การฝืนทำเป็นเข้มแข็งของเธอ ทันใดนั้นก็พังทลายหมด
เธอใช้สองมือปิดใบหน้า น้ำตาไหลออกมาอย่างมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอร้องไห้ออกมา
เสียงร้องไห้ราวกับใจจะขาดนั้น ทำให้ใจของเย้นโม่หลินหนักขึ้น
เขามองไปยังซาอินติอย่างเยือกเย็น แล้วถามขึ้น “เมล็ดแมกโนเลียอยู่กับเธอ?”
“เมล็ดแมกโนเลีย?”ซาอินติเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ ของสิ่งนั้น ฉันบดขยี้ทำลายมันกับมือแล้ว! ในโลกนี้ไม่มีเมล็ดแมกโนเลียอีกแล้ว นั่นเป็นเม็ดเดียวที่…….”
“ปั้ง ปั้ง ปั้ง!”
กระสุนถูกยิงไปที่ซาอินติต่อกันสามนัด
ซาอินติกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แทบรอไม่ไหวที่จะกลิ้งลงบนพื้น
เย้นโม่หลินมองดูเธออย่างเยือกเย็น แล้วขมวดคิ้วแน่น ในตอนนี้ เขาถึงจะเข้าใจว่า ทำไมเย้นหว่านถึงเกลียดเธอขนาดนี้
เมล็ดแมกโนเลียนั้นคือชีวิตของโห้หลีเฉิน
ผู้หญิงเลวๆคนนี้ ทำไมถึงกล้า! ทำไมเธอถึงกล้า!
เย้นโม่หลินยิงติดต่อกันอีกหลายนัดด้วยความโมโห ลูกกระสุนนั้นยิงโดนจุดต่างๆในร่างกายของเธอ โดยแต่ละจุดนั้น ล้วนเป็นจุดที่เปราะบางและเจ็บที่สุด
การที่โดนยิงใส่ติดต่อกันหลายนัดนั้น ทำให้ซาอินติทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด
ร่างกายของเธอชักและบิดงอ เธอกลอกตาด้วยความเจ็บปวด แม้เธออยากตายก็ตายไม่ได้ ทำได้เพียงลิ้มรสความเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็นนี้
“ฆ่าฉันสิ โอ้ย นายฆ่าฉันสิ……..”
“เจ็บ ขอร้องล่ะฆ่าฉันเถอะ ขอร้อง ฆ่าฉันสิ”
เสียงกรีดร้องที่ราวกับจะขาดใจของเธอนั้น ดังไปทั่วบริเวณแถวๆนั้น
เย้นหว่านไม่มีความเห็นอกเห็นใจเธอเลยแม้แต่น้อย
อารมณ์และความรู้สึกของเธอนั้นก็พังทลายหมดแล้ว
ตอนนี้ที่ยังมีชีวิต สิ่งที่เธอต้องเผชิญหน้า ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดของโห้หลีเฉิน แต่ยังรวมถึง การนับเวลาถอยหลังสู่ความตายของเขาที่ไม่มีโอกาสรักษาแล้ว
อนาคตและความสุขถ้วนหน้า แปรเปลี่ยนเป็นเวลาที่มีไม่ถึงสามปี
เรื่องนี้สำหรับเย้นหว่านแล้ว ถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ชีวิตของเธอ ก็หม่นหมอง สิ้นหวัง และไม่มีแสงแห่งความหวังอีกแล้ว
เย้นโม่หลินยื่นปืนให้บอดี้การ์ดคนหนึ่ง “ยิงต่อไป ให้เธอรู้สึกเจ็บปวด แต่อย่าให้ตาย”
พูดจบ เย้นโม่หลินก็ดึงเย้นหว่านเข้ามาในอ้อมกอด
เขาตบหลังเธอเบาๆด้วยความเป็นห่วง และพูดปลอบเธอให้ผ่อนคลาย ทว่า กลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรงมาก
ต่อหน้าความตายของโห้หลีเฉิน ทุกคำพูดนั้นล้วนไร้ประโยชน์ เขาไม่สามารถปลอบโยนเย้นหว่านได้ และไม่สามารถช่วยเหลือความสิ้นหวังของเธอได้
ท้องฟ้าก็เริ่มมีเมฆมาก ค่อยๆมืดลงราวกับแปรเปลี่ยนตามความรู้สึกของเย้นหว่าน
บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยความไร้ชีวิตชีวา
“เหมือนฝนกำลังจะตกเลยนะ”
เสียงผู้ชายพูดแซวดังขึ้นจากที่ที่ไม่ไกลนัก
ป่ายฉีที่พิงอยู่ตรงโคนต้นไม้ข้างๆ ในมือก็ยังถือหญ้าไว้หนึ่งต้นอย่างสบายๆ
อารมณ์ของเขากับพื้นที่เกลื่อนไปด้วยศพ เสียงคร่ำครวญของหญิงสาว และความทุกข์ทรมานของเย้นหว่านนั้น ไม่เหมือนกันเลยสักนิด แถมยังตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ
อารมณ์ของเขาดีมาก จนทำให้คนอื่นอยากกระทืบเขา
เย้นโม่หลินกอดเย้นหว่านไว้ แล้วจ้องไปยังเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่รู้จะพูดอะไร ก็หุบปากหมาๆของแกไปซะ”
โดยปกติเย้นโม่หลินก็ไม่ชอบนิสัยที่ไม่ปกติของป่ายฉีอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ อยากจะจับเขาโยนลงมหาสมุทรให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
มีความสุขขนาดนี้ ไม่แคร์ความทุกข์ทรมานของเย้นหว่านเลย?
