ทว่า เรื่องนี้ยากที่จะรับมือจริงๆ เธอไม่ควรมาอยู่ในที่เดียวกันกับเขาเลย ไม่เช่นนั้นสงครามอาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกวินาที
ระหว่างที่เธอครุ่นคิด เซอร์ยุนซีก็ล้มลงตรงหน้าเย้นหว่าน
เขาจะยื่นมือไปจับเย้นหว่าน เพื่อดูอาการบาดเจ็บของเธอ แต่เขายังไม่ทันได้สัมผัสเย้นหว่าน ด้านหน้าเขาก็มีแขนปริศนายื่นออกมาและปัดแขนของเซอร์ยุนซีออก
ร่างสูงโปร่งของเย้นโม่หลินยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนั้น พลางถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “คุณเป็นใคร?”
เซอร์ยุนซีที่ได้รับบาดเจ็บ เดิมทีเขาก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอยู่แล้ว ร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เดินเซและถอยหลังไปเล็กน้อย
ฉู่ฉู่รีบประคองตัวเขาไว้
เซอร์ยุนซีที่ยังประคองตัวเองไม่ได้ ก็มองไปทางเย้นโม่หลิน ทันใดนั้นก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกวิกฤตขั้นรุนแรง
ออร่าของผู้ชายคนนี้ ช่างเหมือนกับโห้หลีเฉิน ที่ทรงพลังราวกับกษัตริย์
แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา
แต่เขาเองอยู่ที่ประเทศเบียนหนานก็ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของชายผู้นี้มาก่อน หรือว่าเขาจะมาจากที่อื่น?
เสียงระฆังดังขึ้นอยู่ในใจของเซอร์ยุนซี
สีหน้าท่าท่างเขาพยายามที่จะนิ่งเฉยให้ได้มากที่สุด พลางยิ้มและเอ่ยปากพูด “ผมคือเซอร์ยุนซี เป็นท่านดยุก และผมก็เป็นว่าที่สามีในอนาคตของเย้นหว่าน ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โห้หลีเฉินที่หลับตาเอนกายอยู่บนเปลก็ลืมตาในทันที นัยน์ตาเขาเย็นยะเยือกราวกับแท่งน้ำแข็งอันแหลมคม
ในตอนนั้นเอง จิตใจของเย้นหว่านเต็มไปด้วยความกังวล
เซอร์ยุนซีมารนหาที่ตายหรือยังไงกัน
ในขณะที่เธอครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขบรรยากาศที่อึดอัดนี้อย่างร้อนรน ก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาของเย้นโม่หลินที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“น้องสาวฉันมีคู่หมั้นมาตั้งนานแล้ว ถ้านายพูดจาไปเรื่อยเปื่อยและทำลายความบริสุทธิ์ใจของเธอ ฉันจะดึงลิ้นนายออกซะ”
คำพูดที่เย็นยะเยือก แน่นอนว่ากำลังใช้อำนาจข่มขู่เขาอยู่
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นถึงท่านดยุก แต่เขาแลดูไม่สนใจเซอร์ยุนซีเลยแม้แต่น้อย ท่าทางทะนงองอาจที่ดูเป็นธรรมชาติ ช่างดูทรงพลังเสียจริง
ทว่า สิ่งที่เซอร์ยุนซีสนใจกลับกลายเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
เขามองเย้นโม่หลินด้วยความตกตะลึง พลางถามเขาอย่างไม่เชื่อหู
“นายพูดว่าอะไรนะ ?นายคือพี่ชายของเย้นหว่านงั้นเหรอ?”
เขาหันมองโห้หลีเฉินอีกครั้ง เขาก็ยิ่งไม่แน่ใจ “นายกับโห้หลีเฉินเป็นพี่น้องท้องเดียวกันงั้นเหรอ?”
สติของเซอร์ยุนซีแทบจะแตกกระเจิง
แค่มีพี่ชายคนเดียวก็ว่ายากแล้ว ยังมีพี่ชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เขาจะต้องผ่านด่านที่สามอีกงั้นหรอ?
