เขาสั่งว่า “เว่ยชี รีบหาคุณหมอประจำตัวที่มั่นใจว่าปลอดภัยมาคนหนึ่ง อืม เอาแผนกสูตินารีเวช ผู้หญิง”
“ได้ครับ คุณผู้ชาย”
เว่ยชีที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์นั้นวางโทรศัพท์ด้วยสีหน้างุนงง
ทำไมจู่ๆถึงต้องการหาคุณหมอจากแผนกสูตินารีเวชกัน? ทั้งยังต้องการผู้หญิงด้วย?
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“พี่ใหญ่การสืบเรื่องของตระกูลเย้นทางนั้นมีเบาะแสแล้ว”
บอดี้การ์ดชุดดำเดินเข้ามาด้วยความเร่งรีบ ในมือถือโน๊ตบุ๊คเอาไว้เครื่องหนึ่ง ในนั้นกำลังเชื่อมต่ออยู่
เว่ยชีปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ไปสืบสถานการณ์ของเย้นเจิ้นจื๋อในตอนนี้ ใช้วิธีการไปไม่น้อย ในที่สุดตอนนี้ก็มีเบาะแสแล้ว
เขาจึงรีบสั่งการกับลูกน้องอีกคนหนึ่งว่า
“รีบจัดการหาคุณหมอประจำตัวที่มั่นใจว่าปลอดภัย แล้วส่งไปให้นายน้อย จำเป็นต้องเป็นคนของพวกเรา”
“เดี๋ยวก่อน จำเอาไว้ว่าต้องเป็นหมอผู้หญิงที่มีอำนาจในแผนกสูตินารีเวช”
สั่งการเสร็จแล้ว เว่ยชีก็เดินไปที่หน้าโน๊ตบุ๊ค เชื่อมต่อวิดีโอกับคนอื่นต่อ
…….
“คุณพ่อ…..”
“คุณพ่อ คุณอย่า อย่าทำร้ายคุณพ่อฉัน”
“คุณพ่อ! คุณพ่อ!”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เย้นหว่านลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว บนหน้าผากล้วนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
สายตาเธอพร่ามัว หางตายังคงมีหยดน้ำตา
ทั้งหวาดกลัว ทั้งเสียใจ
“เย้นหว่าน ฝันร้ายเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร ไม่เป็นไรแล้วนะ”
มือใหญ่ของโห้หลีเฉินกดไหล่ของเย้นหว่านเอาไว้ อีกมือหนึ่งก็ตบแผ่นหลังเธอเบาๆ เพื่อให้เธอหายใจได้สะดวก
เย้นหว่านถึงได้เห็นโห้หลีเฉิน สีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่หยุด เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“โห้หลีเฉิน คุณพ่อฉัน…..เขา…..”
เย้นหว่านแสบจมูก น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่รินไหลลงมาจากหน่วยตา “ไม่ใช่ฝันร้าย คุณพ่อของฉันเขา เขา…..ใช่หรือไม่”
ยิ่งพูด เสียงของเย้นหว่านก็ยิ่งสะอึกสะอื้น ทรมานจนหายใจไม่คล่อง
แม้ว่าช่วงเวลาที่เธอกลับมายังตระกูลเย้นจะไม่นาน แต่เป็นเพราะสายเลือดของครอบครัว จึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อคุณพ่อคุณแม่ กับเย้นเจิ้นจื๋อทั้งเคารพรัก
ไม่ง่ายเลยที่เธอจะหาคุณพ่อคุณแม่ที่ให้กำเนิดตัวเองพบ ได้ปรนนิบัติไม่นาน กตัญญูต่อพวกเขาได้ไม่นาน ก็ต้องสูญเสียไปแล้วหรือ
การโจมตีเช่นนี้เหมือนกับโลกทั้งใบถูกทำลาย
เพียงแค่เย้นหว่านคิดถึงความรักและความเมตตาของเย้นเจิ้นจื๋อ ภายในอกก็ทรมานเศร้าเสียใจ เจ็บปวดราวกับว่าถูกก้อนหินขยี้ลงที่หัวใจอย่างไรอย่างนั้น
