เซอร์ยุนซีเพิ่งจะเข้าใจเจตนาของฉู่ฉู่
แต่ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งถอดเสื้อทำความสะอาดแผลให้เขา ฉากแบบนี้ยากที่จะรับได้จริงๆ
ถ้าหากเป็นหมอผู้หญิงยังสามารถปลอบประโลมจิตใจได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นมืออาชิพ
แต่ฉู่ฉู่เป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย
เซอร์ยุนซีพูดขึ้นอย่างอึดอัดใจว่า “ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ไม่รีบ เดี๋ยวรอให้เสี่ยวหว่านมาจัดการก็พอ”
ได้ยินดังนั้น เย้นหว่านที่กำลัง ‘ทำแผล’ให้โห้หลีเฉิน ท่าทางก็ช้าลงสองสามจังหวะ
ไว้ใจได้ ก่อนที่ฉู่ฉู่จะจัดการแผลของเซอร์ยุนซี แผลของโห้หลีเฉินไม่ว่ายังไงก็จัดการไม่เสร็จ
ไม่ต้องรอแล้ว
ฉู่ฉู่กังวลคำพูดของโห้หลีเฉินในใจ ไม่กล้าจะรอช้าจริงๆ
แล้วหันไปมองเย้นหว่าน ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่
ถ้าเทียบกับความใส่ใจที่เซอร์ยุนซีมีต่อเธอ เธอไม่ใส่ใจเซอร์ยุนซีเหมือนภายนอกเลย
ฉู่ฉู่อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ กัดฟัน แล้วตัดสินใจอีกครั้ง
“แผลของนายถ่วงเวลาต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ก่อนที่หมอจะมา เดี๋ยวฉันทำความสะอาดแผลให้ก่อน”
ฉู่ฉู่พูดอย่างแน่วแน่ ยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเซอร์ยุนซีอีกครั้ง
เซอร์ยุนซีจะห้ามโดยจิตใต้สำนึก แต่ทันทีที่มือยื่นออกไป ก็ดึงมือกลับราวกับถูกไฟช็อต
เพิ่งจะจับมือของคนเขาไป ครั้งแรกเป็นเพราะไม่ได้ตั้งใจ ครั้งที่คงฟังดูไม่ขึ้น
แต่ถ้าไม่ห้าม ก็ต้องมองดูฉู่ฉู่ปลดกระดุมแรกของเขาโดยที่ทำอะไรไม่ได้
เซอร์ยุนซีแข็งทื่อไปทั้งตัว รู้สึกอึดอัดมาก
“ฉู่ฉู่ คุณไม่ต้องทำความสะอาดแผลให้ผมจริงๆ เพราะยังไงแล้วชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันขนาดนี้……”
ยังไม่ทันพูดจบ เสื้อเชิ้ตของเซอร์ยุนซีก็ถูกเปิดออกครึ่งหนึ่ง ถอดลงมา
บาดแผลของเขา หน้าอดครึ่งซีก เผยออกมาให้เห็น
ตกอยู่ในแววตาที่เปล่งประกายของฉู่ฉู่
ฉู่ฉู่มองดูหน้าอกของเขาอย่างเลื่อนลอย ตกใจเสียงหนึ่ง น้ำตาก็เอ่อล้นออกมา
เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้น “แผลของนาย……เจ็บไหม?”
มีดนั้นปักอยู่ในเลือดเนื้อ แบ่งผิวกายที่แข็งแกร่งเป็นสองซีก เนื้อของเขาปลิ้นออกมา เลือดไหลออกมาตลอด
ฉู่ฉู่ไม่เคยเห็นภาพที่น่าสยดสยองแบบนี้มาก่อน เธอสงสารจนแทบจะขาดลมหายใจ
เธอแทบจะอยากให้มีดนี้ ปักบนตัวเธอแทน
เซอร์ยุนซีตัวเกรง มองฉู่ฉู่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกใจ
เธอถามเขาอีกครั้ง เจ็บไหม?
ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนเขาไม่เคยมีแผล แต่ตั้งแต่เล็กจนโต เหมือนกับว่าไม่เคยมีใครถามคำถามนี้เลย
และเหมือนไม่มีใคร เห็นว่าเขาบาดเจ็บ แล้วน้ำตาคลอ กังวลจนแทบจะร้องไห้ออกมา
แต่ฉู่ฉู่ที่ไม่ค่อยรู้จักคนนี้ กลับเป็นคนแรก
ในอกของเขา รู้สึกอบอุ่นเบาๆ
เซอร์ยุนซีมองไปที่ฉู่ฉู่อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ท่าทีน้ำตานองหน้า ดูสบายตา ดึงดูดสายตามากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ
ช่างเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีจริงๆ
น้ำเสียงของเซอร์ยุนซีอ่อนโยนลงอย่างลืมตัว พูดเสียงต่ำว่า
“ไม่เจ็บ ไม่เป็นไรหรอก อย่ากังวลไปเลย”
เสียงที่แผ่วเบาของชายหนุ่ม ราวกับตัวเร่งให้เกิดน้ำตา อารมณ์ที่ฉู่ฉู่อดกลั้นไว้ ระเบิดออกมาทันที
น้ำตาไหลเป็นทางออกมา
แผลที่สาหัสแบบนี้ จะไม่เจ็บได้ไง? จนถึงตอนนี้เซอร์ยุนซียังคงอวดดี
อวดดีจนทำให้คนรู้สึกเอ็นดูสงสาร
เซอร์ยุนซีเบิกตาโตกว้างด้วยความตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าคำปลอบใจของเขา จะทำให้หญิงสาวตรงหน้าร้องไห้ออกมา ทันใดนั้นเขาลนจนไม่รู้จะทำอย่างไร
เขาพูดอย่างทำอะไรไม่ถูก “คะ คุณอย่าร้องสิ เฮ้ย อย่าร้องไห้แล้ว……”
การปลอบโยนที่มั่วซั่วของเขา ดูเหมือนกับเด็ก
แม้ว่าเย้นหว่านจะไม่ได้หันไปมอง แต่ได้เสียงทางข้างหลังอย่างชัดเจน
รู้สึกอิดหนาระอาใจขึ้นมา
ท่าทางพวกเขาสองคนแบบนี้ จัดการแผลอยู่จริงๆเหรอ?
โชคดีที่แผลของเซอร์ยุนซีไม่ได้สาหัสเหมือนที่โห้หลีเฉินพูด ถ้ายังไม่จัดการก็จะติดเชื้อแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ กลัวว่าเซอร์ยุนซีจะพลาดเวลาในการรักษา
โห้หลีเฉินไม่ได้สนใจกับเรื่องตลกนี้เลย ขอแค่เซอร์ยุนซีไม่มารบกวนเย้นหว่านก็พอ
ถ้าหากว่าเขาและฉู่ฉู่ได้เป็นแฟนกัน เขาจะมีความสุขมากที่ได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น
ท่ามกลางความวุ่นวาย ในที่สุด คุณหมอก็มาถึงสักที
ฉู่ฉู่ที่ร้องห่มร้องไห้จนสายตาพร่ามัว โล่งอกทันที รีบขยับที่ให้ ให้หมอจัดการแผลของเซอร์ยุนซี
เซอร์ยุนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ฉู่ฉู่หยุดร้องแล้ว
เป็นไปอย่างที่คิดที่หลายปีนี้เขาไม่ชอบผู้หญิงมีเหตุผลอยู่นะ สิ่งมีชีวิตแบบผู้หญิงนี้ ร้องไห้ขึ้นมานี่เอาชีวิตไปได้เลย ไม่สามารถปลอบโยนได้เลย ยิ่งปลอบน้ำตาก็ยิ่งไหล ปวดหัวชะมัด
เขากลับลืมไป เมื่อก่อนมีผู้หญิงบางคนที่คลานขึ้นเตียงเขา ร้องไห้แล้วอ้อน ถูกเขาเตะออกไปนอกประตูอย่างไร้ความปรานีอย่างไร
หลังจากที่หมอมา ก็รีบจัดการความสะอาดบนแผลของเซอร์ยุนซี จากนั้นให้เขาไปที่เตียงด้านใน ให้เขานอนลงและดึงมีดออกมา
หลังจากที่เซอร์ยุนซีเข้าไปแล้ว แผลที่จัดการไม่เสร็จสักทีของโห้หลีเฉิน กลับเสร็จเรียบร้อยในไม่กี่นาที
ติดพาสเตอร์หัวใจ ก็เสร็จแล้ว
โห้หลีเฉินลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องตามหลัง
เย้นหว่านยืนอยู่ข้างหลังเขา มองเขาอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าเขาที่ไม่เป็นห่วงเซอร์ยุนซีเลยสักนิด จะเข้าไปทำไม
หรือว่าจะดูฉากชักดาบอันเจ็บปวดของเซอร์ยุนซีด้วยตาตัวเอง สะใจอีกรอบ?