หากจะแต่งงานกับเย้นหว่าน ก็ต้องเลื่อนไปอีกแล้วสินะ
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางใช้สายตาจับจ้องไปที่โห้หลีเฉิน
เย้นหว่านว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก เกรงว่าสถานการณ์นี้จะอยู่เหนือการควบคุม จึงเอ่ยปากพูดอย่างทันทีทันใด
“ ในเรื่องที่พูดกัน มีเรื่องที่เข้าใจผิดอยู่นิดหน่อยนะ ไว้พวกเราค่อยมาคุยกันทีหลัง ตอนนี้โห้หลีเฉินบาดเจ็บอยู่ ต้องพาเขาไปพักผ่อนที่ห้องก่อน”
ในตอนที่เย้นหว่านพูดอยู่นั้น เธอก็ส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดรีบมาหามโห้หลีเฉินออกไป
สถานการณ์ในตอนนี้เห็นท่าไม่ดีเอาเสียเลย
อย่างแรก ถ้าเย้นโม่หลินรู้ว่า ตอนนี้โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านเป็นแค่พี่น้องกันในนาม ไม่แน่เขาอาจจะรู้สึกว่า โห้หลีเฉินไม่จริงใจกับเธอ และความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจจะแตกหักกันได้
อย่างที่สอง หากคุยกันต่อ ไม่แน่เซอร์ยุนซีอาจจะรู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเธอและโห้หลีเฉิน และคนที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็คือเซอร์ยุนซี
เขาคือท่านดยุกที่สง่าผ่าเผย หากเขาสร้างปัญหาวุ่นวายแบบซาอินติ เกรงว่าเย้นหว่านจะตั้งรับไม่ไหว
เธอแค่อยากจะใช้เวลาสองสามวันนี้และอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข จากนั้นก็จะรีบไปจากที่นี่
อย่างไรก็ตาม มือของเธอที่เพิ่งไปสัมผัสกับเปล ก็ถูกโห้หลีเฉินคว้าไว้ก่อน
แววตาของเขามองไปที่เธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ประคองฉันขึ้นมาหน่อย”
เย้นหว่านปฏิเสธโดยไม่คิด “อาการบาดเจ็บของนายในตอนนี้เคลื่อนไหวมากไม่ได้”
โห้หลีเฉินกุมมือเย้นหว่านไว้แน่น น้ำเสียงของเขาดูนุ่มนวลและเด็ดเดี่ยว “เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว ว่านอนสอนง่ายหน่อยสิ”
น้ำเสียงที่ดูน่าทะนุถนอม ดูมีความสนิทสนมกันมาก
เย้นหว่านที่มีความเด็ดเดี่ยว ชั่วพริบตาก็รู้สึกหวั่นไหวไปกับคำพูดของเขา
ดวงตาของโห้หลีเฉินราวกับมีมนต์สะกด ทำให้เธอเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่าเขาโอเค อีกทั้งยังให้เธอใจไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธความต้องการของเขา
เย้นหว่านค่อยๆประคองแขนของโห้หลีเฉินไว้ และพยุงให้เขานั่งบนเปลอย่างระมัดระวัง
แม้จะเป็นเพียงท่าทางเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ใช้เวลาไปไม่น้อยเลย
เซอร์ยุนซีมองดูสองคนนั้น แววตาเต็มไปด้วยความสับสน มีความเคลือบแคลงอยู่ในใจเหมือนเขารับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ดูเป็นความรู้สึกที่ดูหนักหน่วง
เขาแอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยความเป็นห่วง
“พี่ชาย ทำไมบาดเจ็บรุนแรงขนาดนี้? แผลได้รับการรักษาหรือยัง ต้องการให้ผมเรียกหมอในวังมาดูอาการพี่หน่อยไหมครับ”
พี่ชาย?
การเรียกชื่อแบบนี้ ทำให้เย้นโม่หลินเลิกคิ้วด้วยความครุ่นคิด เขากวาดสายตาไปมองสามคนนั้นด้วยความสงสัย
ดูๆแล้วในช่วงเวลาที่เย้นโม่หลินยังไม่มา คาดว่าน่าจะเกิดเรื่องราวใหม่ๆไม่น้อย
ร่างกายของเย้นหว่านมีอาการตัวชาเพราะถูกจับจ้อง อีกทั้งร่างกายรู้สึกแน่นตึง และดูมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากล
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่าน พลางยื่นมือออกไปตบบนหลังมือของเธอ
เขากระซิบอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
จัดการอะไร?
ตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ก็ควรไปพักผ่อน……
เย้นหว่านไ่ม่สบายใจจึงอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าเห็นสายตาที่เฉียบแหลมของโห้หลีเฉินที่มองไปยังเซอร์ยุนซี ทุกคำทุกประโยคก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจนและปรุโปร่ง
“ขอแนะนำกับนายอย่างเป็นทางการ ฉันคือว่าที่เจ้าบ่าวของเย้นหว่าน”
“ อะไรนะ?”
เซอร์ยุนซีเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ พลางส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “พี่ครับ อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้สิ พี่เป็นพี่ชายแท้ๆของเย้นหว่าน จะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของเธอได้ยังไงกัน”
สีหน้าของโห้หลีเฉินยังคงเหมือนเดิม อีกทั้งน้ำเสียงก็ดูโหดร้ายและเย็นชา
“เย้นโม่หลิน คนนี้ต่างหากที่เป็นพี่ชายแท้ๆของเย้นหว่าน ”
เซอร์ยุนซีตัวแข็งทื่อ ตกใจจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ราวกับถูกฟ้าผ่า
เย้นหว่าน เย้นโม่หลิน……
นามสกุลเย้นทั้งคู่
ประเทศเบียนหนานไม่ได้ให้ความสนใจกับนามสกุล เพราะมีชื่อที่ต่างกัน และนามสกุลก็ไม่มีรูปแบบตายตัว ล้วนแตกต่างกัน
การที่เขาจะคิดไปเองว่าเย้นหว่านกับโหล้หลีเฉินเป็นพี่น้องกันที่ดูแตกต่าง นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เรื่องธรรมดาแบบนี้ ในตอนที่เย้นโม่หลินจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ก็กลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดาแล้ว อีกทั้งยังกลายเป็น bug ที่ใหญ่ที่สุด
เขาก็นึกขึ้นมาได้ด้วยความตระหนก ในโลกภายนอก ครอบครัวตระกูลส่วนใหญ่ ก็มักจะใช้นามสกุล นอกซะจากจะมีกรณีพิเศษเพียงไม่กี่อย่าง ถึงจะดูแตกต่างกัน
แต่เย้นหว่านกับเย้นโม่หลิน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่กรณีพิเศษ
พลางคิดเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เย้นโม่หลินปกป้องเย้นหว่าน ซึ่งดูแล้วเหมือนเธอคือน้องสาวของเขาจริงๆ ทำให้คนไม่สามารถสงสัยในตัวตนของเขาได้
แต่โห้หลีเฉิน…
“พวกนาย พวกนายโกหกฉันมาโดยตลอดหรอ?”
เซอร์ยุนซีมีสีหน้าซีดเซียว เขาเดินเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว ท่าทางที่โดนโจมตีอย่างรุนแรง ราวกับฟ้าถล่มลงมา
เย้นหว่านมองดูเซอร์ยุนซีด้วยความรู้สึกผิด ถ้าไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิดของความสัมพันธ์นี้ เซอร์ยุนซีก็คงไม่รู้สึกกับเธอมากขาดนี้
ระยะเวลาที่ผ่านมา เซอร์ยุนซีช่วยเหลือเธอมากมาย เขานับว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง
เย้นหว่านหนักใจ อึดอัดใจมาก
เวนเดลล์มองดูสถานการณ์นี้ด้วยความปวดหัว เพราะในตอนแรกที่เขาโกหก เขาก็นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
น่าโมโหชะมัด
เขารีบเอ่ยปากอธิบาย
“ท่านดยุก อย่าโกรธไปเลย เรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกท่าน นั่นเป็นเพราะตอนที่คุณโห้เพิ่งเข้าวังนั้น เขาก็ถูกองค์หญิงซาอินติกวนใจไม่หยุด ท่านก็รู้จักนิสัยขององค์หญิงดี ถ้าเธอไม่ได้ในสิ่งที่เธอต้องการก็จะทำลายทิ้ง คุณโห้มีสิ่งที่ต้องทำในวังมากมาย ด้วยเหตุสุดวิสัยนี้ ผมเลยต้องปั้นเรื่องว่าคุณโห้โสด และปั้นแต่งว่าเย้นหว่านคือน้องสาวของเขา
เป็นเพราะความสะเพร่าของผม ไม่นึกว่าภายหลัง ท่าน ท่านจะชอบเย้นหว่าน
การอธิบายของเวนเดลล์ เสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่บดขยี้อูฐให้ตาย