“กฎคือสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมา ฉันเป็นผู้นำตระกูล สิ่งที่ฉันพูด ก็สามารถเป็นกฎได้เหมือนกัน”
เสียงดุดันของหยูฉู่สอง ทำให้ทุกคนเงียบกริบในทันที
รังสีของเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก “เรื่องนี้กำหนดมาอย่างนี้แล้ว ห้ามใครเห็นต่างเด็ดขาด แยกย้าย!”
ท่านอาวุโสสามเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าหยูฉู่สองจะตัดสินใจแหกกฎต่อหน้าคนทั้งตระกูลอย่างนี้
ทั้งเผด็จการ และ…..สะเทือนใจผู้คน
ท่านอาวุโสสามขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกใจไม่ดี ทำได้เพียงรีบเดินตามไปติดๆ
ท่านอาวุโสหกเดินตามต้อยๆ
ท่านอาวุโสรองตบโต๊ะพร้อมกับสบถอย่างโมโห “ท่านประมุขทำเกินไปแล้ว ในเมื่อจัดประชุมตระกูลขึ้นมา ก็ควรที่จะปฏิติบัติตามความคิดเห็นของทุกคนในตระกูลสิ
ทำไมถึงทำอะไรตามใจตัวเองอย่างนี้ ดึงดันจะโจมตีตระกูลเย้นให้ได้เลยหรือไง?
เป็นแบบนี้ มีแต่จะทำให้ตระกูลหยูเสียหาย เศรษฐกิจถดถอย การได้เป็นที่หนึ่งของโลก ยังจะหวังได้อยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้?”
เสียงพูดของท่านอาวุโสรองไม่ใช่เบาๆ ดังสะท้อนเข้ามาในหูของทุกคนในหอประชุม
เมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้น ก็พากันครวญครางเสียงเบา พร้อมกับถกเถียงกัน
ท่านประมุขที่เดิมทีสูงส่ง น่าเกรงขามและมีความเที่ยงธรรม พอเจออย่างนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิดแล้ว
ในใจของทุกคนต่างคิดไปต่างๆนานา
คนที่เลือกอยู่ตรงกลางส่วนหนึ่ง มองหยูฉู่สองที่กำลังเดินจากไป พร้อมกับส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างปลงๆ
หลังจากออกมาจากสถานที่ประชุม ท่านอาวุโสรองและท่านอาวุโสแปดก็เดินตามโห้หลีเฉินเข้าไปในตึก
ท่านอาวุโสรองมองไปรอบๆ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีคนอยู่ ก็เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า
“นายน้อย คุณทำได้ยังไงกัน? น้องสามบิดเบือนความจริงในที่ประชุม แต่คุณกลับไม่พูดขัดอะไรสักอย่าง แล้วทำไมคนในตระกูลถึงสนับสนุนคุณเยอะขนาดนั้นล่ะ?”
โห้หลีเฉินเม้มปาก ฝีเท้าชะงักชั่วครู่ จากนั้นก็ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ
ท่านอาวุโสแปดรีบอธิบายว่า
“นั่นก็เพราะว่านายน้อยของเราเก่งยังไงล่ะ ก่อนเริ่มประชุม นายน้อยสำรวจข้อมูลของผู้เข้าร่วมประชุมมาหมดแล้ว โดยแบ่งเป็นคนสนิท ผู้ติดตาม คนที่ไม่ชอบท่านประมุข เพราะถูกปฏิบัติอย่างลำเอียง รวมไปถึงคนที่เป็นกลาง”
“จากนั้นเขาก็ให้คนของตัวเอง แอบส่งสารให้คนที่ไม่ชอบท่านประมุขและคนที่เป็นกลาง อธิบายที่มาที่ไปและผลที่จะตามมาของเรื่องนี้ รวมไปถึงผลประโชน์ที่ต้องเสียไป ให้คนพวกนั้นตัดสินใจเอาเอง”
“จริงๆแล้วหลายปีมานี้ ท่านประมุขเผด็จการกับคนอื่น ยกเว้นคนใกล้ชิดของตัวเอง คนเบื้องล่างจำนวนมากได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม คนที่ไม่ชอบเขาไม่ได้มีแค่หนึ่งพันสามร้อยคนหรอก แต่หลายๆคนยังต้องไตร่ตรองสารพัดเรื่อง และต้องคิดให้รอบคอบ รวมไปถึงเฝ้ามองท่าทีของทั้งสองฝ่าย เลยไม่ได้สนับสนุนนายน้อย ดังนั้นผลสุดท้ายจึงออกมาเท่ากันยังไงล่ะ”