“อ้อ”ป่ายฉียักไหล่ ทำท่าเหมือนหมดหนทาง “ถ้าไม่ให้ฉันพูด งั้นฉันก็ไม่สามารถสกัดเมล็ดแมกโนเลียเพื่อช่วยคนแล้ว งั้นก็ช่างมันเถอะๆ”
อะไรนะ?
สกัดเมล็ดแมกโนเลียเพื่อช่วยคน?
เย้นหว่านตัวแข็งทื่อ จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมอกของเย้นโม่หลิน บนใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาก็แดงและบวม เธอรีบถามขึ้นทันทีว่า “ป่ายฉี นายหมายความว่าไง?”
เมื่อเห็นสภาพที่เศร้าโศกของเย้นหว่านแล้ว ป่ายฉีก็ยกมุมปาก
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเล็กน้อย
เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์แท้ๆ แต่กลับต้องมาเผชิญกับความทุกข์ทรมานแบบนี้
เขาก็ไม่รีรอ รีบพูดขึ้นมา “ภายในสองชั่วโมง แม้เมล็ดแมกโนเลียจะถูกบดขยี้เป็นผง แค่ยังมีเศษหลงเหลือ ฉันก็สามารถสกัดฤทธิ์ของยาออกมาได้”
ผ่านไปสักครู่ เกรงว่าเย้นหว่านจะไม่เข้าใจ เขาจึงพูดเสริมขึ้นว่า “มันก็หมายถึง โห้หลีเฉินยังมีโอกาสรอด ไม่ต้องตายหลังจากครบสามปี”
เย้นหว่านมองป่ายฉีอย่างงุนงง เธอดีใจมากจนสติหลุด และยังไม่ได้สติกลับมา
นี่ถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดที่เธอได้ยินในวันนี้
ท้องฟ้าที่หม่นหมองของเธอ ก็กลับมามีแสงสว่างอีกครั้ง และเต็มไปด้วยความหวัง
“เศษยาอยู่ตรงนี้ อยู่ทางนี้”
เย้นหว่านรีบวิ่งไปยังที่ที่เธอจำได้ว่าซาอินติบดขยี้เมล็ดแมกโนเลียทิ้ง
ที่นั่นเกลื่อนไปด้วยศพ มีศพมากมายเรียงรายอยู่บนพื้น เมื่อมองไป ก็ไม่สามารถมองเห็นพื้นได้
เย้นหว่านตื่นตระหนกเล็กน้อย เธอกลัวว่าเพราะวุ่นวายเกินแล้วจะหาเมล็ดแมกโนเลียไม่เจอ เธอนั่งลงบนศพอย่างไม่สนอะไร จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเคลื่อนย้ายศพ
แรงของเธอนั้นไม่เยอะ ทว่า เมื่อใช้แรงที่ดื่มนมมา ก็สามารถเคลื่อนย้ายศพของร่างใหญ่ออกไปได้
เมื่อเย้นโม่หลินเห็นแล้วคิ้วก็ขมวดเป็นปม ที่แท้ ศักยภาพของมนุษย์นั้นไร้ขีดจำกัดจริงๆ
แม้แต่ผู้หญิงยังเปลี่ยนเป็นดุร้ายขนาดนี้ได้
เขาก็ไม่รีรออะไร รีบเข้าไปช่วยทันที ยื่นมือไปช่วยย้ายศพที่เย้นหว่านกำลังย้ายอยู่ “มา พี่ช่วย”
เขาไม่ได้บอกว่า ให้เธอหลบและเขาจะจัดการเอง
เขาเข้าใจอารมณ์ที่ร้อนรนของเย้นหว่านในตอนนี้ดี มีเพียงต้องลงมือด้วยตัวเอง ถึงจะทำให้เธอสบายใจขึ้นเล็กน้อย เพื่อไม่ให้กระวนกระวายใจมากเกินไป
ป่ายฉีเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เมื่อเห็นคนสองคนที่กำลังเร่งรีบ ก็ถอนหายใจและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“ความรู้สึกของคนบนโลกใบนี้คืออะไรกัน ไม่คำนึงถึงชีวิตส่วนตัวและความตายเลย”
ทันใดนั้นเย้นโม่หลินก็มองไปยังเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ยังพูดบ้าอะไรอยู่? แกรีบมาเลยนะ มาดูและแยกแยะเมล็ดแมกโนเลีย”
ป่ายฉียกมุมปาก “……….”
