ป่ายฉีกดจุดบนร่างของกู้จื่อเฟยไปหลายจุด เขาเอ่ยเสียงเข้ม
“พิษไม่แรงมาก แต่ยิ่งนานก็จะยิ่งเป็นอันตราย แต่ตอนนี้ผมไม่มียาอยู่ในมือ ได้แต่ยับยั้งให้เธอเล็กน้อยได้ชั่วคราวเท่านั้น”
เย้นโม่หลินคิ้วขมวดแน่น “ต้องการยาอะไร?”
“ยาทั่วไปก็ได้แล้ว”
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้พวกเขาถูกตามไล่สังหารอยู่ ในสถานการณ์นี้แค่จะหายาธรรมดาทั่วไปยังยาก
ครู่หนึ่ง ป่ายฉีก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ออกจากเมืองเฟยกันก่อน ออกไปหายาแล้ว ผมก็ช่วยให้เธอรอดได้”
เย้นโม่หลินมองกู้จื่อเฟยที่นอนอยู่ผ่านกระจกมองหลัง สีหน้าเธอซีดขาวราวกับคนตาย ดูเหมือนหายใจก็ยังลำบากมาก จนต้องอ้าปากเพื่อหายใจ
ถึงกระนั้นในปากของเธอก็ยังเห็นว่าเป็นเลือดสีแดงสด
สภาพนั้นดูเหมือนจะเป็นทุกข์อย่างมาก ยิ่งไม่ต้องพูดว่าในตอนนี้กู้จื่อเฟยกำลังแบกรับความเจ็บปวดมากมายขนาดไหน
คนที่หยูฉู่สองส่งมาพวกนั้นคงไม่โดนเพียงแค่เว่ยชีที่อยู่ข้างหลังขวางไว้ได้อย่างแน่นอน ทั้งเมืองทุกเฟยทุกหนแห่งล้วนเป็นเขตอำนาจของเขาทั้งนั้น และตอนนี้เขาต้องวางกำลังเอาไว้นอกเมืองแล้วแน่ๆ
ถึงพวกเขาออกจากเมืองไป มันก็เต็มไปด้วยตัวแปร ไม่แน่ว่าจะฝ่าออกไปได้
พวกเขาสามารถลองได้ แต่ว่ากู้จื่อเฟยจะรอไม่ไหวเอา
เย้นโม่หลินเม้มริมฝีปากบางแน่น ทันใดนั้นเขาก็หักพวงมาลัยอย่างแรงแล้วเลี้ยวมุ่งไปยังถนนที่พลุกพล่านด้วยความรวดเร็ว
ป่ายฉีเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “พี่ใหญ่ พี่จะไปไหน? นี่ไม่ใช่ทางที่จะออกไปนะ”
บนถนนมีคนมาก มันยุ่งยากและยิ่งอันตราย
เย้นโม่หลินนิ่งเงียบ และขับรถเข้าไปด้วยความเร็วสูง
หลังจากนั้นไม่นาน รถก็จอดที่หน้าคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เย้นโม่หลินลงจากรถแล้วเปิดประตูหลัง อุ้มกู้จื่อเฟยที่อ่อนเพลียจนกึ่งหลับกึ่งตื่นออกมาจากข้างใน
ขมับของป่ายฉีเต้นตุบๆ “พี่ พี่ต้องให้กู้จื่อเฟยหาหมอตอนนี้เลยเหรอ? เมื่อกี้ผมดูแล้ว พวกเราถูกจับตามองที่นี่แล้ว ไม่เกินห้านาที คนของหยูฉู่สองก็จะไล่ตามมา”
และเมื่อพวกเขาลงจากรถ แล้วเข้าไปในคลินิกก็จะถูกล้อมกรอบอีกครั้ง
นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำอย่างสมเหตุสมผลในตอนนี้เลย
แต่เย้นโม่หลินกลับไม่หยุดฝีเท้าเลยแม้แต่น้อย อุ้มกู้จื่อเฟยสาวเท้าเดินเข้าไปในคลินิกอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งกับป่ายฉี “รีบเข้ามาซะ”
ป่ายฉีมองไปรอบๆ แล้วประคองความเจ็บปวดทั่วร่าง เดินกะเผลกเข้าไปข้างใน
เย้นโม่หลินและป่ายฉีทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด และยังอุ้มกู้จื่อเฟยที่อิดโรยไว้อีก การรวมกันของภาพกลุ่มนี้สะดุดตาอย่างมาก ทำให้คนไข้และหมอที่อยู่ในคลินิกต่างตกใจกลัวและกรีดร้องออกมา
มีหมอใจกล้าหน่อยคนหนึ่งที่ยืนห่างออกไปไม่กี่เมตร ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“พวกคุณเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ? มารักษาใช่ไหม? ที่นี่เป็นคลินิกเล็กๆ เครื่องมือไม่ครบครัน ห่างออกไป500เมตรก็จะเป็นโรงพยาบาล พวกคุณไปผ่าตัดที่นั่นจะดีกว่านะครับ”
เย้นโม่หลินไม่สนใจใครทั้งนั้น เขาอุ้มกู้จื่อเฟยตรงไปแล้ววางเธอลงบนโซฟาในล็อบบี้ของร้าน
เขากวาดมองที่นี่เล็กน้อย ก่อนสายตาเย็นเฉียบจะจับจ้องไปที่ห้องจ่ายยา
เขาพูดขึ้น “ป่ายฉี ไปเอายามา”
ป่ายฉีนิ่งอึ้ง สีหน้างุนงง
เอายา?
