“นี่ เธอ อย่าร้องสิ”
เย้นโม่หลินวางไม้วางมือไม่ถูก กลับถูกกู้จื่อเฟยผลักออกไป
กู้จื่อเฟยมองมาที่เขาอย่างน้อยใจ ส่งเสียงสะอื้นออกมา
“เย้นโม่หลิน พี่นอนกับฉันแล้วจะไม่รับผิดชอบเหรอ?”
มุมปากของเย้นโม่หลินกระตุกอย่างรุนแรง ใครกับใครนะ?
เขารีบเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่มีทาง ฉันบอกแล้วว่าจะรับผิดชอบเธอ ฉันไม่กลับคำพูดหรอก”
“ไม่กลับคำ แล้วทำไมไม่กล้ายอมรับว่านอนกับฉันแล้ว? พี่ปกปิดเสี่ยวหว่าน ไม่ใช่เพราะว่าไม่อยากให้เสี่ยวหว่านรู้ว่าเราเป็นอะไรกันหรือไง ไม่ใช่เพราะว่าในอนาคตจะได้สลัดฉันทิ้งได้สะดวกเหรอ?”
เย้นโม่หลินเบิกตาอ้าปากค้าง ไม่สามารถเข้าใจคำพูดฉะฉานของเธอได้เลย เขารู้สึกไม่สมเหตุสมผลแปลกๆ
เขาทำได้เพียงกัดฟันอธิบายออกไปว่า
“ฉันสาบานว่าฉันไม่เคยมีความคิดแบบนี้ หลายวันมานี้เราไม่ได้นอนด้วยกันจริงๆ สภาพแวดล้อมมันบีบบังคับทั้งนั้น บางครั้งฉันก็แค่เฝ้าเธอหลับเท่านั้นเอง นี่ไม่เรียกว่านอนด้วยกันเหรอ? หรือว่า….ต้องทำแบบนั้นถึงจะเรียกว่านอนด้วยกันได้”
เขานิ่งไป กลัวว่ากู้จื่อเฟยจะเข้าใจผิดไปไกล เย้นโม่หลินจึงพูดเสริมว่า
“ฉันไม่เคยไม่อยากนอนกับเธอ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ความหมายอ่านกินเธอแบบนั้น ฉัน ฉันแค่จะพูดว่า ในระหว่างที่ยังไม่แต่งงานกัน ฉันก็จะพยายามปกป้องเกียรติของเธออย่างสุดกำลัง ไม่อยากให้เธอโดนฉันเอาเปรียบ”
“ฉันไม่สน ยังไงมันก็แค่นอน ระยะนี้พี่ไม่ทำอะไรฉันเลย”
กู้จื่อเฟยพูดออกมาอย่างน้อยใจมากกว่าเดิม ราวกับว่าถ้าหากเย้นโม่หลินแก้ตัวอะไรอีก เธอก็จะร้องไห้ออกมาทันที
ขมับของเย้นโม่หลินเต้นตุบๆ นี่มันไม่เหมือนที่เขาคิดเอาไว้เลยนี่นา อีกอย่างเอาเรื่องแบบนี้มาพูด เขาไม่เป็นอะไรหรอก แต่กู้จื่อเฟยเป็นผู้หญิง มันไม่ดีต่อชื่อเสียงของเธอ
แต่ถ้าเขาไม่ยอมเออออตาม กู้จื่อเฟยก็สามารถร้องไห้ออกมาได้ทุกนาที
เย้นโม่หลินกลัดกลุ้มแทบปวดหัว
เขาใจแข็งให้กับน้ำตาของเธอไม่ได้เลย เพราะกลัวว่าเธอจะร้องไห้ จึงรีบพูดว่า
“ครับๆๆ ฉันจะนอนกับเธอทุกวัน”
พูดจบ ก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ เขาจะนอนกับเธอทุกวัน? คำนี้มันช่าง………
เขากำลังจะพูดแก้ แต่กู้จื่อเฟยกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ในเมื่อพี่นอนกับฉันตั้งหลายวันขนาดนี้ ชื่อเสียงของฉันก็จะถูกพี่ทำลายทิ้งจนหมด ฉันเสียหายมากเลยนะ”
เย้นโม่หลิน “…………” เหตุผลนี้เองเหรอ เขาพลันรู้สึกผิดขึ้นมา……..
“ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว งั้นก็ปล่อยตามธรรมชาติให้มันกลายเป็นเรื่องเคยชินเถอะ หลังจากนี้เรามานอนด้วยกันทั้งวันเลยนะ”
ท่าทางน้อยใจพลันหายไป แม้แต่น้ำตาหยดใสก็หายไปในพริบตา ดวงตาของเธอเป็นประกายวาบ รอยยิ้มบนมุมปากปรากฏออกมาราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์
เย้นโม่หลินมองเธอนิ่งค้าง เหมือนโดนสายฟ้าฟาด ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี
เขา กำลังโดนต้มใช่ไหม?
เมื่อเย้นหว่านเห็นพี่ชายนิ่งค้างไปราวกับท่อนไม้ ก็รู้สึกสงสาร แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกขำขัน
พี่ชายผู้บริสุทธิ์หัวโบราณของเธอ ถูกกู้จื่อเฟยพาหักเลี้ยวขึ้นรถเด็กอนุบาลใสๆ
ต่อไป คงไต่ระดับเป็นรถเด็กประถมสินะ
“พี่คะ ฉันเองก็คิดว่ากู้จื่อเฟยพูดมีเหตุผลนะ พี่ต้องรับผิดชอบเธอสิ”
เย้นโม่หลิน “………..” รับผิดชอบของยัยเด็กสองคนนี้กับรับผิดชอบของเขา ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว!
เพราะเขาไม่เข้าใจเรื่องรักๆใคร่ๆ และประเพณีแต่งงาน หรือเป็นเพราะสองคนนี้รวมหัวขุดหลุมฝังเขากันนะ?
รู้สึกเหมือนอย่างหลังจะมีน้ำหนักกว่า……….
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ควรจะนอนได้แล้ว เสี่ยวหว่าน พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันใหม่นะ ฉันกับพี่ชายเธอไปนอนก่อนละ”
กู้จื่อเฟยไม่ให้เย้นโม่หลินได้คิดอะไรมาก ยิ้มตาหยีเตรียมจะกดวางสาย
เย้นหว่านไม่เข้าใจทุกๆความคิดของเพื่อนสนิทของตัวเอง เมื่อกี้เพิ่งวางกับดักใครบางคน ตอนนี้เร่งรีบจะไปกินเต้าหู้กันซะงั้น
ถ้าทุกอย่างพัฒนาไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ ไม่แน่ลูกของเย้นหว่านยังไม่มาเกิด เย้นโม่หลินน้อยอาจจะมารายงานตัวก่อนก็ได้
เย้นหว่านคาดหวังหลานชายคนแรกมากๆ
เธอเอ่ยพูดอย่างร่าเริงเป็นพิเศษว่า “โอเค พวกเธอก็รีบๆพักผ่อนนะ ออกกำลังกายเยอะๆล่ะ พี่คะ จื่อเฟย ฝันดีนะ”
พูดจบ เย้นหว่านก็ยิ้มตาหยีแล้วกดวาง
อีกด้าน เย้นโม่หลินดึงมุมปาก
อะไรคือรีบๆพักผ่อนและออกกำลังกายเยอะ? อย่าคิดว่าเขาไม่เข้าใจความหมายที่เย้นหว่านจะสื่อนะ
อยู่กับโห้หลีเฉินนาน จนเลียนแบบอะไรไม่ดีมาแน่ๆ
เฮ้อ
เย้นโม่หลินถอนหายใจออกมา ในขณะนี้เอง ร่างกายนุ่มนิ่มก็โถมตัวเข้ามาหา กอดแขนของเขาเอาไว้พร้อมถูไถอ้อนๆ
“พี่เย้น เรามานอนกันเถอะ”
เย้นโม่หลินตัวเกร็ง นิ่งค้างไปในทันที
สัมผัสนุ่มนิ่มบริเวณแขน เหมือนเปลวไฟกำลังโลมเลียผิวหนังของเขา ความร้อนผ่าวถูกส่งต่อเข้าสู่ร่างกาย ฉับพลันเปลวไฟก็จุดติดอยู่ในช่วงท้องของเขา
เขาหายใจหนักๆ รู้สึกหงุดหงิดในใจ
เปลวไฟที่ต่อให้ฟ้าผ่าก็ไม่ติดใช้ไม้ขีดก็ไม่ลุกในอดีต ตอนนี้ทำไมถึงไม่อาจต้านแรงยั่วยุของกู้จื่อเฟยได้แล้วล่ะ?
