ขณะที่เธอกำลังกุมหัวไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีอยู่นั้น จู่มือถือก็มีเสียงติ๊ดๆดังขึ้น
เป็นข้อความล่าสุดในQQ
เธอเปิดมือถือออกดู ก็เห็นว่าบัญชีของตัวเองถูกดึงเข้าไปในกลุ่มที่ชื่อว่าคนนอนดึก
เป็นพวกคนที่น่าเบื่อดึงเธออีกแล้วเหรอ?
กู้จื่อเฟยกำลังจะปิดมือถือ ในตอนนี้เอง ในกลุ่มกลับมีคนส่งข้อความมาหนึ่งข้อความ
เย้นหว่าน:พี่ พี่ให้ฉันสร้างกลุ่มดึกๆดื่นๆทำไมกัน?
พอเห็นชื่อในอินเทอร์เน็ตที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี กู้จื่อเฟยก็รู้สึกตกใจไม่น้อย เย้นหว่านเป็นคนสร้างกลุ่มเหรอ
แถมเพิ่งจะพูดว่า พี่ด้วย?
หรือว่าเย้นโม่หลินก็อยู่ในกลุ่มนี้?
กู้จื่อเฟยใจเต้นเร็วขึ้นมาก รีบเปิดดูสมาชิกในกลุ่มอย่างรวดเร็ว เห็นรายชื่อสมาชิกในกลุ่มห้าคนอย่างที่คิดไว้
ล้วนแต่เป็นชื่อจริงๆทั้งนั้น เย้นหว่าน โห้หลีเฉิน ป่ายฉีและเย้นโม่หลิน
เป็นกลุ่มของพวกเขาห้าคน
แถมเย้นโม่หลินก็เป็นคนเสนอให้สร้างกลุ่มด้วย เย้นโม่หลินคิดจะบอกอะไรอย่างนั้นเหรอ?
กู้จื่อเฟยมองจ้องหน้าจออย่างจริงจังทันที เรียกได้ว่าใจจดใจจ่อก็ว่าได้
รออยู่สักพัก เย้นหว่านก็ส่งข้อความมาอีก
เย้นหว่าน:?
เย้นหว่าน:พี่ ยังอยู่ไหม? นอนแล้วเหรอ?
เย้นโม่หลิน:ยัง
ผ่านไปสักพัก เขาก็ส่งมาอีกหนึ่งข้อความ
เย้นโม่หลิน:ใครจะกินมื้อดึก?
พอเห็นคำว่ามื้อเด็ก ใจของกู้จื่อเฟยก็เต้นเร็วขึ้นมาทันที
เย้นโม่หลินให้เย้นหว่านสร้างกลุ่มดึกๆดื่นๆ ก็เพื่อจะถามเรื่องอาหารมื้อดึกเนี่ยนะ?
พอคิดถึงการนัดกินมื้อดึกในคืนนี้ของพวกเขา นิ้วมือของกู้จื่อเฟยก็กดตรงแป้นพิมพ์ไว้แน่น ลังเลว่าจะส่งข้อความตอบกลับไปว่าเธอเตรียมที่จะไปทำแล้ว
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะส่งไปตอนนี้หรือว่ารอสักพักแล้วค่อยส่งไปอยู่นั้น ในตอนนี้เอง บนหน้าจอก็มีข้อความอื่นเด้งขึ้นมา
เย้นหว่าน:ฉันไม่กิน
โห้หลีเฉิน:ผมไม่กิน
ป่ายฉี:……
ป่ายฉี:ผมไปกินเป็นเพื่อนคุณก็แล้วกัน อยากกินอะไร ผมจะเรียกพ่อครัวมาทำให้
มองข้อความที่ป่ายฉีส่งมา ใจที่เต้นอยู่ของกู้จื่อเฟย ก็หยุดลงทันที
ตั้งหน้าตั้งตารอคอยมาตั้งนาน จู่ๆก็พังลงซะอย่างนั้น
ถ้าป่ายฉีเรียกพ่อครัวให้มาทำอาหารให้กับเย้นโม่หลินล่ะก็ นั่นก็ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาต้มบะหมี่แล้ว แถมป่ายฉีก็ไปกินมื้อดึกเป็นเพื่อนกับเย้นโม่หลินแล้วด้วย เธอก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องโผล่หน้าไปอีก
ดังนั้น เธอที่ตอนบ่ายอุตส่าห์คิดไว้ดิบดีแล้วว่าจะต้มบะหมี่แบบไหนให้เขากิน ก็เสียเปล่า
ในใจว่างเปล่าทันที มันเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
กู้จื่อเฟยมือวางต่ำลงด้วยความท้อแท้ ในใจรู้สึกหดหู่ ความรู้สึกที่ถูกทำให้พ่ายแพ้อีกครั้งแบบนั้นมันทำให้เธอยากที่จะรับไหว
เธอเริ่มกลับมาคิดทบทวนกับตัวเอง ว่าช่วงหลายวันมานี้ เธอเริ่มคิดมากเกินไปหรือเปล่า……
“ติ๊งต่อง”
มือถือมีเสียงข้อความดังเข้ามา
เย้นโม่หลิน:นายลดความอ้วน ห้ามกินมื้อดึก
ป่ายฉี:???