ท่านอาวุโสแปดมองโห้หลีเฉินอย่างเคารพนับถือ แล้วพูดต่อว่า “การผลที่ออกมาเสมอกัน นายน้อยเองก็คำนวณได้ตั้งนานแล้ว ถึงขั้นคาดการณ์ได้ว่าท่านประมุขอาจจะแหกกฎ ดึงดันที่จะโจมตีตระกูลเย้นให้ได้ เมื่อเป็นแบบนี้ ท่านประมุขจึงเกณฑ์คนไปได้แค่ครึ่งหนึ่ง สำหรับตระกูลเย้น จึงเป็นการลดภาระลงเยอะ อีกอย่าง การที่ท่านประมุขแหกกฎเองแบบนี้ คนที่เป็นกลางในและเฝ้ามองสถานการณ์ในตอนแรกก็คงผิดหวังกับเขาไม่มากก็น้อย จากนั้นก็จะหันมาติดตามนายน้อยของเรา
ถึงจะจงรักภักดี แต่ก็คงฝังใจแล้วส่วนหนึ่ง
ดังนั้นหลังจากเรื่องในครั้งนี้ เราจะไม่ใช่แค่สามารถบีบให้ท่านประมุขล้มเลิกการใช้หน่วยพิทักษ์กฎตระกูลมาเล่นงาน แต่เรายังจะได้รับกำลังเสริมจากตระกูลหยูมากกว่าครึ่งอีกด้วย”
ได้ยินดังนั้น ท่านอาวุโสรองก็อ้าปากค้างอย่างช็อกๆ
ตอนนี้เขาเพิ่งได้เข้าใจย้อนหลัง ว่าแผนเล่นกับใจคนของโห้หลีเฉินมันเป็นแบบนี้นี่เอง
มันคือแผนซ้อนแผน ทำให้หยูฉู่สองเสียเปรียบ ซ้ำยังเสียกำลังจากตระกูลหยูไปมากกว่าครึ่งแบบนามธรรม
“นายน้อย ผมขอคารวะคุณด้วยความนับถือตลอดไปเหมือนสายน้ำไม่มีวันหยุดไหล สำหรับผมคุณสูงส่งยิ่งกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์…….”
ขมับของโห้หลีเฉินเต้นตุบๆ ยิ่งหันไปมองท่านอาวุโสรองที่หนวดเคราเต็มหน้าแต่กลับพูดจาฉอเลาะประจบประแจง ก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา
เขาเอ่ยพูดว่า “หลังจากนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ท่านอาวุโสแปดจะบอกคุณทีละเรื่องเอง ผมกลับก่อน พวกคุณไม่ต้องตามมาหรอก”
พูดจบ โห้หลีเฉินก็เดินตัวปลิวออกไปอย่างรวดเร็ว
ท่านอาวุโสรองมองตามแผ่นหลังของโห้หลีเฉินอย่างอาวรณ์ “นี่ นายน้อย ผมยังสาธยายความเคารพนับถือที่มีต่อคุณไม่จบเลยนะ”
โห้หลีเฉินก้าวเดินเร็วๆยิ่งกว่าเดิม
ท่านอาวุโสแปดป้องปากแอบขำอยู่ข้างๆอย่างอดไม่ได้
ท่านอาวุโสรองหันมาถลึงตาใส่เขา แล้วเอ่ยต่อว่า
“ท่านรู้ทุกเรื่องแล้วทำไมไม่บอกกัน? ปล่อยให้ฉันร้อนใจปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มออกมาเสียอย่างนั้น”
ท่านอาวุโสแปดรีบโบกมือ อธิบายว่า
“ฉันเองก็เพิ่งรู้ก่อนเข้าประชุมนั่นแหละ เรื่องนี้นายน้อยวางแผนไว้เนียนมาก เพื่อไม่ให้หยูฉู่สองเตรียมตัวล่วงหน้า เขาจึงให้คนของตัวเองจัดการ
ที่บอกฉันแต่เนิ่นๆ ก็เพื่อให้ฉันคอยดูทีท่าของท่าน เผื่อท่านหุนหันฆ่าคนในที่ประชุมเข้า”
ท่านอาวุโสรองรู้สึกผิดเล็กน้อย ตอนที่ประชุมเขาเกือบจะฆ่าท่านอาวุโสสามให้ตายคาที่จริงๆนั่นแหละ
ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ คงทำเสียแผนของนายน้อยหมด
เขายอมรับและไม่ต่อว่าท่านอาวุโสแปดอีกต่อไป แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
“คนตระกูลหยูเก่งกันคนละแบบ อีกอย่างรายชื่อของคนที่มาในครั้งนี้ก็ไม่ได้มาจากการบอกกล่าวล่วงหน้า ถ้าหากสุ่มเอามั่วๆ อย่างน้อยก็ต้องติดต่อราวหมื่นกว่าคน
นายน้อยรู้จักคนพวกนี้และให้คนไปส่งสารล้างสมองภายในเวลาสั้นๆขนาดนั้นได้ยังไง?
เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น เขารู้อยู่แล้วว่าแค่ส่งสารไปล้างสมอง ก็ไม่สามารถทำให้คนพวกนั้นเชื่อหรอก มันต้องมีวิธีอื่นด้วยแน่ๆ
ท่านอาวุโสแปดส่ายหน้า สายตามองไปยังทิศทางที่โห้หลีเฉินเดินจากไป ด้วยความยำเกรงที่ฝังลึกในจิตวิญญาณ
“นายน้อยของเรา ไม่ได้พึ่งพาตระกูลหยูแค่อย่างเดียว ฉันสงสัยว่าเขามีอิทธิพลเป็นของตัวเอง และแข็งแกร่งเกินขอบเขตที่เราจินตนาการเอาไว้เสียอีก…….”
ท่านอาวุโสรองถูมืออย่างสนอกสนใจ “ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่า นายน้อยของพวกเรายังมีความลับที่เรายังไม่รู้อีกมากมายแค่ไหน”
“อย่าอยากรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เลย เรารู้แค่เรื่องที่นายน้อยอนุญาตให้เรารู้ก็พอแล้ว” ท่านอาวุโสแปดเอ่ยพูดอย่างเคร่งขรึม
ท่านอาวุโสรองพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ “ได้ๆๆ ฉันไม่อยากรู้แล้วก็ได้”
“ใช่สิ ตอนประชุมเมื่อสักครู่ ที่นายน้อยเจาะจงถามไอ้เจ็ดโดยเฉพาะ ให้เขาลงคะแนนโหวตสุดท้าย ฉันว่านายน้อยไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกจนถึงขั้นดึงไอ้เจ็ดเข้ามาหรอก แต่เป็นเพราะเขาติดต่อไอ้เจ็ดแบบลับๆให้มาเป็นฝ่ายเดียวกับเราตั้งนานแล้วใช่ไหม?”
ท่านอาวุโสแปดส่ายหน้า “ฉันว่าไม่น่าใช่ ไอ้เจ็ดไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่แสดงออก ไม่รู้ว่านายน้อยวางแผนไว้ยังไงกันแน่”
“ไอ้เจ็ดไม่ธรรมดา?”
ราวกับท่านอาวุโสรองได้ฟังเรื่องราวที่ไม่เคยฟังมาก่อน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ไอ้เจ็ดก็แค่คนไม่เอาไหนที่ไม่สนความเป็นไปของตระกูลไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เขาไม่ได้มีอำนาจในมือสักหน่อย มีตรงไหนที่ไม่ธรรมดา?”
ท่านอาวุโสแปดขมวดคิ้ว สายตามองไปยังทิศทางที่โห้หลีเฉินเดินจากไปอย่างลุ่มลึก
“”ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน เอาไว้เราค่อยไปถามนายน้อยแล้วกัน นายน้อยน่าจะรู้”
ท่านอาวุโสรองพยักหน้าเห็นด้วย “อืม นายน้อยต้องรู้แน่ๆ”
ไม่ทันได้รู้ตัว โห้หลีเฉินก็กลายเป็นเทพเจ้าที่ทำได้ทุกอย่างในสายตาของพวกเขาไปแล้ว