วันที่จะไปสู่ขอแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว
กู้จื่อเฟยก็ผ่านคืนวันไปด้วยความลำบากเช่นกัน
โห้หลีเฉินจะไปตระกูลเย้นเพื่อสู่ขอแต่งงาน นั่นก็หมายความว่าเธอก็ต้องไปตระกูลเย้นกับพวกเย้นหว่านด้วยเช่นกัน
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ไป แต่ความหมายในการไปครั้งนี้กลับไม่เหมือนกัน เธอจัดอยู่ในกลุ่มสะใภ้ใหม่ที่จะไปเยือนบ้านแล้ว
แม้ว่าจะสามารถยิ้มแย้มพูดคุยกับกงจืออวีในคลิปวิดีโอได้ แต่เมื่อเวลาใกล้เข้ามา กู้จื่อเฟยก็ตื่นเต้นจนแทบไม่ไหว
อย่างไรเสียเธอก็ต้องไปพบหน้ากับผู้ปกครองของพี่เย้นแล้ว
เป็นการไปเยือนบ้านอย่างเป็นทางการ
เช้าตรู่วันนี้ กู้จื่อเฟยบุกเข้ามาในห้องของเย้นหว่านด้วยความรีบร้อน “เสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่าน”
เย้นหว่านที่กำลังนอนหลับด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงก็ถูกเสียงร้อนรนทำให้สะดุ้งตื่นจนลุกขึ้นมานั่ง
เธอรู้สึกกังวลตามจิตใจสำนึก “ทำไมหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
กู้จื่อเฟยเดินตรงไปยังข้างเตียงเย้นหว่าน จับข้อมือของเย้นหว่านเอาไว้ เอ่ยพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ
“เสี่ยวหว่าน ครั้งนี้เธอต้องช่วยฉันนะ จำเป็นต้องช่วยฉัน”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
เห็นกู้จื่อเฟยเป็นแบบนี้แล้ว เย้นหว่านก็ยิ่งมึนงง ในใจก็รู้สึกกระสับกระส่าย
ระยะนี้เกิดเรื่องใหญ่และไม่ค่อยดีขึ้น ทำให้เส้นประสาทของเธอค่อนข้างไวต่อความรู้สึก มีการเคลื่อนไหวนิดหน่อยก็เกิดความหวาดกลัว
กู้จื่อเฟยจับมือเย้นหว่านแน่น “ฉัน ฉัน คือคุณแม่ของเธอชื่นชอบเด็กผู้หญิงแบบไหนหรือ ชื่นชอบการแต่งตัวแบบไหน เธอไปเลือกเสื้อผ้าเป็นเพื่อนฉันเถอะนะ”
เย้นหว่าน “…” จู่ๆก็อยากร้องไห้จนไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว
เพียงเพื่อเรื่องนี้น่ะหรือ
วิ่งลนลานเข้ามาทำให้เธอสะดุ้งตกใจตั้งแต่เช้าตรู่
เย้นหว่านโยนมือกู้จื่อเฟยทิ้งไป พลิกกายเอนตัวกลับลงไปนอนบนเตียง “ยังไม่ตื่นนอน ไม่รับนัด”
กู้จื่อเฟยยื่นมือออกมาอีกรอบ ดึงเย้นหว่านออกมานอกผ้าห่ม
“เย้นหว่านคนดี เสี่ยวหว่านที่รัก เธอดีที่สุดเลย เธอจะต้องไม่ใช่คนที่เห็นคนลำบากแล้วไม่ช่วยหรอกใช่ไหม”
เย้นหว่านหลับตา แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
กู้จื่อเฟยใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมไม่หยุด “เสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่าน ฉันไม่มีเธอไม่ได้นะ เธอรีบช่วยฉันเร็วเข้า”
ข้างหูมีเสียงดังวิ้งๆ บวกกับกู้จื่อเฟยที่เขย่าเธอไปมา ความง่วงนอนที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเย้นหว่านนั้นจึงหนีหายไปหมดแล้ว
เธอเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “โอเคๆ ไปเลือกเป็นเพื่อนเธอ”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอดีที่สุด จุ๊บๆ รักเธอนะ”
กู้จื่อเฟยหอมแก้มเย้นหว่านอย่างแรงไปครั้งหนึ่ง
เย้นหว่านลืมตาทันที ลูบใบหน้า เอ่ยเรียบๆว่า “ฉันยังไม่ได้ล้างหน้า”
“แหวะ!”
กู้จื่อเฟยเอามือกุมลำคอทำท่าผะอืดผะอมขึ้นมา พลางแหวะ พลางค่อนแคะว่า “มิน่าถึงได้มันขนาดนี้ แหวะ คลื่นไส้จะตายอยู่แล้ว!”
