ตอนนี้คนที่มองดูอยู่รอบข้างต่างกำลังเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกู้จื่อเฟยและพวกเขา ส่วนมากที่คิดว่าเป็นรักสามเศร้า และส่วนน้อยที่คิดว่ากู้จื่อเฟยกับฝู้เหวยข่ายมีซัมติงกันอยู่
เป็นอย่างนี้ต่อไป จะต้องเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมากมายแน่ หลังจากนี้หากกู้จื่อเฟยประกาศเรื่องของป่ายฉีขึ้นมาอย่างกะทันหันก็จะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างน่าเกลียดเลยก็อาจบอกว่าเธอเหยียบเรือสองแคม
เขาไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้
คิดดังนั้น กู้หรงจึงมองเข้าไปในฝูงชนและเห็นป่ายฉีที่ยืนอยู่หลังเย้นโม่หลินห่างไปไม่ไกล
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาที่ไม่แยแสทั้งยังใจลอยอยู่หน่อยๆ แล้ว กู้หรงก็โกรธเคืองด้วยความไม่พอใจที่สะสมมา
แฟนสาวของตัวเองจะถูกคนอื่นแย่งไปอยู่แล้ว ทำไมเขาไม่รู้จักกังวล แสดงอะไรออกมาบ้าง?
ช่างเป็นคู่หนุ่มสาวที่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเหลือเกิน
กู้หรงมองตรงไปยังป่ายฉีแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่ดังเป็นพิเศษ
“ป่ายฉี ของขวัญของเธอคืออะไรเหรอ? ลุงอยากรู้มากเลยล่ะ”
เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าป่ายฉีจะให้อะไร เขาก็จะแสดงออกมาว่าชอบพออย่างมากเป็นพิเศษ
จะต้องใช้ความชื่นชอบของเจ้าของงานมากดความสว่างของเย้นโม่หลินและฝู้เหวยข่าย
เมื่อสิ้นเสียงพูด สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ป่ายฉี ดวงตาแต่ละคู่ที่ร้อนผ่าวจ้องมองป่ายฉีอย่างคาดหวัง
คนที่กู้หรงจงใจเรียกชื่อเป็นพิเศษ จะต้องแตกต่างจากคนอื่นอย่างแน่นอน
มีสองคนที่ให้ของขวัญอันน่าทึ่งอยู่ก่อนแล้ว ของเขาเองก็จะต้องยิ่งน่าตื่นตาอย่างแน่นอน
พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะประเป็นประกายแล้ว
ป่ายฉีที่กำลังดูละครอยู่ตัวแข็งทื่อและตกตะลึงในทันที
ของขวัญ? เขาไม่ได้เตรียมไว้สักหน่อย!
เขาเป็นแค่ตัวประกอบในงานเลี้ยงคืนนี้เท่านั้นเองนะ แค่อยากจะถือโอกาสฉวยผลประโยชน์ตอนชุลมุนเอง ไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าจะถูกเรียกชื่อต้องการของขวัญ
ถูกจ้องมองอยู่แบบนี้ จะให้เขาเปลี่ยนเป็นอีกอย่างได้ยังไง?
ป่ายฉีมองไปที่เย้นโม่หลินอย่างระมัดระวังอย่างอยากจะขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันจะได้ขอความช่วยเหลือก็ได้รับสายตาเย็นชาเหมือนอยากจะฆ่าเขามาแทน
ทันใดนั้นป่ายฉีก็หนาวสั่นไปทั้งตัว
ตายแน่ตายแน่ เหมือนเขาจะไป “ยั่วโมโห” เย้นโม่หลินเข้าแล้ว
มีรูให้เขามุดเข้าไปบ้างไหม เขาคิดแค่อยากจะหายไปจากตรงนี้ซะ เหมือนไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
ทว่า เมื่อกู้หรงเห็นเขาไม่ขยับอยู่นาน จึงเดินไปเบื้องหน้าของเขาตรงๆ
ฝ่ามือตบลงบนไหล่ของเขาแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรสนิทสนมเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ไม่ว่าเธอจะให้อะไรลุงก็ชอบที่สุดทั้งนั้น”
ป่ายฉี “……”
สายตาแห่งความตายนั้นยิ่งเย็นเยือกลงไปอีก
ป่ายฉีร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา คุกเข่าให้กับกู้หรงเป็นเส้นตรง เย้นโม่หลินทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ไปชอบหมอนั่นแล้วดันมาตอแยเขากันล่ะ
แบบนี้ฆ่าคนตายได้เลยรู้รึเปล่าเนี่ย?
