เย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยทั้งสองคนเหมือนต้องมนต์ คนหนึ่งแววตาเป็นประกาย คนหนึ่งร่างกายแข็งทื่อมองนอกหน้าต่าง อึ้งทื่อจนไม่กล้ามองฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย
แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงกันอยู่
บรรยากาศแบบนี้ จนถึงรถจอดลง ก็ไม่ได้กระจายหายไป
พวกเขาตามรถของท่านฝู้รองมาถึงโรงแรมน้ำพุร้อนแห่งหนึ่ง กำลังจะขับเข้าไป แต่ถูกป้อมยามขวางไว้ข้างนอก
ยามหน้าประตูถามอย่างมีมารยาท
“ทุกท่านต้องขออภัยด้วย โรงแรมของเราถูกคนเหมาแล้ว เข้าไปไม่ได้”
โรงแรมน้ำพุร้อนแห่งนี้เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาว มีอยู่เจ็ดชั้น หลายสิบห้องนอน มีคนเข้าออกทุกวัน จำนวนแขกเยอะมาก
จำนวนเงินในการเหมาโรงแรม พูดได้ว่าร่ำรวยหรูหรามาก
ถ้าเดาไม่ผิด คนที่เหมาโรงแรมนี้ ก็คือท่านฝู้รอง
เขาวิ่งมาเหมาสถานที่ถึงตรงนี้ทำไม?
เว่ยชีจึงต้องขับรถกลับมา จอดอยู่ข้างทาง
เขาหันหน้า มองไปที่โห้หลีเฉินแล้วถามว่า
“คุณชาย ตอนนี้ทำยังไงดีครับ? เข้าไปในฐานะของแขกตอนนี้เข้าไม่ได้ ต้องติดต่อเถ้าแก่ไหม?”
“อืม”
โห้หลีเฉินพยักหน้า
ฐานะของแขกเข้าไปไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีอื่น
เว่ยชีโทรศัพท์ทันที เพียงครู่เดียว ก็วางสาย
เขาพูดกับโห้หลีเฉินว่า
“คุณชาย ประธานหวังบอกว่า แขกคนนี้เหมาสถานที่ครึ่งเดือนเต็มๆ และขอรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มร้อย ห้ามคนภายนอกเข้าไปเด็ดขาด
ถ้าหากคุณอยากเข้าไป สามารถเปิดประตูเล็กให้ได้ แต่ทางที่ดีอย่าให้คนอื่นเห็น ต้องปลอมตัวหน่อย
ตอนนี้กล้องวงจรปิด ก็ถูกท่านฝู้รองควบคุมทั้งหมดแล้ว”
ถ้าเป็นคนอื่น เรื่องธุรกิจที่ตอบตกลงกับคนอื่นแล้ว ก็ต้องไม่ให้คนอื่นเข้าไปแน่นอน แต่ฝ่ายตรงข้ามคือโห้หลีเฉิน
ถึงแม้จะเสี่ยงอันตรายกับเรื่องชื่อเสียงเสื่อมเสีย เขาก็ต้องให้เกียรติโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านพูดอย่างสงสัย “ต้องปลอมตัวยังไงถึงจะหลบกล้องได้?”
เว่ยชีมองโห้หลีเฉินอย่างลังเล ลังเลไปสามวินาที แล้วถามด้วยเสียงเบา
“อาจจะ……ต้องให้พวกคุณแต่งตัวเป็นพนักงานแล้ว”
ภายในรถ เงียบไปครู่หนึ่ง
สายตาของเย้นหว่านหรือกู้จื่อเฟย มองไปที่โห้หลีเฉินและเย้นโม่หลินพร้อมกัน
คุณชายสองท่านนี้ ต้องแต่งตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารเสิร์ฟเหล้า ภาพนั้น แค่คิดก็รู้สึกว่าย้อนแย้งมาก
แต่เย้นหว่านกลับตาเป็นประกาย จับแขนของโห้หลีเฉินไว้ พูดอย่างตื่นเต้น
“โห้หลีเฉิน ฉันยังไม่เคยคุณแต่งกายใส่เสื้อเป็นพนักงานเสิร์ฟเลย อยากเห็นจังเลย”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “อยากเห็นอะไร?”
