สีหน้าแววตาของฝู้ยวนค่อนข้างอยู่ไม่เป็นสุข ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก็ได้เดินเข้าไปใกล้โห้หลีเฉิน
ทันใดนั้นเว่ยชีได้ขวางเขาไว้อย่างระแวงทันที
ฝู้ยวนได้อธิบายอย่างมีความอดทน “คุณโห้ เรื่องนี้ ผมต้องคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวครับ”
ระยะห่างของตอนนี้ ถ้าพูดออกมาก็จะถูกคนมากมายได้ยิน
โห้หลีเฉินก็ไม่ได้ถือสาอะไร ยังไม่บอกว่าฝู้ยวนกล้าทำร้ายเขาหรือเปล่า ถึงฝู้ยวนอยากลงมือ ก็ไม่มีปัญญามาทำร้ายเขาหรอก
โห้หลีเฉินยกมือขึ้นมาส่งสัญญาณ ทันใดนั้นเว่ยชีก็ได้ถอยออกไป
ทีนี้ฝู้ยวนถึงเดินมาที่ตรงหน้าโห้หลีเฉิน หยุดลงมาในระยะที่ห่างกับเขาก้าวหนึ่ง
เขาโน้มตัวเล็กน้อย พร้อมพูดอย่างเคารพนอบน้อม “คุณโห้ครับ ขออภัยที่ผมละลาบละล้วงด้วย ผมอาศัยใช้หยิงหลิงมาต่อชีวิต ถ้าให้ยาสมุนไพรนี้กับคุณ สำหรับผมมันทุ่มเทมากเกินไป ดังนั้นผมถึงบังอาจเสนอข้อเรียกร้องกับคุณข้อหนึ่ง ผมรู้ว่าตระกูลหยูมีคลังสมบัติคลังหนึ่ง ด้านในมีของล้ำค่านับไม่ถ้วน ผมอยากให้คุณเปิดคลังสมบัตินั้น ให้ผมเอาของสิ่งหนึ่งจากในนั้น ผมรับประกันว่าหนึ่งแลกหนึ่ง จะไม่เอามากกว่านั้นแน่นอนครับ”
โห้หลีเฉินยักคิ้วสวยเล็กน้อย เขาเองก็รู้สึกค่อนข้างเหนือความคาดหมายกับข้อเสนอของฝู้ยวน
ตระกูลเขาเป็นตระกูลเครือญาติเล็กๆตระกูลหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าจะรู้เรื่องคลังสมบัติของตระกูลหยู?
เหมือนกลัวโห้หลีเฉินจะเกิดความสงสัย ฝู้ยวนได้รีบอธิบาย “ผมรู้เรื่องคลังสมบัติของตระกูลหยูก็เพราะเหตุบังเอิญครับ ที่ผมสามารถได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลหยู ก็เพราะเคยสนิทสนมกับท่านอาวุโสเจ็ดของตระกูลหยูอยู่บ้างครับ เขากับผมถือว่าเป็นพี่น้องกัน จึงเคยเล่าเรื่องคลังสมบัติของตระกูลหยูให้ผมฟังครับ”
เหตุผลนี้เหมือนจะฟังขึ้นอยู่
อีกอย่างเหมือนมิตรภาพนี้ไม่ใช่มิตรภาพธรรมดาซะด้วย ไม่งั้นความหมายของฝู้ยวน ก็เพราะรู้ว่าเขาเท่านั้นที่จะสามารถเปิดคลังสมบัติของตระกูลหยู
ดังนั้น ถึงได้มาหาเขาขอร้องสิ่งนี้
โห้หลีเฉินมองสำรวจฝู้ยวนรอบหนึ่ง สีหน้าของเขาดูจริงใจอยู่ ดูไม่ออกเลยว่าผิดสังเกต
ดูเหมือนแค่อยากเอาหยิงหลิงมาแลกของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง เพื่อมาชดเชยการสูญเสียของเขาเฉยๆ
แต่ไหนแต่ไรโห้หลีเฉินเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อสีหน้าภายนอกของคน
แต่ไม่ว่าฝู้ยวนจะจริงใจหรือมีจุดประสงค์อย่างอื่น เขาก็ไม่กลัวฝู้ยวนทำอะไรมิดีมิร้ายต่อหน้าเขา
จุดประสงค์ของเขา ก็คือเอาหยิงหลิงมาถึงมือ
โห้หลีเฉินพูด “ในเมื่อคุณรู้เยอะขนาดนี้ ก็ควรรู้ด้วยว่าก่อนที่ผมจะได้สิ่งที่ต้องการ คลังสมบัติของตระกูลหยูเปิดไม่ออกหรอก”
ฝู้ยวนพูดทันทีว่า “คุณโห้วางใจได้ครับ ผมจะเอาหยิงหลิงให้คุณก่อน หลังจากคุณกินแล้วก็จะสามารถเปิดคลังสมบัติของตระกูลหยูออกแล้วครับ”
โห้หลีเฉินยักคิ้วอย่างขี้เล่น ไม่นึกเลยว่าแม้แต่อาการป่วยของเขาฝู้ยวนก็รู้ด้วย
ระดับนี้ รู้จักเขากับตระกูลหยูดีมากจริงๆ
หรือต้องบอกว่า ได้ให้ความสนใจกับคลังสมบัติของตระกูลหยูมานานมากแล้วเหมือนกัน
เขาชอบสะสมมากขนาดนั้น ในคลังสมบัติของตระกูลหยูมีของล้ำค่าอะไรที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้ขนาดนี้?