เป็นไปได้มาก
เย้นหว่านแอบจุดเทียนแถวหนึ่งในใจให้เซอร์ยุนซี แล้วเดินตามเข้าไปในห้อง
ฉากในห้องน่าสลดใจอยู่บ้าง
เซอร์ยุนซีนอนบนเตียง เตียงสีขาวข้างใต้เต็มไปด้วยสีแดง หมอกำลังเอาเครื่องมือต่างๆจัดการกับหน้าอกของเขา
เซอร์ยุนซีนอนบนเตียง สีหน้าซีดขาว
โห้หลีเฉินยืนห่างจากเตียงสองเมตร มองเซอร์ยุนซีจากด้านบน พูดอย่างใจเย็นว่า
“นายได้รับบาดเจ็บ ก็อยู่พักฟื้นที่นี่เถอะ”
อยู่พักฟื้นที่นี่? งั้นก็แสดงว่าอยู่บ้านเดียวกันกับเย้นหว่านน่ะเหรอ!
งั้นก็สามารถเจอกันได้ทุกวันสิ
ตาของเซอร์ยุนซีเปล่งประกาย จู่ๆก็รู้สึกว่าโห้หลีเฉินเป็นพี่เขยที่ดีที่สุดในโลกเลยทันที แม้แต่ความสำออยที่จะทำแผลอันเล็กน้อยก็ลืมไปเลย
เซอร์ยุนซีรีบพยักหน้า “ดะ ได้เลย ขอบคุณครับพี่”
เย้นหว่านมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย โห้หลีเฉินจะใจดีขนาดนี้?
เป็นไปตามคาด จากนั้นก็ได้ยินโห้หลีเฉินพูด
“เรื่องจัดการโอหยางฝู่ทีหลัง เดี๋ยวฉันช่วยนายจัดการเอง รอแผลนายหายดีหน่อย ค่อยมาปิดท้ายละกัน”
แม้ว่าโอหยางฝู่ถูกจับกุม แต่ขอกล่าวหาเขาในทีหลัง ควบคุมแรงกำลังอำนาจของเขา ยังต้องการจัดการเรื่องอีกเยอะ
จริงๆแล้วควรเป็นเซอร์ยุนซีที่ต้องรีบไปจัดการ
แต่พอมองโห้หลีเฉิน เซอร์ยุนซีพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นด้วยอย่างเต็มใจ
“งั้นรบกวนพี่ด้วยนะครับ”
ครั้งนี้สามารถจับกุมโอหยางฝู่ทั้งเป็น ล้วนอาศัยแผนการรอบคอบของโห้หลีเฉิน ความสามารถและความฉลาดเฉลียวของโห้หลีเฉิน แข็งแกร่งกว่าเขาไปเยอะ
คนที่มีความสามารถแบบนี้ ก็คงมีวิธีที่เก่งกาจ สามารถจัดการเรื่องทีหลังได้อย่างละเอียด
มอบให้โห้หลีเฉิน เขาสามารถพักฟื้นอย่างโล่งใจได้จริงๆ
อีกอย่าง ที่สำคัญคือ โห้หลีเฉินไปจัดการเรื่อง งั้นเย้นหว่านก็คงอยู่บ้านคนเดียว เขาสามารถใช้เวลาส่วนตัวเจอกับเย้นหว่านมากขึ้น!
รอโอกาสที่โห้หลีเฉินไม่อยู่ สร้างไมตรีจิตมิตรภาพเยอะๆ
เซอร์ยุนซีนึกถึงพวกนี้ มุมปากก็อดที่จะยกขึ้นไม่ได้ มองเย้นหว่านด้วยแววตาเปล่งประกาย