“เย้นหว่าน คุณฟังผมพูด คุณพ่อของคุณไม่เป็นอะไร เขาถูกป่ายฉีช่วยชีวิตเอาไว้ ตอนนี้พ้นจากขีดอันตรายแล้ว”
โห้หลีเฉินเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น เอ่ยทีละคำทีละประโยค
คำพูดนั้นราวกับถูกบังคับให้แทรกเข้าไปในหูของเย้นหว่าน บีบบังคับให้เธอฟัง
เย้นหว่านนิ่งอึ้ง นัยน์ตาที่พร่าเลือนไปด้วยน้ำตาปรากฏแสงระยิบระยับขึ้นมาทันที เธอคว้าโห้หลีเฉินเอาไว้ด้วยความร้อนรน ถามเสียงสั่นว่า
“จริงหรือคะ คุณพูดความจริงหรือคะ”
“ผมเคยโกหกคุณเมื่อไรกัน”
โห้หลีเฉินถามกลับ ถือโอกาสยืนยัน
หัวใจที่เกือบจะฉีกขาดของเย้นหว่านดวงนั้น ก็ผ่อนคลายลงกะทันหัน เธออดไม่ได้ที่จะปิดปากร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมาน
การร้องไห้ครั้งนี้กลับเป็นการร้องไห้เพราะความยินดี ร้องไห้ที่ได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา
ดีมากเลย เย้นเจิ้นจื๋อไม่เป็นอะไร และยังมีชีวิตอยู่ดี
ขอเพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอ มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว
โห้หลีเฉินโอบกอดเธอเอาไว้ ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังเพื่อให้เธอหายใจสะดวกแผ่วเบา ทีละครั้งทีละครั้ง อ่อนโยนเต็มไปด้วยความอดทนมากเป็นพิเศษ
เขาเอ่ยเสียงเบา “โอเคแล้ว ไม่ร้องแล้ว ตอนนี้คุณไม่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้แล้ว”
“ฉัน ฮือๆ ฉันดีใจ”
เย้นหว่านเอ่ยเจือเสียงสะอื้น ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั้นแย้มรอยยิ้ม
ไม่ง่ายเลยที่จะได้ปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เย้นหว่านก็รีบถามต่อว่า
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้สถานการณ์ของคุณพ่อฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่”
โห้หลีเฉินตอบคำถามด้วยความอดทน “คุณพ่อของคุณหลบได้เร็ว กระสุนปืนจึงถูกบริเวณริมขอบหัวใจ โชคดีที่ป่ายฉีไปถึงได้ทันจึงช่วยชีวิตคุณพ่อคุณเอาไว้ได้
ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ที่ตระกูลเย้น คุณเชื่อในฝีมือการรักษาของป่ายฉีเถอะ เขาจะต้องบำรุงรักษาสุขภาพของคุณพ่อคุณให้ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว”
มีป่ายฉีอยู่ ขอเพียงแค่ยังมีลมหายใจ เขาล้วนสามารถรักษาให้หายได้
มีเขาอยู่ข้างกายเย้นเจิ้นจื๋อ อาการบาดเจ็บของเย้นเจิ้นจื๋อนั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพียงแต่ช่วงเวลาพักฟื้นจำเป็นต้องนอน ได้รับความลำบากเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วก็สามารถมีชีวิตต่อไปได้ดี
เย้นหว่านพยักหน้าอย่างแรง และก็นึกถึงอะไรขึ้นมาได้ จึงถามด้วยความยินดีอยู่บ้างว่า
“พูดแบบนี้ ก็หมายความว่าป่ายฉีกับพวกพี่ชายล้วนกลับไปถึงตระกูลเย้นได้อย่างปลอดภัยแล้ว?”