เขาที่อยู่หน้าจอมือถืออึ้งตกใจ เขาออกกำลังกายมาทั้งวัน รูปร่างสมส่วนสมบูรณ์แบบที่สุด แม้แต่กล้ามเนื้อไม่มีขาดไม่มีเกินมาแม้แต่นิดเดียว จำเป็นต้องลดความอ้วนตั้งแต่เมื่อไร?
ตอนที่ป่ายฉีกำลังคิดที่จะพูดอธิบายเกี่ยวกับรูปร่างของตัวเองอยู่นั้น ก็เห็นเย้นโม่หลินส่งข้อความมาอีกหนึ่งข้อความ
เย้นโม่หลิน:@กู้จื่อเฟย กินมื้อดึกไหม?
กู้จื่อเฟยมองหน้าจอมือถืออย่างอึ้งตกใจ เธอเหมือนกับกำลังนั่งรถไฟเหาะที่น่าตื่นเต้นอยู่ อยู่ในสภาวะที่กำลังตกตะลึง
เธอคิดไม่ถึงว่า เย้นโม่หลินจะแท็กเธอ ถามเธอว่ากินมื้อดึกไหม
ดังนั้น ที่ป่ายฉีไม่ไป หรือว่าจะเป็นแผนเดิม?
อารมณ์ขุ่นมัวในใจเริ่มสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
กู้จื่อเฟย:กำลังหิวพอดีเลย ฉันจะลงไปต้มบะหมี่ คุณจะกินด้วยกันไหม?
เย้นโม่หลิน:ได้
ดังนั้น ทั้งสองคนก็เลยตกลงกัน
ป่ายฉีถือมือถือ นั่งหน้าเขียวอยู่ในห้อง
หลังจากที่จ้องหน้าจอมือถืออยู่หลายวินาทีอย่างเงียบๆ ก็ปามือถือลงบนพื้นอย่างแรง
“ให้ตายสิ”
เขาสบถด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ สรุปที่สร้างกลุ่มปลุกเขามาดึกๆดื่นๆแบบนี้ เป้าหมายก็เพื่อจะชวนกู้จื่อเฟยไปกินมื้อดึกเนี่ยนะ?
นี่เขาโง่คิดไปเองฝ่ายเดียวสินะ มันช่าง……
กลั่นแกล้งคนโสดชัดๆ!
นึกมาโดยตลอดว่าที่เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินแสดงความรักต่อกันอย่างออกหน้าออกตามันก็เป็นการกลั่นแกล้งรังแกคนอย่างโหดร้ายแล้วนะ ตอนนี้พอมาเห็นเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟย ที่ไม่ได้ประกาศว่าเป็นแฟนกัน มาทำแบบนี้ใส่อีก แบบนี้มันได้เหรอ?
จู่ๆเขาก็ไม่อยากช่วยเย้นโม่หลินสละโสดขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่กู้จื่อเฟยกับเย้นโม่หลินตกลงกันในกลุ่มแล้ว ในกลุ่มก็ไม่มีข้อความอะไรอีก
แต่กู้จื่อเฟยยังคงกุมมือถือ มองหน้าจออย่างเหม่อลอยอยู่หลายนาที อารมณ์สดใสร่าเริงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เธอแอบคิดเดาอย่างช่วยไม่ได้ ว่าที่เย้นโม่หลินสร้างกลุ่มขึ้นมา ก็เพื่อที่จะให้เธอไปต้มบะหมี่หรือเปล่า
ที่ผู้ชายคนนี้ทำมาทั้งหมดก็เพื่อเธอ
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ ล่องลอยบางเบาราวกับไม่ใช่ความจริง
มันช่าง ราวกับอยู่ในความฝันจริงๆ
กู้จื่อเฟยสวมชุดนอนที่เตรียมมาเป็นพิเศษลงไปชั้นล่าง ไปยังห้องครัวด้วยความรู้สึกที่ราวกับอยู่ในความฝันแบบนี้ไปตลอดทั้งทาง
เพิ่งจะเข้าไปในห้องครัว ก็เจอกับเย้นโม่หลินที่เพิ่งจะเดินเข้ามา
กู้จื่อเฟยอึ้งเล็กน้อย รู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเอง พยักหน้า“คุณนั่งลงก่อน เดี๋ยวฉันจะไปต้มบะหมี่ให้”
“ต้องการให้ช่วยอะไรไหม?”