โต้ตอบสายตาที่ประหลาดใจ ป่ายฉีกัดฟัน ได้แต่หยิบมีดผ่าตัดแบบพกพาออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
กู้หรงตกตะลึง
ทุกคน “….”
ผู้คนในที่นั้นหยุดนิ่งไปสามวินาที ทุกคนต่างเบิกตากว้าง มองไปยังของที่อยู่ในมือของป่ายฉีอย่างไม่อยากเชื่อ
มีดผ่าตัดหนึ่งเล่ม?
แม้มันจะคมกริบมาก แต่ดูเหมือนว่าจะผ่านการใช้งานมาแล้ว
เอาสิ่งนั้นมาเป็นของขวัญ มันออกจะ…..ไม่ใส่ใจเกินไปหน่อยรึเปล่า?
เย้นหว่านที่มองดูเหตุการณ์ปิดหน้าอย่างเงียบงัน เพียงอยากจะบอกว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขีดเส้นเอาไว้กับป่ายฉีว่าเธอไม่รู้จักเขา
น่าขายหน้าเกินไปแล้ว
เอานาฬิกาข้อมือออกมาเป็นของขวัญก็ยังดี ควานอะไรมีดผ่าตัดกัน
จะให้กู้หรงเอาไปทำอะไรล่ะ? ปอกแอปเปิ้ลปอกกล้วยรึไง?
ป่ายฉีเองก็อึดอัดอย่างมาก นี่จะต้องเป็นสถานการณ์ที่น่าอายที่สุดในชีวิตเขาแน่
ครั้งแรกก็แย่สุดๆ ไม่นึกเลยว่าจะให้มีดผ่าตัดเล่มหนึ่งเป็นของขวัญต่อหน้าผู้คน นอกจากนี้ยังมีของขวัญที่ฉูดฉาดสองชิ้นอยู่ข้างหน้าอีก
ไม่มีคู่ต่อสู้ก็ไม่มีอันตราย เขาเป็นเพียงเหยื่อที่น่าสงสาร
“เฮ้อ….”
ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้หรงก็ได้สติแล้วรับมีดผ่าตัดมาด้วยรอยยิ้ม “ป่ายฉี เธอช่างมีใจงดงามจริงๆ”
ป่ายฉี “???”
กู้หรงถือมีดผ้าตัดด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับมือของป่ายฉี ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นตื้นตัน
“เธอรู้ว่าฉันนับถือหมอผู้ช่วยชีวิตและรักษาคนเจ็บป่วยที่สุด เธอเลยให้มีดผ่าตัดที่มีค่าที่สุดของเธอกับฉัน มีดผ่าตัดสำหรับหมอแล้วนั้นก็คือเส้นทางที่จะเดิน คมมีดในมือ ความหวังในการช่วยชีวิตผู้คน เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือ มิตรภาพของผู้คนนับไม่ถ้วนที่คุณได้รับการช่วยเหลือจากเธอ
ของขวัญชิ้นนี้ เป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดที่ฉันเคยได้รับ! ฉันจะเก็บมันไว้อย่างดี วางไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของโต๊ะหนังสือและมองดูมันทุกวัน”
ป่ายฉีเบิกตากว้าง เขาตะลึงงันไปกับคำพูดนั้น
เขาไม่เคยนึกถึงเลยสักนิดว่ามีดผ่าตัดเล่มหนึ่งมันจะยังสามารถตีความไปแบบนั้นได้ด้วย?
เขาแค่หยิบมันออกมาโดยไม่ตั้งใจจริงๆ ในกระเป๋าก็ยังมีแบบที่เหมือนกันอยู่อีกหลายอัน….
