กลางคืน
ภายในกลุ่มวีแชทห้าคน เสียงกู้จื่อเฟยส่งรูปภาพชุดหนึ่งดังติดต่อกัน
นั่นก็คือรูปเย้นหว่านสวมชุดแต่งงานจุมพิตกับโห้หลีเฉิน
รูปทุกใบไม่ได้ผ่านการแก้ไข แต่สวยราวกับม้วนภาพวาดที่งามล้ำจนถึงขั้นสามารถตั้งเป็นภาพพื้นหลังในโทรศัพท์มือถือได้
รูปภาพเพิ่งจะถูกส่งออกไป ป่ายฉีก็โวยวายออกมาทันที
ป่ายฉี : เชี่ย!
ป่ายฉี : ทนดูไม่ได้ สวยๆๆไปแล้ว
กู้จื่อเฟย : @เย้นหว่าน @โห้หลีเฉิน ชอบจนแทบทนไม่ไหวแล้ว ฉันสามารถเอาไปตั้งเป็นรูปพื้นหลังได้ไหม
เย้นหว่านส่งสติ๊กเกอร์เขินอายมารูปหนึ่ง
โห้หลีเฉินยังไม่ได้พูดอะไร
เย้นโม่หลิน : ชอบ?
เพียงแค่คำง่ายๆเพียงคำเดียว แต่มีวัตถุประสงค์ตรงไปตรงมา นั่นก็คือถามกู้จื่อเฟย
กู้จื่อเฟยเห็นที่เย้นโม่หลินเอ่ยแล้วก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีไม่เลว
กู้จื่อเฟย : แน่นอนอยู่แล้วค่ะ เด็กผู้หญิงล้วนชื่นชอบ หนุ่มหล่อสาวสวย ชุดแต่งงานกับเรือนหอกันทั้งนั้น
เย้นโม่หลินเงียบไปครู่หนึ่ง และส่งข้อความหนึ่งออกไปว่า ฉันจะเตรียมไว้ให้เธอ
กู้จื่อเฟยตะลึงมองข้อความที่อยู่บนหน้าจอ
พี่เย้นส่งอะไรมากัน?
ถึงกับเป็นฝ่ายเอ่ยว่าจะจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอ เตรียมชุดแต่งงานกับเรือนหอหรือ
กู้จื่อเฟยหัวใจเต้นตึกตักตึกตักอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที จู่ๆเธอก็ถูกเย้นโม่หลินโปรยเสน่ห์ใส่อย่างนั้นหรือ
ทันใดนั้นก็รู้สึกตั้งหน้าตั้งตารอขึ้นมา
ป่ายฉี : ……
ป่ายฉี : เฮ้ๆๆ สาดความหวานก็ต้องระวังด้วยว่าในกลุ่มยังมีคนโสดอยู่คนหนึ่ง โอเคไหม?
เย้นโม่หลิน : นายสามารถออกจากกลุ่มได้
ป่ายฉี : ……
รู้สึกได้ถึงการถูกทอดทิ้งจากพี่ชายตัวเองที่ออกมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ
กู้จื่อเฟยยกมุมปากขึ้นอย่างอดไม่ได้ มองรูปโปรไฟล์ของเย้นโม่หลินแล้ว ในสมองก็ปรากฏใบหน้าหล่อเหลาของเขาขึ้นมา
จึงอยากจะพบกับเขามากขึ้นมาทันที
เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ส่งข้อความออกไปหนึ่งข้อความตามที่ใจคิด
กู้จื่อเฟย : พี่เย้นลงมากินก๋วยเตี๋ยวค่ะ
เย้นโม่หลิน : ยังไม่หิว
กู้จื่อเฟยมองตัวอักษรที่เต็มไปด้วยความตรงไปตรงมาแล้ว ชั่วขณะหนึ่งก็ร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก
เพิ่งจะถูกเย้นโม่หลินหยอดใส่ นึกว่าเขาจะตื่นรู้ มีความฉลาดทางอารมณ์ขึ้นมากะทันหัน คิดไม่ถึงเลยว่าในวินาทีถัดไปจะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
พี่เย้นก็ยังคงเป็นพี่เย้นคนนั้น
กู้จื่อเฟยจนปัญญา ส่งข้อความไปว่า : ฉันอยากเจอพี่แล้ว
ป่ายฉี : ……!
ป่ายฉี : เกินไปแล้วนะ จะหลงเหลือความเมตตาสุดท้ายของความเป็นมนุษย์ให้กับคนโสดสักหน่อยได้ไหม?