เย้นโม่หลินถามขึ้นอย่างนิ่งเฉย น้ำเสียงเป็นธรรมชาติแปลกๆ
ท่าทีแบบนั้น ยิ่งทำให้คนเกิดภาพลวงตาว่าสนิทสนมใกล้ชิดกับเขามากอย่างบอกไม่ถูก
กู้จื่อเฟยรีบสลัดความคิดที่น่าตกใจแบบนี้ทิ้งไปทันที ส่ายหัว“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันทำเอง ไม่นานก็เสร็จแล้ว”
พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว
ในบ้านมีคนรับใช้ จริงๆแล้วเธอแทบจะไม่ได้เข้าครัวเลย แต่ถ้ากินมื้อดึก เธอก็จะเข้าครัวไปทำบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ปกติแล้วจะกินบะหมี่ ดังนั้นเธอก็พอจะทำบะหมี่ได้อยู่
บวกเข้ากับช่วงบ่ายหลังจากที่เย้นโม่หลินบอกว่าอยากกินบะหมี่ กู้จื่อเฟยก็หาเมนูอาหารที่ดีสักหน่อย ศึกษาไปหลายชั่วโมง เพื่อที่จะเปลี่ยนจากบะหมี่ที่ไม่เผ็ดให้กลายเป็นรสชาติที่ยอดเยี่ยม
แต่ อาจจะใช้แรงมากเกินไป
เย้นโม่หลินกินไปหนึ่งคำ สีหน้าก็แปลกไปอยู่ไม่น้อย
กู้จื่อเฟยตึงเครียดขึ้นมาทันที“เป็นอะไรเหรอ? ไม่อร่อยเหรอ?”
เย้นโม่หลินเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร
กู้จื่อเฟยก็ใจเต้นขึ้นมา ปฏิกิริยาแบบนี้ กลัวว่าจะไม่อร่อยจริงๆ แต่เกรงใจที่จะพูดออกมาตรงๆ
เธอรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ ยื่นมือออกไปเอาบะหมี่ของเย้นโม่หลินมา
“เดี๋ยวฉันไปต้มให้คุณใหม่”
“ไม่ต้อง”
เย้นโม่หลินรั้งเธอเอาไว้ คิดที่จะยับยั้งการกระทำของเธอ“รสชาติพอได้ กินได้อยู่”
แม้จะพูดอย่างไพเราะ แต่กลับไม่ได้บอกว่า ไม่เลวเลย อร่อย เหมือนในคืนนั้น
ไม่อร่อยอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย
กู้จื่อเฟยกอดถ้วยของเย้นโม่หลินเอาไว้แน่น“เดี๋ยวฉันไปต้มให้ใหม่ดีกว่า ถ้วยต่อไปจะต้องอร่อยแน่ๆ”
“ไม่ต้องแล้วจริงๆ รสชาติกินได้”
จากรสชาติพอได้กลายเป็นรสชาติพอใช้ได้ พูดได้ขัดกันมาก
กู้จื่อเฟยรู้สึกผิดหวังภายในใจ“ฉันไม่เชื่อ ฉันขอชิมหน่อย”
พูดพลาง ก็หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบบะหมี่ในถ้วยของเย้นโม่หลิน
เนื่องจากเขากดถ้วยเอาไว้ ทำให้ถ้วยตั้งนิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา ดังนั้นกู้จื่อเฟยทำได้แค่เอนตัวลง ก้มหัวลงไปกินบะหมี่
ระยะห่างของทั้งสองคน ก็เข้าใกล้กันมากขึ้น
เย้นโม่หลินมองผู้หญิงที่จู่ๆก็เข้าใกล้เข้ามา ท่าทางที่เธออ้าปากกลืนบะหมี่ มันช่างมีเสน่ห์น่าหลงใหลเป็นพิเศษ
สายตาของเขา จู่ๆก็ดำมืดลง……