ระหว่างพูด นิ้วมืออันเรียวยาวของเขาจับคางของเธอไว้ บังคับให้เธอเข้าใกล้เขา
เขายิ้ม “ให้ผมเทเหล้าให้คุณ หรือให้ทำบริการ?”
สีหน้าเย้นหว่านแดงก่ำทันที คนทั้งคนรู้สึกไม่ดีแล้ว
ผู้ชายคนนี้ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว พูดอะไรไม่ถูกใจคำเดียวก็แบบนี้ ในรถยังมีคนอื่นอยู่ด้วย
เย้นหว่านผลักมือของเขาออกด้วยความโมโห หน้าแดงก่ำแล้วขยับตัวไปใกล้ประตูรถ ไม่สนใจเขาแล้ว
จากนั้น เว่ยชีขับรถ ขับไปที่ประตูเล็กของโรงแรมน้ำพุร้อน
หลบกล้องวงจรปิดตลอดทาง จนถึงห้องพนักงาน
ด้านในมีผู้จัดการคอยต้อนรับแล้ว เตรียมชุดพนักงานไว้สี่ชุดตามขนาดของพวกเขา
ผู้จัดการพูดอย่างเคารพ “คุณโห้ ต้องขอโทษจริงๆ ต้องลำบากพวกคุณแล้ว เดี๋ยวถ้าพวกคุณต้องการทำเรื่องอะไร ผมจะให้ความร่วมมือเต็มที่”
นี่เป็นคำสั่งจากเจ้านายของพวกเขา ฟังคำสั่งของโห้หลีเฉินทุกอย่าง ถึงแม้ว่าโห้หลีเฉินจะให้เขาโยนแขกออกไป
โห้หลีเฉินมองดูเสื้อผ้าที่เนื้อผ้าธรรมดา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หน้าผากของผู้จัดการเหงื่อท่วมหัว รีบพูดอธิบายทันที
“นี่เป็นเสื้อใหม่ที่เพิ่งส่งมา ฆ่าเชื้อแล้ว สะอาดมาก แต่เพราะว่าเป็นเสื้อของพนักงานเสิร์ฟ เนื้อผ้าก็ค่อนข้าง ไม่สามารถทำให้มันดีกว่านี้ได้แล้ว”
นี่เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
โห้หลีเฉินก็ไม่ได้อยากทำให้ผู้จัดการลำบากใจ เพียงแค่ว่าสีหน้าก็ไม่ค่อยดี
ชาตินี้เขาไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน
ยังมีอีกคนที่สีหน้าไม่ดีเหมือนเขาก็คือเย้นโม่หลิน ตอนที่เขาออกปฏิบัติการถึงแม้ทุกอย่างจะเรียบง่าย แต่ก็ไม่เคยใส่ชุดพนักงานแบบนี้มาก่อน
ไม่เคยแม้แต่จะคิด ว่าเขาจะใส่เสื้อผ้าแบบนี้ได้ เดี๋ยวยังต้องยกถาดยกน้ำอีก
ภาพนั้นมันช่าง……
“เปลี่ยนเถอะ”
รีบเปลี่ยนรีบจบงาน
เย้นโม่หลินหยิบเสื้อผ้าตรงหน้าขึ้นมาทันที เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อชายด้วยหน้าดำเคร่งเครียด
เย้นหว่านมองเย้นโม่หลินท่าทางที่สละตัวทำเพื่องานนั้น อดหัวเราะไม่ได้
จากนั้นก็หันไปมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาเร่าร้อน “คุณโห้ โอ้ไม่ จากนี้ไปต้องเรียกว่าพนักงานโห้ถึงจะเหมาะสม”
มองหน้ายิ้มแย้มของอย่างคิดสนุกของเย้นหว่านแล้ว ช่างกวนประสาท และน่ามองสบายตาจริงๆ
ที่แท้ เธอชอบที่เขาใส่เสื้อผ้าแบบนี้
โห้หลีเฉินมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พูดด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์
“ในเมื่อคุณชอบขนาดนี้ เรื่องจบแล้ว ผมเล่นบทสวมบทบาทเป็นเพื่อนคุณ”
เขาดีขนาดนี้?