มันเรียกว่าปล้นยามากกว่า?
แต่ทว่าป่ายฉีกลับเข้าใจความหมายของเย้นโม่หลินได้โดยทันที ก็คือจะใช้ยาในคลินิก ให้เขารักษาล้างพิษให้กับกู้จื่อเฟย
ขอแค่ป่ายฉีมายาอยู่ในมือ ปัญหาทั้งหมดก็จะคลี่คลาย
โดยไม่ชักช้า ป่ายฉีรีบเดินเข้าไปในห้องจ่ายยาทันที
ทันใดนั้นหมอที่เห็นเช่นนั้น หลายคนก็รีบเข้ามาขวางที่ประตูห้องจ่ายยาแล้วเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างรีบร้อน
“คนไข้ครับ อาการบาดเจ็บของพวกคุณร้ายแรงมาก จะกินยาเองไม่ได้นะครับ ที่นี่พวกเราสามารถให้การปฐมพยาบาลแบบเร่งด่วนให้พวกคุณก่อนได้ แล้วค่อยส่งพวกคุณไปโรงพยาบาลใหญ่ใกล้เคียงดีไหมครับ?”
“อย่าขวางทาง”
ป่ายฉีดุว่าอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นไอสังหารก็แผ่ออกมารอบตัว อุณหภูมิในล็อบบี้พลันลดต่ำจนราวกับติดลบลงในพริบตา ทำให้ผู้คนตระหนักได้ถึงความน่าหวาดกลัว
หมอที่ขวางทางอยู่บางคนที่ถูกมองตรงๆ ก็ขาอ่อนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ จนเกือบล้มลงกับพื้นอย่างยืนไม่อยู่
หัวใจที่หวาดกลัวของพวกเขาสั่นสะท้าน และถอยหลังเปิดทางให้โดยสัญชาตญาณ
ป่ายฉีใช้มือข้างหนึ่งยันกำแพงเอาไว้แล้วเดินกะเผลกไปเปิดประตูเข้าไปในห้องจ่ายยา
สายตาคมกริบกวาดมองเล็กน้อยแล้วหยิบยาอย่างคล่องแคล่ว
เหล่าคุณหมอที่มองดูห้องยาของตัวเองถูกปล้น แต่ละคนสีหน้าซีดเผือดอย่างหวาดหวั่น ทั้งปวดใจและหวาดกลัว
โลกนี้ช่างไร้เหตุผลเสียจริง
เห็นคนเขาปล้นธนาคารกัน ก็ได้เจอที่ปล้นร้านยาครั้งแรกนี่แหละ
“แจ้งตำรวจ แจ้งตำรวจเร็วเข้า
หมอคนหนึ่งเอ่ยเสียงเบาพลางขยิบตาให้กับพยาบาลที่ยืนอยู่ด้านหลัง
พยาบาลมองไปที่เย้นโม่หลินก็รู้สึกหวาดกลัว แม้ว่าชายผู้นี้จะถูกปกคลุมไปด้วยเลือด แต่ออร่าของเขาก็แข็งแกร่งมากจนทำให้ผู้คนยืนต่อหน้าเขาและไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความคิดที่จะแจ้งตำรวจเลย
หมอมองเหล่าพยาบาลที่สั่นเป็นลูกนกอย่างคาดคั้น เขากัดฟัน หยิบมือถือออกมาอย่างเงียบๆ และกดโทรฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวของเขาน้อยมาก กลัวว่าจะถูกเย้นโม่หลินพบเข้า
แต่ตลอดการโทรศัพท์ของเขา เย้นโม่หลินก็ยืนอยู่ข้างกู้จื่อเฟย โดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
เย้นโม่หลินนั้นความรู้สึกเฉียบคมมาตั้งแต่เด็ก การเคลื่อนไหวเล็กน้อยนั้นเขามองเห็นอย่างชัดเจนตั้งนานแล้ว