ป่ายฉี : กู้จื่อเฟย เธอกินมื้อดึกทุกวันไม่กลัวอ้วนหรือ
ป่ายฉี : ระวังจะอ้วนจนกลายเป็นหมู และถูกพี่เย้นรังเกียจ
กู้จื่อเฟยอ่านข้อความที่ป่ายฉีส่งมาติดๆกันแล้ว มุมปากก็กระตุกทันที ความรู้สึกที่วนเวียนอยู่รอบกายล้วนถูกฝ่ามือหนึ่งสะบัดตบกระจายไปหมดแล้ว
คนคนนี้ปากไม่มีหูรูดเกินไปแล้ว พูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูด
กู้จื่อเฟยที่โมโหกำลังจะตอกกลับป่ายฉี แต่ตัวอักษรยังไม่ทันจะพิมพ์เสร็จ ตอนนั้นเองที่บนหน้าจอก็มีข้อความของเย้นโม่หลินกระเด้งขึ้นมา
เย้นโม่หลิน : จื่อเฟย เจอกันที่ห้องครัว
กู้จื่อเฟยที่กำลังพิมพ์ตัวอักษรหยุดชะงักการเคลื่อนไหว สีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานในทันที อารมณ์ก็ดีเป็นอย่างมาก
ดีเกินไปแล้ว
เธอเก็บโทรศัพท์มือถือ รีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และวิ่งลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
หลังจากเย้นโม่หลินส่งประโยคนั้นไปแล้ว ภายในกลุ่มก็เข้าสู่ความเงียบ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทั้งสองคนนัดกันไปข้างนอกแล้ว
ป่ายฉีที่ถูกมองข้าม : ……
จุกจนพูดไม่ออก เขาควรจะออกจากกลุ่มหรือว่าหาแฟนสาวดี? นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน คนที่ออนไลน์อยู่ช่วยตอบที
เย้นโม่หลินมาถึงห้องครัวก่อนอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องครัวว่างเปล่าไร้ผู้คน
เขาเตรียมจะนั่งรอกู้จื่อเฟย ตอนนี้เองที่มีข้อความส่วนตัวในโทรศัพท์มือถือเข้ามาข้อความหนึ่ง
กู้จื่อเฟย : พี่เย้น มารับฉันหน่อยค่ะ
เย้นโม่หลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก็แค่ระยะห่างไม่กี่ก้าวในการเดินลงมาที่ชั้นล่าง ยังต้องให้ไปรับเธอ?
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ลุกขึ้นยืน เดินไปยังทิศทางห้องกู้จื่อเฟย
ตำแหน่งห้องครัวตระกูลหยูถูกออกแบบให้อยู่ในเขตพื้นที่โดดเดี่ยว
หากจะเดินจากห้องครัวห้องอาหารไปถึงห้องนอน ก็ต้องผ่านระเบียงทางเดินเปลือยครึ่งที่ตกแต่งอย่างงดงาม
ในเวลาเดียวกันนั้น กู้จื่อเฟยก็ยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ด้านข้างมีกระถางต้นวิสทีเรียเขียวสดงดงาม ส่วนเธอก็สวมชุดกระโปรงสีขาว มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ด้านหน้า ถือกระเป๋าใบเล็ก
ท่าทางน่ารักราวกับหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรี มองดูแล้วสวยงามทำให้จิตใจเบิกบาน และยังมีความสดใสเล็กๆ
วินาทีที่เย้นโม่หลินเห็นเธอ ฝีเท้าก็ชะงักไปเล็กน้อย แววตามีความตกตะลึงพาดผ่านไป
คล้ายกับว่าเขาไม่เคยเห็นกู้จื่อเฟยแต่งตัวแบบนี้ น่ารักน่าเอ็นดูราวกับตุ๊กตางดงามตัวหนึ่ง
เป็นความสวยงามที่ทำให้คนละสายตาไปไม่ได้
แต่ เธอที่ยืนเรียบร้อย บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆนั้น ท่าทางแบบนี้ดูแล้วกลับรู้สึกว่ามีบางแห่งที่แปลกๆ
ไม่ค่อยปกติ
เย้นโม่หลินยังคิดไม่ออกว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ กู้จื่อเฟยก็เอ่ยพูดเสียงหวานว่า
“พี่เย้น ฉันสวยไหมคะ”