คนหยาบๆไม่มีความละเอียดอ่อนของศิลป์เลย เขานั้นไม่ชอบเลยจริงๆ
ที่นี่ ไม่เพียงแต่มีศพมากมาย แถมยังมีเลือดนองเต็มไปหมด
เมื่อเคลื่อนย้ายศพออก ก็จะพบกับเลือดสดที่นองอยู่เต็มพื้น
เมื่อเย้นหว่านเห็นเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น เธอก็นิ่งไปทันที จากนั้นสีหน้าของเธอก็เริ่มซีดขาว
เธอกระวนกระวายใจจนพูดเสียงสั่น “เมล็ดแมกโนเลีย อาจจะจมอยู่ในกองเลือดหรือเปล่า…….”
สารตกค้างละลายในเลือดแบบนี้ เธอกลัวว่าจะหาไม่เจอ
“จมก็จมสิ อย่างมากก็แค่ทำเป็นซุปเลือด”
สีหน้าของป่ายฉีไม่ได้เปลี่ยนไป เพราะทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับตัวเขา
หัวใจของเย้นหว่านที่แทบจะหลุดออกมาจากตัวในตอนแรก ในตอนนี้ถึงจะสงบลงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็รีบหาร่องรอยของเมล็ดแมกโนเลียบนพื้นต่อ
โชคดีที่ไม่นานเธอก็หาเจอ
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง แล้วชี้ไปที่พื้น “เหมือนจะเป็นอันนี้ น่าจะเป็นอันนี้แหละ”
บนโคลนที่เลอะเทอะนั้น มีของเหนียวเหนอะหนะกระจัดกระจายเต็มพื้น บางส่วนถูกเหยียบจมเข้าไปในโคลน และยังมีบางส่วนก็อยู่ในกองเลือด กระจัดกระจายวุ่นวายไปหมด
พูดได้เลยว่ามันแย่มาก มันเป็นสารตกค้างที่อยู่ในกองขยะชัดๆ
นี่เป็นของสำคัญในสายตาของเย้นหว่าน เป็นยาที่จะช่วยชีวิตของโห้หลีเฉินได้
ป่ายฉีมองดูสารตกค้างเหล่านั้น แล้วถอนหายใจออกมา “ดูท่าแล้ว ฉันน่าจะต้องเรียนแบบพระจี้กง ถูโคลนเป็นก้อนเล็กๆ เพื่อเป็นยารักษา”
เย้นหว่านนึกถึงภาพที่เธอเคยเห็นในทีวีก่อนหน้านี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง
“นายจะให้โห้หลีเฉินกินเข้าไปทั้งโคลนเลย?”
พระจี้กงนั้นถูบนร่างกายของตัวเอง ก็จะถูออกมาเป็นเม็ดยา แล้วนำมารักษาผู้คนได้
ทว่า อันนี้เป็นโคลน แถมยังมีเลือดปนอยู่ ให้โห้หลีเฉินกินเข้าไป…….
เย้นหว่านที่นึกไปถึงภาพนั้น ก็รู้สึกอยากจะอาเจียนเล็กน้อย