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือตระกูลหยู พวกเขาจะมาเร็วกว่า ลงมืออย่างเหี้ยมและชั่วร้ายยิ่งกว่า
ในขณะเดียวกันนั้นเอง บอดี้การ์ดชุดดำพุ่งเข้ามาจากถนนในหลายทิศทาง
รถของพวกเขากีดขวางถนน จากนั้นก็หยิบกระบองไฟฟ้าแล้วพุ่งเข้าไปในคลินิกอย่างดุเดือด
“เย้นโม่หลินอยู่ในนี้นี่แหละ ต้องสังหารเขาให้ได้”
ในถนนที่เดิมทีเคยพลุกพล่าน เมื่อเห็นบอดี้การ์ดสีดำที่ดุร้ายน่ากลัวกลุ่มนี้มา ทุกคนต่างก็กรีดร้องและวิ่งหนีไป
มีบางคนที่จ้องมองอยู่ไกลๆ และบนตึก เมื่อเห็นภาพนั้นแล้วพวกเขาต่างก็พากันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
พวกบอดี้การ์ดเตะประตูอย่างหยาบคายแล้วพุ่งเข้าไปข้างใน
พวกเขามีอาวุธครบมือและพร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
เดินเข้าไปในล็อบบี้คลินิก หัวหน้าบอดี้การ์ดก็เห็นเลือดหยดหนึ่งบนพื้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มหมอ พยาบาล และผู้ป่วยที่เบียดเสียดกันอยู่
เขาถามเสียงเย็น “สามคนที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บมาล่ะ?”
หมอคนหนึ่งชี้ไปที่ด้านหลังของทางเดินอย่างสั่นเทา
“ไป ไปทางนั้นแล้ว”
เมื่อมองที่ป้าย มันคือห้องผู้ป่วย
หัวหน้าบอดี้การ์ดไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนออกคำสั่ง “ค้นหา! เจอคนที่ไหนฆ่าที่นั่น”
“ครับ”
พวกบอดี้การ์ดตอบรับอย่างว่องไว แล้วพุ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
ฝูงชนได้ยินดังนั้นก็ยิ่งตื่นตระหนกกันมากขึ้น ที่แท้สามคนนั้นไม่ใช่คนที่น่ากลัวที่สุด คนข้างหลังต่างหากที่น่ากลัวยิ่งกว่า
เพราะยังไงก็ตาม ถึงสามคนนั้นจะบุกปล้นร้านยาเหมือนโจร แต่ยังไงพวกเขาก็ทิ้งบัตรธนาคารที่ไม่รู้ว่ามีเงินเท่าไหร่เอาไว้ แต่กลุ่มคนที่มาภายหลังนั้น พวกเขามาฆ่าโดยมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน
มันน่าหวาดกลัวจริงๆ
คลินิกนั้นไม่ได้ใหญ่ พวกบอดี้การ์ดค้นคลินิกจนทั่วอย่างรวดเร็ว
ทว่า ก็ไม่เจอเงาของพวกเย้นโม่หลินและป่ายฉีเลย
“หัวหน้า พวกเขาหนีไปแล้วหรือเปล่าครับ?”
“เป็นไปได้ยังไง? พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาไม่กี่นาทีเท่านั้นเองนะ คนของเราเฝ้าไว้หมดกระทั่งประตูหลัง ยังไม่เห็นเลยว่ามีคนออกไป”
“หัวหน้า หัวหน้า เจอแล้วครับ”
ในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็วิ่งปรี่เข้ามา