“สวย” เย้นโม่หลินตอบคำถามโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “แต่คล้ายกับว่ามีบางแห่งที่……” แปลกๆ……
เย้นโม่หลินยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็เห็นกู้จื่อเฟยยิ้มหวาน ก้าวเดินมาทางเขา
สีหน้าท่าทางที่เธอจ้องมองเขาราวกับเปลวไฟลูกหนึ่งไล้ไปตามผิวหนังเขา
เมื่อรองเท้าส้นแหลมสูงกระทบเข้ากับพื้นก็ส่งเสียงหวานรื่นหูดังขึ้น
เสียง “ก๊อกๆๆ” ที่ดังขึ้นคล้ายกับค้อนขนาดเล็กทุบลงบนหัวใจของเขา
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไร้การควบคุม ผลิบานในหัวใจของเขา
เย้นโม่หลินยืนมองกู้จื่อเฟยเดินมาถึงด้านหน้าเขาอย่างอึ้งๆ
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองตรงมาที่เขา นัยน์ตาไหวระริก ราวกับผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวสาดแสงระยิบระยับ
เธอถามยิ้มๆว่า “ฉันสวยจริงๆหรือคะ”
เย้นโม่หลินตะลึงมองเธอ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า วิญญาณของเขาคล้ายกับถูกหญิงสาวพราวเสน่ห์เบื้องหน้าดูดเอาไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
เขาพยักหน้า น้ำเสียงทุ้มต่ำ “สวยจริงๆ”
รอยยิ้มบนใบหน้ากู้จื่อเฟยหวานล้ำกว่าเดิม นิ้วมือจิกกระเป๋าใบเล็กของตัวเองแน่น ใบหน้าเผยความรู้สึกเขินอายออกมา
เธอเอ่ยเสียงเบา “ในเมื่อสวยขนาดนี้ พี่ไม่อยากจะทำอะไรกับฉันสักหน่อยหรือ”
เย้นโม่หลินร่างกายแข็งทื่อทันที
หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า มองดูแล้วมีท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู แต่การพูดจากลับทะลึ่งโปรยเสน่ห์ใส่คนเป็นอย่างมาก นิสัยที่ไม่เหมือนกันกลับรวมอยู่บนตัวเธออย่างแปลกประหลาด ก่อให้เกิดมนตร์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนเป็นบ้าประเภทหนึ่ง
ทันใดนั้นแววตาเย้นโม่หลินลึกล้ำขึ้นมา ลูกกระเดือกขยับไปมา
น้ำเสียงที่แสนจะทุ้มต่ำนั้นราวกับกำลังควบคุมอะไรอยู่
“อยาก”
เขาเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “แต่ว่าฉันให้เกียรติเธอ ก่อนแต่งงานไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้”
คำที่เขาใช้ก็คือ ไม่สามารถ
กู้จื่อเฟยหัวเราะพรืดออกมา มองท่าทางแข็งทื่ออยู่ในกฎระเบียบของเขาแล้วก็ชอบมากขึ้นจนแทบทนไม่ไหว
แววตาเธออ่อนแสง นิ้วเรียวจิ้มลงบนแผงอกเย้นโม่หลินลากไปตามลายเส้นของชุดสูทขึ้นไปข้างบนทีละนิดๆ
น้ำเสียงมีเสน่ห์ของเธอนั้นคลุมเครือเป็นอย่างมาก “แต่ฉันอยากจะทำอะไรบางสิ่งกับพี่นี่คะ จะทำอย่างไรดี”
เย้นโม่หลินตะลึงตัวแข็งทื่อ จนถึงขั้นที่ใบหูค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง
มุมปากกู้จื่อเฟยแย้มรอยยิ้ม นิ้วมือไล่ขึ้นไปถึงช่วงไหล่ของเขา ยื่นออกไปถึงบริเวณท้ายทอย และกอดเขาเอาไว้
ร่างกายเธอโน้มไปด้านหน้า ริมฝีปากแดงระเรื่อทาบลงบนริมฝีปากเย้นโม่หลิน
เสียง “ปัง” ดังขึ้น สมองของเย้นโม่หลินคล้ายกับมีระเบิดลูกหนึ่งเกิดระเบิดขึ้น การตอบสนองทั่วทั้งร่างล้วนช้าลง และมองไปทางกู้จื่อเฟยที่ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยความมึนงง
ความรู้สึกบนริมฝีปากนั้นอ่อนนุ่มราวกับเชื้อเพลิงบนทุ่งหญ้าที่ในเสี้ยวพริบตาก็แผดเผาไปทั่วทันที