“ฉันเดิมพันด้วยล่าเถียวห่อหนึ่งเลย ป่ายฉีก็แค่หยิบของที่มีค่าน้อยที่สุดในกระเป๋าออกมามั่วๆ เท่านั้นเอง”
เย้นหว่านที่อยู่ข้างๆ โห้หลีเฉินเอ่ยเสียงเบา
โห้หลีเฉินมองเธออย่างเอ็นดูและพยักหน้าเห็นด้วย “อืม กลับไปเดี๋ยวซื้อล่าเถียวให้ห่อหนึ่งนะ”
อย่างไรก็ตามคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มองอย่างปรุโปร่งขนาดนั้นเหมือนเย้นหว่าน
ผู้คนจำนวนมากถูกกู้หรงล้างสมองและทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีดผ่าตัดเล่มนั้นยอดเยี่ยมขึ้นมา
“ช่างจริงใจจริงๆ”
“ใช่แล้ว หมอนั้นมีเมตตาและคุณธรรม มีดผ่าตัดก็คือความเชื่อมั่นของพวกเขา ที่ป่ายฉีให้นั้นไม่ใช่มีดผ่าตัด แต่ได้ให้ความเชื่อมั่นของเขา”
“มิน่าคุณกู้ถึงได้ชอบมัน ของขวัญที่จริงใจแบบนี้ฉันเองก็ชอบเหมือนกัน”
“พวกคุณเห็นกันรึยัง ทั้งสามคนนี้ คนที่คุณกู้ชอบและให้ความสำคัญที่สุดก็คือป่ายฉี ของขวัญไม่ได้สูงค่าแต่ได้ใจคน”
เสียงพูดคุยจ๊อกแจ๊กของผู้คนนั้นไม่ได้นับว่าเบาเลย ทุกคนแทบจะได้ยินกันหมด
กู้หรงได้ยินบทสนทนาพวกนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
นี่แหละผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
ดีที่เขาฉลาด สมองแล่นไวเลยแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน รักษาหน้าให้ป่ายฉีไว้ได้
แต่ทว่า ป่ายฉีที่ถูกให้หน้าไว้ในตอนนั้นได้ร้องไห้โดยไร้น้ำตา ร่างกายแข็งเกร็ง ราวกับใต้ฝ่าเท้ามีหนามแหลมกำลังทิ่มแทงเขา
เขาไม่ต้องมองก็รับรู้ได้ชัดเจนถึงสายตาเย็นเยือกที่มาจากเย้นโม่หลิน ราวกับคมมีดจริงที่กำลังจะแทงเข้ามาในร่างกายอันเปราะบางและน่าสงสารของเขา
ภายใต้รอยยิ้มสง่างามบนใบหน้าของฝู้เหวยข่าย มีความเกลียดชังที่กำลังเดือดพล่าน
เขามองไปยังป่ายฉีด้วยแววตาหม่นมืดและเผยจิตสังหารออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
คืนนี้ เป็นคืนที่เขาอัดอั้นตันใจที่สุดในชีวิต
อย่างแรกเลยคือคู่ควงถูกเย้นโม่หลินแย่งไป แล้วยังต้องบอกว่าเข้าใจด้วยรอยยิ้มอีก อย่างต่อมาคือเขาหยิบหยกเลือดแสนล้ำค่าที่ติดตัวอยู่ออกมาแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะถูกป่ายฉีไอ้เวรนั่นแย่งซีนไปซะได้
แถมไอ้ที่แย่งซีนไปยังเป็นมีดผ่าตัดหนึ่งเล่มเท่านั้นเอง!
ตลอดงานเลี้ยง เขาไม่เพียงแค่สูญเสียหยกเลือดภูเขาหนานเอ๋อล้ำค่าไปเท่านั้น แต่เขายังไม่ได้กำไรอะไรเลย!
กรีดเลือดชัดๆ !
หลังจากได้รับของขวัญจากสามคนนี้ ของขวัญของคนอื่นๆ ก็ถูกบดบังจนหมด
ช่วงของการรับของขวัญและอวยพรผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต่อจากนั้นก็คือการเต้นรำ
เพลงโรแมนติกฟังสบายดังขึ้น
เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวโอบกอดและเต้นรำกันบนพื้นหญ้า
ในฐานะลูกสาวของเจ้าของวันเกิด เจ้าภาพตัวน้อยในคืนนี้ กู้จื่อเฟยเองก็ย่อมต้องเต้นรำสักเพลง
และคู่เต้นนั้นก็คือเย้นโม่หลิน
เมื่อมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแต่สีหน้ากลับถมึงทึงและมีบรรยากาศเย็นชา กู้จื่อเฟยก็รู้สึกประหม่าและอึดอัดขึ้นมา
เธอไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้เขา นับประสาอะไรกับการโอบกันเต้นรำ
เธอสับสนอลหม่าน