“กู้จื่อเฟย เธอไปเลือกเสื้อผ้าเองเถอะ!”
“อ๊ะ ฉันไม่คลื่นไส้แล้ว เสี่ยวหว่าน เธอไม่ได้ล้างหน้าแต่ผิวก็ยังงดงามและสะอาด หอมครั้งแรกแล้ว ฉันยังอยากจะหอมอีกครั้ง มาจุ๊บอีกที”
“ไปให้พ้น!”
…
เย้นหว่านถูกกู้จื่อเฟยโวยวายใส่จนวุ่นวายไปหมดตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเก็บของเสร็จแล้วก็ออกจากบ้านไป
ตระกูลหยูตั้งอยู่ในตำแหน่งกลางเมืองที่เจริญรุ่งเรืองไม่เหมือนกับตระกูลเย้น เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยนั่งรถออกมาได้ไม่นานก็ถึงห้างสรรพสินค้าหรูหรา
เย้นหว่านเดินชอปปิ้งในร้านขายเสื้อผ้าเป็นเพื่อนกู้จื่อเฟย
ทว่าแต่ไหนแต่ไรกู้จื่อเฟยที่สวมเสื้อผ้าเข้าชุดตามความเห็นของตนเองมาตลอดในวันนี้กลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับไม่รู้จะจับต้นชนปลายอย่างไร
มักจะถามเย้นหว่านบ่อยๆว่า “เธอว่าคุณป้าเย้นจะชอบเสื้อผ้าชุดนี้ไหม”
ท่าทางแบบนั้น ไม่เหมือนกับว่าซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเธอเอง แต่กำลังซื้อเสื้อผ้าให้กงจืออวี
เย้นหว่านมือก่ายหน้าผาก
มองกู้จื่อเฟยที่เลือกไปเลือกมาแล้วก็มีท่าทีตึงเครียด จู่ๆก็แย้มริมฝีปากอย่างนึกสนุก พลางเอ่ยว่า
“ฉันนึกขึ้นมาได้แล้ว ดูเหมือนว่าคุณแม่ของฉันจะค่อนข้างชื่นชอบหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรี อยากจะคัดสรรผู้หญิงที่มีความเป็นกุลสตรี คู่ควรให้กับพี่ชายมาโดยตลอด”
กู้จื่อเฟยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ผู้หญิงที่มีความเป็นกุลสตรี?”
ดูเหมือนว่าจะไม่สอดคล้องกับบุคลิกที่เธอวางเอาไว้เลยนินา
แม้ว่าเธอจะถูกเลี้ยงให้เป็นคุณหนูของตระกูลที่ร่ำรวย แต่ความจริงแล้วนิสัยกระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว สตรีงดงามดีพร้อมนั้นพอจะถูไถให้ผ่านไปได้ แต่ยังห่างไกลจากคำว่ากุลสตรีจริงๆ
เย้นหว่านเห็นสีหน้ากู้จื่อเฟย อารมณ์ก็ดีขึ้นมากกว่าเดิมทันที
เธอดึงกู้จื่อเฟยเดินไปทางราวแขวนเสื้อผ้าสำหรับหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรี เลือกไปเลือกมาก็เลือกชุดสีขาวที่ครึ่งท่อนล่างเป็นเดรสออกมาชุดหนึ่ง
หลังจากนั้นก็เอ่ยพร้อมทำท่าทำทางราวกับว่าควรเป็นอย่างนี้ “คุณแม่ฉันจะต้องชอบชุดนี้อย่างแน่นอน”
กู้จื่อเฟยมองเสื้อผ้าชุดนั้นแล้วสีหน้าก็แข็งค้างไปทันที
“เธอแน่ใจนะว่าคุณป้าชื่นชอบแบบนี้?”
