กู้จื่อเฟยอดกลั้นความคิดเรื่อยเปื่อยภายในเอาไว้แล้วเอ่ยกับกู้หรง
“พ่อคะ หนูเชื่อว่าเย้นโม่หลินไม่ใช่คนอย่างที่พ่อพูด กลับกัน เขามีความรับผิดชอบและรักเดียว เขายอมรับหนูแล้ว ก็จะปฏิบัติกับหนูอย่างดีไปตลอดชีวิตจริงๆ
ผู้ชายแบบนี้ เขากลับมั่นคงและทำให้รู้สึกสบายใจยิ่งกว่าผู้ชายคนไหนๆ เสียอีก”
“เรื่องของความรักเอาแน่เอานอนได้ที่ไหน? ผู้ชายจะเปลี่ยนใจไหมก็ไม่มีใครบอกได้หรอก!”
กู้หรงคิ้วขมวดแน่น ต้องการจะบังคับปรับเปลี่ยนความคิดของกู้จื่อเฟย
แต่กู้จื่อเฟยยังใบหน้าแน่วแน่ เป็นความเด็ดเดี่ยวที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของกู้จื่อเฟยตั้งแต่เล็กจนโต
“พ่อ หนูรักเย้นโม่หลิน ชีวิตอยู่ต้องการแค่แต่งงานกับเขา หนูแน่ใจว่าเขาก็รักหนูเหมือนกัน เขาจะต้องทำให้หนูมีความสุขแน่นอน
พ่อได้โปรดอย่าขัดขวางหนูเลย อวยพรให้หนูนะคะ?”
ควาทสัมพันธ์นี้ สำหรับเธอแล้วมันน่าเหลือเชื่อเสียยิ่งกว่าพายเนื้อที่ตกลงมาจากฟ้าเสียอีก แต่ก็กลับทำให้เธอมีความสุขมาก
แท้จริงเธอเองก็สามารถสมความปราถนาได้ยืนเคียงข้างเทพบุตร
กู้หรงเห็นท่าทางวิงวอนของกู้จื่อเฟย ในใจก็ราวกับถูกศรธนูทิ่มแทง มันทำให้เขาเสียใจแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
ยัยเด็กคนนี้ตั้งใจแน่วแน่แล้ว
แต่ว่า….
“เฮ้อ!”
กู้หรงถอนหายใจก่อนหันเดินจากไป
แผ่นหลังนั้นดูหนักอึ้งราวกับกำลังแบกภูเขาลูกใหญ่เอาไว้อย่างนั้น
กู้จื่อเฟยรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่ากู้หรงจะเดินไปแล้วและไม่ได้ยืนกรานบังคับให้เธอเลิกทันที แต่เขากลับไม่ได้ยอมรับให้เธอคบหากับเย้นโม่หลิน
กลับกันท่าทีกังวลใจของเขานั้นทำให้กู้จื่อเฟยรู้สึกปวดใจ
เธอย่อมรู้อยู่ว่ากู้หรงเป็นห่วงเรื่องอนาคตของเธอ กังวลว่าเธอจะถูกทิ้งและไม่ได้รับความยุติธรรม
แต่เธอก็เชื่อมั่นว่าเย้นโม่หลินจะทำให้เธอมีความสุขไปตลอดชีวิต
เธอต้องทำให้กู้หรงเชื่อในเรื่องนี้
กู้หรงกลับไปยังห้องของเขาทันที เขาหน้าดำคร่ำเครียด ในใจรู้สึกหนักอึ้ง
ป้าหวางเดินตามเข้ามาก่อนวางกาแฟแก้วหนึ่งไว้เบื้องหน้ากู้หรง
หล่อนไม่ได้ถอยออกไปในทันที แต่กลับเอ่ยขึ้น
“คุณท่าน เป็นอะไรไปคะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอคะ?”
กู้หรงมองไปยังป้าหวางแล้วถอนหายใจ นี่คือผู้อาวุโสของบ้านซึ่งควรค่าแก่การไว้ใจ เรื่องเล็กใหญ่ในบ้านต่างก็รู้หมด เขาจึงพูดโดยไม่ลังเล
“พวกเราทำผิดพลาดซะแล้ว คนที่จื่อเฟยชอบคือเย้นโม่หลิน แถมพวกเขาสองคนยังคบกันแล้วด้วย”
“คุณชายเย้น?”