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มเปลวไฟในร่างกายเอาไว้ กดเสียงต่ำอย่างพยายามควบคุมตัวเองว่า
“เธอไม่กลัวแล้วเหรอ?”
ก่อนหน้านี้ เพราะกู้จื่อเฟยบอกว่ากางเต้นท์นอนในป่าตอนกลางคืนมันน่ากลัว นั่นเป็นเหตุผลให้เขามาอยู่ในเต้นท์เดียวกันกับเธอ
เขามาอยู่เป็นนเพื่อนเธอ ตั้งใจว่าพอเธอหลับค่อยกลับไปที่เต้นท์ของตัวเอง
แต่ว่าตอนนี้……….
“มีพี่อยู่ด้วยฉันไม่กลัวหรอก ง่วงจังเลย เรามานอนกันเถอะ”
กู้จื่อเฟยกอดแขนของเขาเอาไว้ แล้วดึงลงมานอนด้วยกัน
ตัวของเย้นโม่หลินแข็งทื่อ แนวคิดโบราณที่ยึดถือมากำลังจะทลายลง
ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันตามลำพัง โสดทั้งคู่ ไม่มีเหตุผลอะไร ให้มานอนใกล้ชิดบนเตียงเดียวกัน ราวกับเป็นสามีภรรยาแบบนี้
อีกอย่างดูเหมือนหลังจากนี้ก็น่าจะเป็นแบบนี้บ่อยๆ
คิดมาถึงตรงนี้ ตัวของเย้นโม่หลินก็ยิ่งแข็งทื่อ
กู้จื่อเฟยดึงเย้นโม่หลินยังไงก็ไม่ขยับสักที กะพริบตามองเขาปริบๆ พูดเสียงแผ่วเบาว่า
“พี่เย้น ทำไมพี่ไม่นอนล่ะ หรือว่า…….ที่พี่ตอบตกลงเมื่อกี้ คือโกหกฉัน?”
เย้นโม่หลินสะดุ้ง กลัวว่ากู้จื่อเฟยจะร้องไห้ออกมาอีก
เขาโต้กลับอย่างไม่หยุดคิด “ไม่ใช่ ฉันพูดจริงๆ”
กู้จื่อเฟยบู้ปาก “แล้วทำไมพี่ยังไม่นอนอีกล่ะ?”
เย้นโม่หลิน “…………”
เขาเอนตัวลงนอนอย่างไม่เป็นธรรมชาติ กำแพงในหัวใจ แนวคิดดั้งเดิมในหัว พังทลายลงย่อยยับในพริบตา เหลือเพียงแค่ความคิดสกปรก
ต่อให้จะมีแนวคิดหนักแน่นแค่ไหน ก็ไม่อาจต้านทานน้ำเสียงและน้ำตาบนใบหน้าตัดพ้อของกู้จื่อเฟยได้หรอก
ช่างเถอะ ก็แค่นอนกับเธอเท่านั้นเอง
เย้นโม่หลิยปลอบใจตัวเอง จากนั้นก็ปิดไฟ หลับตาลงท่ามกลางความมืด
จู่ๆก็มีมือเล็กๆมาลูบไล้บริเวณเอวของเขา
พร้อมกันนั้น ก็ใช้ขาข้างหนึ่งพาดขาทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ซึ่งอีกแค่นิดเดียว ก็จะโดนกล่องดวงใจของเขาแล้ว