ชุดเดรสสีขาวสุภาพเรียบร้อยเข้ารูปบริเวณเอว ทำให้ดูผอมเพรียวเป็นอย่างมาก แต่ในเวลาเดียวกันความสามารถในการเคลื่อนไหวก็ถูกจำกัด ความแคบบริเวณต้นขาส่งผลให้ไม่สามารถก้าวขายาวในเวลาเดินได้
ตอนที่นั่งแผ่นหลังยิ่งต้องยืดตรง สองขาแนบชิดสนิท มิเช่นนั้นจะโป๊เอาได้ง่ายๆ
นี่เป็นชุดที่หญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีสวม
เป็นสไตล์ที่กู้จื่อเฟยไม่เคยท้าทายมาก่อนชั่วชีวิตนี้
“แน่ใจไปจนถึงแน่นอนเลยล่ะ แบบนี้แหละ มั่นใจได้เลย เร็ว รีบไปลองเร็วเข้า”
กู้จื่อเฟยเต็มไปด้วยความสับสน สำหรับเธอเสื้อผ้าชุดนี้มีความท้าทายค่อนข้างสูงมาก
สวมมันแล้วแสร้งทำเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีหรือ
รู้สึกอับอายขายขี้หน้าแปลกๆ
อิดออดอยู่พักหนึ่ง กู้จื่อเฟยถึงได้เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อด้วยท่าทางอึดอัดเป็นอย่างมาก
เธอสวมชุดเดรสสีขาว สวมรองเท้าส้นสูง รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างล้วนผิดปกติ จะต้องน่าเกลียดมากแน่ๆ
“โอ้โฮ สวยมาก เฟยเฟย คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะสามารถจัดการกับเสื้อผ้าประเภทนี้ได้ด้วย”
เย้นหว่านเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง มุมปากยกแย้มยิ้ม
เมื่อชุดเดรสชุดนี้สวมอยู่บนร่างของกู้จื่อเฟยแล้วงดงามเป็นพิเศษจริงๆ เผยเรือนร่างสมบูรณ์แบบของเธอออกมา ทั้งสูงส่งกระฉับกระเฉง คล้ายกับเด็กสาวน่ารักที่ประพฤติตัวดีคนหนึ่ง
“เสี่ยวหว่าน เธอคบกับโห้หลีเฉินมานาน ผิวหน้าก็เลยหนาขึ้น ฝืนใจขนาดนี้ก็ยังพูดออกมาได้อย่างไม่เขินอาย”
กู้จื่อเฟยดูถูกค่อนแคะ สวมรองเท้าส้นสูงเดินตามไปถึงบานกระจกตั้งพื้น
เย้นหว่านเห็นท่าทางการเดินของเธอแล้ว ความตกตะลึงในแววตาก็สลายหาไปในเสี้ยวพริบตา
เมื่อครู่ที่พูดว่ากู้จื่อเฟยสามารถจัดการเสื้อผ้าชุดนี้ได้นั้นถูกกลืนกลับไป
ที่ยืนอยู่ก็คือกุลสตรีน่ารักที่ดีงามเพียบพร้อม แต่เมื่อเอ่ยปากพูดและขยับ โฉมหน้าที่แท้จริงก็ถูกเปิดเผยออกมาทันที
กู้จื่อเฟยที่ยืนอยู่หน้าบานกระจกตั้งพื้น ก็มองตัวเองขึ้นๆลงๆอยู่หลายรอบ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
เธอถามว่า “เสี่ยวหว่าน ได้จริงๆหรือ ฉันมองแล้วก็รู้สึกว่ามีบางแห่งที่ไม่ถูกต้อง”
เย้นหว่านตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “สวยจริงๆนะ เธอแค่ไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนสไตล์อย่างกะทันหันเท่านั้นเอง แม่ฉันจะต้องชอบมากแน่นอน”
เย้นหว่านกลั้นรอยยิ้มที่รู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นเอาไว้ และเอ่ยกับพนักงานว่า “เอาชุดนี้แหละค่ะ”
กู้จื่อเฟยยังอยากจะพูดอะไร แต่เห็นเย้นหว่านมีท่าทีคล้ายกับว่าพึงพอใจและเห็นด้วยเป็นอย่างมาก ก็ตะลึงค้างกล้ำกลืนความอึดอัดใจลงไป
น่าจะ…บางที…คงจะสวยจริงๆล่ะนะ?
ไม่สนใจแล้ว ขอเพียงแค่แม่สามีในอนาคตชื่นชอบก็พอแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางกู้จื่อเฟยที่พยายามโน้มน้าวตนเองแล้ว เย้นหว่านก็เอามือปิดปาก แอบยิ้มอย่างอดไม่ได้
กล่าวกันว่าหญิงสาวที่อยู่ในภวังค์แห่งความรักล้วนสติปัญญาติดลบ กู้จื่อเฟยที่ปกติเฉลียวฉลาดก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน ถึงได้ถูกเธอแกล้งอำแบบนี้
เย้นหว่านตั้งหน้าตั้งตารอ การแสร้งพยายามทำตัวเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีของกู้จื่อเฟย
สุดท้ายแล้วจะเป็นเธอที่อึดอัดหรือว่าเย้นโม่หลินที่อึดอัดยิ่งกว่ากันแน่นะ?