ป้าหวางเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติแล้วพูดขึ้น “จื่อเฟยของบ้านเรายอดเยี่ยมมาก แม้แต่คนที่ดีเลิศอย่างคุณชายเย้นก็ยังหลงเสน่ห์เธอ”
เมื่อกู้หรงเห็นท่าทีเบิกบานอย่างนั้นของป้าหวาง ความรู้สึกของเขาก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้นทันใด
เขาเอ่ยทอดถอนใจ “นั่นใช่เสน่ห์ของเขาที่ไหนกัน น่ากลัวว่าจะเป็นแค่ความรักลวงตาที่เกิดขึ้นเพราะได้อยู่ด้วยกันเช้าจรดเย็น ผู้ชายอย่างเย้นโม่หลินจะไปถูกใจยัยเด็กไม่มีความคิดความอ่านแบบนั้นได้ยังไง ต่อให้หวั่นไหวขึ้นมาชั่วครู่หลังจากนั้นเมื่อพบว่าภายในเธอไม่มีอะไรเลยก็หมดความสนใจแล้ว”
ป้าหวางมองไปที่คุณท่านของตนอย่างประหลาดใจ เขาพูดถึงลูกสาวตัวเองแบบนั้นอย่างนั้นเหรอ?
เธอโต้กลับอย่างไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“จื่อเฟยไม่ใช่แค่แจกันดอกไม้กลวงๆ นะคะ ตั้งแต่เด็กเธอก็เป็นหัวกะทิในห้อง มหาวิทยาลัยเองก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของเมืองหนานเรา และยังเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท เธอสามารถเล่นเปียโน วาดภาพและเต้นรำเก่งกว่าหญิงผู้มีตระกูลทั่วไปมากมายเลยนะคะ”
“นั่นก็แค่ดีกว่าคนทั่วไปเท่านั้น”
กู้หรงถอนหายใจ “เย้นโม่หลินเป็นผู้ชายแบบไหนกัน? หากเป็นอย่างที่ฉันคิด เขาก็เหมือนกับโห้หลีเฉิน ต่างก็เป็นผู้ที่เหยียบโลกไว้ใต้ฝ่าเท้า วิสัยทัศน์ของพวกเขาไปเกินกว่าที่เมืองหนานเล็กๆ จะไล่ทันได้
แม้จื่อเฟยตอนอยู่เมืองหนานจะเป็นหญิงสาวที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่นอย่างมาก แต่ในระดับโลกเธอเป็นตัวตนที่ถูกบดบัง
ผู้ชายแบบเย้นโม่หลินนั้น จื่อเฟยควบคุมเขาไม่อยู่หรอก”
หากเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงควบคุมไม่อยู่ ต่อให้แต่งงานกัน หลังจากนั้นก็จะห่างเหินกันไปอย่างช้าๆ
คำพูดของกู้หรงทำให้ป้าหวางนิ่งเงียบ ไม่อาจหาคำมาโต้ตอบได้
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ฐานะของเย้นโม่หลิน แต่จากออร่าบารมีของเขาก็สามารถเดาได้ ตำแหน่งฐานะของคนคนนี้ล้วนบดขยี้ผู้คนรอบตัว
คนทั่วไปอย่าว่าแต่เอื้อมเลย แค่จะมองเขาเต็มสองตายังไม่กล้า
“ฉันไม่ได้ขออะไรจื่อเฟยมากมาย ฉันแค่หวังให้หล่อนมีชีวิตที่สงบสุขและมีความสุขไปจนแก่เฒ่า” กู้หรงเอ่ยอย่างเนิบช้า
นี่คือความวาดหวังที่เขาและภรรยามีต่อกู้จื่อเฟยมาโดยตลอด
แต่เย้นโม่หลินนั้นไม่ได้มีพร้อมในจุดนั้นเลยอย่างเห็นได้ชัด
ป้าหวางค่อยๆ เข้าใจความรักที่คุณท่านของตนมีต่อกู้จื่อเฟย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“คุณท่าน ท่านพูดอยู่บ่อยไม่ใช่หรือคะว่าลูกก็มีอนาคตของลูกเอง เป็นสิ่งที่เธอมุ่งไปหาด้วยตัวเอง
ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ความรักและการแต่งงานก็เช่นกัน
จื่อเฟยก็โตแล้ว ในเมื่อเธอเลือกเย้นโม่หลิน นั่นก็เป็นบุพเพสันนิวาสของเธอและเขา ไม่ว่าโชคจะดีหรือร้ายก็ล้วนแต่เป็นลิขิตของเธอ
ท่านเองก็ต้องเชื่อในการเลือกของเธอ คนที่เธอเลือกจะต้องไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน และเธอจะมีความสุขค่ะ”
ตาชั่งที่คลอนแคลนในใจของกู้หรงเริ่มเกิดความเอนเอียงเล็กน้อย
ป้าหวางนั้นเข้าใจเขา รู้ดีว่าจะพูดอะไรและกระตุ้นส่วนลึกในหัวใจเขาได้
ป้าหวางพูดต่อ
“ตอนนี้คือโลกของคนหนุ่มสาว บางครั้งก็ควรปล่อยมือและให้เด็กๆ ได้โบยบินอย่างอิสระ
ท่านมองเย้นหว่านสิคะ เติบโตด้วยฐานะลูกสาวบุญธรรมมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าด้านไหนก็แตกต่างกับโห้หลีเฉินราวฟ้ากับดิน
แต่ตอนนี้เธอกับโห้หลีเฉินเป็นดั่งคู่ที่ฟ้าดินบรรจงสร้าง พวกเขามีความสุขถึงขนาดนั้น และต่อจากนี้ก็จะสุขมากขึ้นอีก
จื่อเฟยของเราเองก็เช่นกัน ขอเพียงเป็นผู้ชายที่เลือกถูก อนาคตของเธอก็ไร้อุปสรรคเรื่องความแตกต่างด้านฐานะและแนวคิด เธอจะมีความสุขได้เช่นเดียวกันค่ะ”
มีความสุขได้เช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับเย้นหว่านและเอาชนะอุปสรรคทั้งหมด
กู้หรงจับแก้วกาแฟไว้แน่น แววตาสั่นไหว ความคิดที่ไม่ยินยอมในใจกลับค่อยๆ สั่นคลอนอีกครั้ง
หลังจากที่กู้จื่อเฟยมองส่งกู้หรงจากไป เธอก็เดินไปในอีกทิศทางหนึ่ง
แม้จะยังกินไม่อิ่มแต่ก็เลยเวลาอาหารเช้าไปแล้ว
อารมณ์ในตอนนี้ของเธอเองก็กินอะไรไม่ลงเหมือนกัน
ในหัวของกู้จื่อเฟยกำลังคิดให้วุ่นว่าจะทำยังไง ยังคิดวิธีไม่ออกเธอก็มาเจอกับเย้นโม่หลินที่สุดทางเดินเข้าโดยไม่คาดคิด
เธอตกตะลึง
เห็นเพียงเขาที่ยืนตัวตรงอยู่ใต้ชั้นวางดอกไม้ที่ทางเดิน ขมวดคิ้วเล็กน้อยและใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งขรึม
กู้จื่อเฟยอดชื่นชมความงามของเขาไม่ได้ เธอรีบเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เย้นโม่หลินมองไปยังกู้จื่อเฟยด้วยแววตาหนักหน่วง เขาเดินเข้าไปหาเธอ
เอ่ยถามเสียงเบา “พ่อเธอทำให้ลำบากใจเหรอ?”
กู้จื่อเฟยอึ้งไปอีกครั้ง แววตาวูบไหวอย่างรุนแรง ดวงตาส่องแสงวูบวาบเหมือนดวงดาว
ที่แท้ที่สีหน้าเขาเคร่งขรึมขนาดนี้ จริงๆ แล้วเพราะเป็นห่วงเธออย่างนั้นเหรอ?
ในใจพลันรู้สึกหวานฉ่ำเหมือนชุ่มไปด้วยน้ำผึ้ง
กู้จื่อเฟยส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้เขาก็แค่ตกใจมากก็เลยค่อนข้างรับไม่ไหวน่ะ ฉันจะ….” เกลี้ยกล่อมเขา….
“ฉันจะทำให้เขายอมรับ”
คำพูดของกู้จื่อเฟยยังไม่ทันจบ ข้างหูก็ได้ยินคำพูดอันหนักแน่นของเย้นโม่หลินขึ้น