โห้หลีเฉินแปลกใจมาก
เขาก็ไม่ปฏิเสธ ได้พูดว่า “จะสามารถเปิดออกหรือเปล่า ยังต้องให้ป่ายฉีเป็นคนพูด คุณเอาหยิงหลิงออกมาเถอะ”
ท่าทีที่ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้รับปากในทันที
ยังไงซะโห้หลีเฉินก็ไม่เชื่อคำพูดของบุคคลภายนอกหรอก หมอประจำของเขาคือป่ายฉี อีกอย่าง เรื่องของวันนี้ เขาทำข้อตกลงคือศีลธรรม ไม่ทำข้อตกลงฝู้ยวนก็ได้แค่ทนรับ
เขาเป็นตัวหลักของเรื่อง
แววตาของฝู้ยวนมีแสงลุ่มลึกแว๊บผ่าน ตามด้วยพูดอย่างเคารพนอบน้อม “โอเคครับ ทุกอย่างให้คุณป่ายฉีมาตัดสินใจ”
เขาไม่รีบร้อนเลยสักนิด
โห้หลีเฉินพยักหน้าให้เว่ยชี เว่ยชีได้ให้สัญญาณในทันที เขาเดินมาที่ข้างรถแล้วเคาะกระจกรถเบาๆ
กระจกรถเลื่อนลงมาจากด้านใน เผยใบหน้าหล่อเหลาของป่ายฉีออกมา
เขาพูดอย่างขี้เล่น “มีธุระอะไร?”
พวกเขาอยู่ในรถ การป้องกันเสียงก็ดี ไม่ได้ยินคำพูดของคำซุบซิบของโห้หลีเฉินกับฝู้ยวน
เว่ยชีได้พูดว่า “ฝู้ยวนบอกว่าหยิงหลิงสามารถทำให้คุณชายเปิดคลังสมบัติของตระกูลหยูได้ครับ อยากให้คุณลงไปถามข้อเท็จจริงดูครับ”
ป่ายฉียักคิ้ว พร้อมมองไปที่ฝู้ยวนอย่างค่อนข้างทะเล้น
เรื่องที่เขารู้ช่างเยอะจริงๆ
เขาเกิดความสนใจขึ้นมาทันที ได้เปิดประตูรถลงไปอย่างไว
เขาเพิ่งเดินลงจากรถ ก็ได้พูดกับฝู้ยวนว่า “คุณศึกษาหยิงหลิงมาดีมากเลยเหรอ?”
ฝู้ยวนไม่รู้จักป่ายฉี แต่จากท่าทีของโห้หลีเฉิน ก็พอจะเดาฐานะของป่ายฉีได้คร่าวๆ
เขาพูดทันทีว่า “ก็ศึกษามาอยู่บ้างครับ ผมค่อนข้างชอบสะสมยาสมุนไพรครับ”
ชอบสะสมยาสมุนไพร ก็เลยมีความรู้เกี่ยวกับด้านยาสมุนไพรด้วย
อีกอย่างเขาเหมือนยังได้พูดอ่อนน้อมถ่อมตนแล้วด้วย ระดับนี้ ไม่ใช่แค่ศึกษาธรรมดาเท่านั้น
ป่ายฉีมองสำรวจฝู้ยวนอย่างขี้เล่น
ดูจากหน้าตาแล้ว หาความเป็นยอดคนของวงการแพทย์ใดๆไม่เจอจากบนตัวเขาเลย อย่างน้อยเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เห็นเคยเห็นมาก่อน
ดูไม่ออก ป่ายฉีก็ไม่ได้เจาะลึก ตอนหันหน้าได้พูดกับโห้หลีเฉินว่า “เหมือนที่เขาพูดจริงๆ พอทานหยิงหลิงแล้ว ร่างกายของนายจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เลือดก็จะไหลเวียนดีอีกครั้ง สามารถฟื้นฟูกลับไปเหมือนเมื่อก่อน และเปิดคลังสมบัติของตระกูลหยูออก”
ได้ยินคำพูดของป่ายฉี รอยยิ้มบนใบหน้าของฝู้ยวนยิ่งเป็นกันเองขึ้น
แววตายังมีความสุขที่ปิดไม่มิด
เสียหยิงหลิงไป แต่สามารถได้ของล้ำค่าในคลังสมบัติของตระกูลหยู ก็ไม่นับว่าเสียเปรียบ
โห้หลีเฉินไม่ค่อยสนใจของที่อยู่ในคลังสมบัติของตระกูลหยูเลย ก็เหมือนที่เขาไม่สนใจตระกูลหยูอย่างงั้นแหละ
แต่ ในเมื่อนี่เป็นความต้องการที่แลกเปลี่ยนหยิงหลิง เขาก็ไม่ถือสาที่จะไปเปิดของที่ว่ากันว่าเป็นคลังสมบัติ
เขาสั่งการเว่ยชีด้วยเสียงเคร่งขรึม “เตรียมเครื่องบินไปตระกูลหยู”
ฝู้ยวนถามอย่างประหลาดใจ “คุณโห้ จะไปตอนนี้เลยเหรอครับ?”