“ใช่แล้ว”
เอ่ยแล้ว โห้หลีเฉินก็เอ่ยเสริมอีกประโยคว่า “พวกเขาล้วนปลอดภัยดี ไม่ได้รับบาดเจ็บ”
ในที่สุดเย้นหว่านก็สามารถวางหินก้อนใหญ่ในใจลงได้เสียที
หลังจากที่ดีใจแล้ว เชือกที่ขึงแน่นในร่างกายของเธอเส้นนั้นก็ขาดผึง จึงตัวอ่อนยวบหงายหลังอย่างไร้เรี่ยวแรง
โห้หลีเฉินรีบดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอดตัวเอง คิ้วได้รูปขมวดแน่นในทันที
เขาถามด้วยความเคร่งเครียดและกระสับกระส่าย
“เป็นอะไรไป มีตรงไหนที่ไม่สบายหรือ”
ร่างกายของเย้นหว่านไร้เรี่ยวแรง จึงถือโอกาสพิงอยู่ในอ้อมแขนโห้หลีเฉินอย่างเนือยๆ
เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ตรงไหนก็ล้วนสบายดีหมด”
“โห้หลีเฉิน ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อยแล้วใช่ไหมคะ สามารถจัดการสักหน่อยได้ไหมคะ ฉันอยากกลับไปพบคุณพ่อ”
แม้ว่าจะสามารถหนีจากความตายมาได้ แต่หลอดเลือดหัวใจถูกกระสุนทำให้บาดเจ็บ ก็คือบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
เธออยากจะกลับไปหาคุณพ่อ เฝ้าดูแลอยู่ข้างกายคุณพ่อ
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก แววตาหนักอึ้งเล็กน้อย “ตอนนี้เกรงว่าจะไม่ได้”
เย้นหว่านก็รู้เช่นกัน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฝ่ายควบคุมอำนาจเอาไว้ได้บ้างแล้ว แต่อำนาจของหยูฉู่สองนั้นแข็งแกร่ง และจ้องพร้อมตะครุบดั่งพญาเสืออยู่ตลอดเวลา
ถ้าหากว่าเธอไปจากตึกนี้ ระหว่างทางจะต้องไม่ปลอดภัยแน่นอน ง่ายต่อการถูกลอบโจมตีหรือเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
ถึงตอนนั้น ถ้าเธอพบกับอันตรายจะต้องทำให้โห้หลีเฉินเดือดร้อนแน่นอน
ในใจก็รู้สึกผิดหวังหนักอึ้งอยู่บ้าง แต่เย้นหว่านก็ยังคงพยักหน้าอย่างเอาใจใส่
“ได้ค่ะ ฉันไม่กลับไปแล้ว”
โห้หลีเฉินมองความคิดของเย้นหว่านออก เป็นห่วงสถานการณ์โดยรวม คิดเพื่อเขา
จึงรู้สึกรักและเอ็นดูเธอมากขึ้น
เขาดึงให้เธอหันมาสบตากับตัวเอง สีหน้าจริงจังเป็นพิเศษ ทั้งยังตื่นเต้นหลายส่วน
“เย้นหว่าน ผมมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกคุณ”
เห็นท่าทางจริงจังดูเป็นทางการของโห้หลีเฉินแล้ว เย้นหว่านก็กะพริบตาด้วยความสงสัย
มีเรื่องอะไรกันถึงต้องทำทางดูเป็นทางการขนาดนี้
โห้หลีเฉินร่างกายเกร็งเขม็งโดยไม่รู้ตัว มือทั้งสองข้างจับไหล่เย้นหว่านแน่น
เขาสูดลมหายใจลึกแล้วถึงได้เอ่ยทีละคำว่า
“คุณ ตั้งครรภ์แล้ว
“อะไรนะคะ”
เย้นหว่านเบิกตากว้างตื่นตะลึง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะต่อความหมายของคำพูดของโห้หลีเฉิน
ตั้งครรภ์แล้ว?
ข่าวนี้มากะทันหันเกินไป จู่ๆก็ทำให้เธอไม่กล้าจะเชื่อเท่าไร
เธอก้มมองหน้าท้องแบนราบของตัวเองด้วยอาการตื่นตะลึง เอ่ยเสียงทื่อๆว่า
“โห้หลีเฉิน คุณไม่ได้โกหกฉันหรอกนะคะ?”
จะกล้าเชื่อได้อย่างไรว่าหลับไปตื่นหนึ่งแล้วในท้องของตัวเองมีเด็กน้อยอยู่?
เธอยิ่งรู้สึกว่าโห้หลีเฉินอยากให้เธอเป็นกังวลและเสียน้ำตาให้กับเย้นเจิ้นจื๋อน้อยลง ดังนั้นถึงได้พาลหาเรื่องมาโกหกเธอ
โห้หลีเฉินยิ้มให้ด้วยความรัก ฝ่ามือใหญ่วางลงบนท้องเย้นหว่านแผ่วเบา
น้ำเสียงอ่อนโยน เต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม
“หนึ่งเดือนกว่าแล้ว หากนับวันก็น่าจะมีในวันที่พวกเราอยู่ในคลังสมบัติ”