เย้นหว่านอึ้งไปเลย ยังคิดว่าเขาจะหน้าไม่พอใจ โมโห คิดไม่ถึง ยังยอมเล่นการสวมบทบาทกับเธอ ช่างเป็นสุภาพบุรุษ……
ไม่ใช่ สวมบทบาท?
คือการสวมบทบาทอย่างที่เขาเข้าใจไหม? หรือว่า การที่ผู้ชายใช้ร่างกายท่อนล่างคิด…….
เย้นหว่านมุมปากกระตุก จากสายตาอันคลุมเครือของโห้หลีเฉิน หน้าก็แดงขึ้นมาอีกแล้ว
อันธพาล
มองสูงส่งไม่ได้จริงๆ
“รอผม”
โห้หลีเฉินพูดไปคำหนึ่งที่มีความหมายลึกซึ้ง ทันใดนั้นอารมณ์ก็เปลี่ยนไปทันที หยิบเสื้อเข้าไปเปลี่ยนอย่างอารมณ์ดี
เย้นหว่านยืนตัวแข็งอยู่กับที่ รู้สึกว่าตัวร้อนอย่างรุนแรง
อะไรเรียกว่าเล่นไฟเผาตัวเอง ก็เป็นอย่างเธอนี่เอง
กู้จื่อเฟยอดหัวเราะไม่ได้ ตบไหล่ของเย้นหว่านเบาๆ พูดปลอบว่า
“เสี่ยวหว่าน เธอยังอยู่ห่างจากระดับของคุณโห้ของเธออีกไกล ยังต้องพยายามต่อไป ฝึกฝนต่อไปนะ เชื่อมั่นในตัวเอง ต้องมีสักวัน เธอต้องสกปรกยิ่งกว่าเขาแน่นอน”
เย้นหว่าน “……”
คำปลอบใจของเธอไม่พูดยังดีกว่า
เธอหยิบเสื้อผ้าอย่างอารมณ์เสีย เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อ
“กู้จื่อเฟย เธอสกปรกเหมือนเขาเลย พวกเธอก็รู้แต่รังแกคนน่ารักไร้เดียงสาอย่างฉัน”
กู้จื่อเฟยยกระดับเสียง “เย้นหว่าน เธอชมตัวเองแบบนี้ ไม่รู้สึกหน้าแดงเลยเหรอ?”
“เห้อ”
เย้นหว่านทำเสียงเย็นชา ไม่สนใจเธอแล้ว เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด
นอกประตู ยังมีเสียงหัวเราะของกู้จื่อเฟย
ชุดของพนักงานหญิงคือทีเชิ้ตและกระโปรงสั้น ในรูปแบบสีดำสไตล์น่ารัก
ใส่อยู่ในตัว ดูแล้วน่ารักมาก แต่เย้นหว่านและกู้จื่อเฟย กลับแต่งหน้าแบบสโมกกี้จนแม่ยังจำไม่ได้
สไตล์สาวน่ารักและสาวมั่นที่กระทบกัน กระทบกันอย่างรุนแรงในตัวพวกเขา
วินาทีแรกที่เย้นโม่หลินเห็น ก็ละสายตาออกอย่างทนดูไม่ได้ แสดงท่าทางอย่างชัดเจนว่าอะไรคือรังเกียจ
เย้นหว่านและกู้จื่อเฟยรู้สึกกระทบจิตใจอย่างหนัก
รีบหันไปมองโห้หลีเฉินที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างๆ หวังว่าจะได้เห็นสีหน้าที่ได้ค่อยรังเกียจจากเขา
จากนั้นก็ได้ยินโห้หลีเฉินพูดอย่างจริงจัง