“ผมไม่มีเวลามาเสียเวลา”
โห้หลีเฉินมีสีหน้าที่เย็นชา
เขายิ่งไม่มีเวลามาเสียเวลาที่ตระกูลฝู้หรอก
ถ้าไม่ใช่ฝู้ยวนยอมก้มหัวให้ แค่เรื่องที่ฝู้เหวยข่ายทำ และยาพิษที่ฝู้หงวางลงไป ตระกูลฝู้ก็ควรจะตายทั้งตระกูลแล้ว
ตอนนี้ให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ ถือว่าเขาเมตตามากแล้ว
ส่วนตระกูลนี้ คำที่ตรงกันข้ามกับ
รักคนคนนั้นก็ต้องรักคนในครอบครัวเขาด้วยคือพาลโกรธ เขาไม่มีความรู้สึกดีๆให้เลย
ไปเปิดคลังสมบัติเอาของออกมา ก็แค่ข้อตกลงเฉยๆ
ถึงแม้ฝู้ยวนจะเหนือความคาดหมายสุดๆ แต่เขาไม่มีเหุตผลอันใดที่จะปฏิเสธเลย นี่เป็นโอกาสที่เขารอมานานแสนนาน
เขาพูดทันทีว่า “คุณโห้รอสักครู่ครับ ผมจะไปเอาหยิงหลิงออกมาเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ระหว่างพูด ฝู้ยวนก็ได้เดินไปที่ตระกูลฝู้อย่างรีบร้อน แท้กระทั่งไม่มีเวลามาคำหนึ่งถึงมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุดที่เชิญโห้หลีเฉินเข้าไปนั่งด้านใน
ป่ายฉีมองร่างเงาที่เร่งรีบนั้น ได้ยักคิ้วอย่างขี้เล่นพร้อมพูดว่า “คนคนนี้ไม่ธรรมดา”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบางไว้ไม่พูดจา
ฝู้ยวนดูเป็นคนที่โอบอ้อมอารี พูดจาง่าย มีเมตตาและมีอัธยาศัยดี แต่แท้จริงแล้วเป็นคนยังไง……
เหอะๆ ก็แค่ซ่อนเอาไว้เฉยๆ
ป่ายฉีได้พูดอีกว่า “นายจะพาเขาไปที่คลังสมบัติจริงเหรอ ถ้าคนคนนี้มีจุดประสงค์ที่ไม่บริสุทธิ์ใจ จะก่อให้เกิดภัยพิบัติอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็ฆ่าทิ้งเลย”
โหเหลีเฉินพูดอย่างเย็นชา สีหน้าแววตาเย็นชาและดูถูก
แค่ฝู้ยวนเล็กๆคนหนึ่ง ไม่อยู่ในสายตาเขาหรอก
บุคคลตัวเล็กเท่ามดแบบนี้ สามารถ
สร้างคลื่นใหญ่อะไรออกมา ก็แค่กระโดดโลดเต้นอยู่ในแอ่งน้ำเล็กๆเท่านั้นแหละ
ฝู้เหวยข่ายมองดูฝู้ยวนจะกลับไปเอาหยิงหลิงแล้ว รู้ว่าพวกเขาคุยกันเรียบร้อยหมดแล้ว และได้รู้อย่างแจ่มแจ้งว่าเวลาตายของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว
เขาทั้งกลัวและหวาดผวา อยากจะแอบชิ่งหนีไปจากด้านหลัง
เขาเพิ่งขยับ ป่ายฉีก็หัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “จับตัวมันมา”
พริบตาเดียวฝู้เหวยข่ายก็หนาวไปทั้งตัวเลย…