของเย้นหว่านพิงอยู่ในอ้อมกอดของโห้หลีเฉิน “ฉันอยากกลับบ้านกับคุณแล้วนะ”
กลับบ้าน
คำพูดออดอ้อนอย่างนุ่มนวลเพียงสองคำ แต่มันมีอำนาจวิเศษคับฟ้า วินาทีนั้นสามรถฟาดหัวใจของโห้หลีเฉินให้ขาดจากกันได้
เขายื่นมือออกไปคว้าเอวคอดของเธอ พลางพูดอย่างสุขุม
“อีกไม่นานเราก็จะกลับบ้านกันแล้วนะ”
หือ?
คำพูดนี้มันดูลับๆ ล่อๆ จัง
ดวงตาทอประกายของเย้นหว่านจ้องมองโห้หลีเฉิน “หรือว่าคุณวางแผนลงมือแล้วใช่ไหม?”