เธอเห็นมันชัดเจนตลอดทางกลับมา นอกจากโทรให้ป่ายฉีขับรถมารับ เย้นโม่หลินก็ไม่ได้แตะต้องโทรศัพท์เลย
แต่เขากลับรู้ว่ากงจืออวีระงับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
หรือว่า……
ก่อนที่เย้นโม่หลินจะโกรธ เศร้า และเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจเธอเลย
พลันจมูกของกู้จื่อเฟยก็แสบร้อน ดวงตาเธอแดงก่ำ มองไปทางเย้นโม่หลินอย่างซาบซึ้ง
“พี่เย้น นี่หรือคือรักแท้ในเรื่องเล่า?”
ใบหน้าของเย้นโม่หลินมีเครื่องหมายคำถาม
กู้จื่อเฟยพูดอย่างทอดถอนใจ “เขาว่ากันว่า คู่รักที่รักกันปานจะกลืนกิน ไม่ว่าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหน อย่างไรก็ต้องกลับมาคืนดีกัน ตอนที่คุณโกรธและจากไป คุณยังห่วงใยฉัน ฉันซาบซึ้งมาก ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก”
เย้นโม่หลินมองไปที่กู้จื่อเฟยอย่างเลื่อนลอย แม้ว่าตำนานที่เธอเล่าอันนี้มันจะไม่คุ้นเคย แต่เขากลับ รู้สึกดี
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แค่เห็นเธอยิ้มได้ก็ดีแล้ว
ป่ายฉี “……” ก้มหน้าทายา ไม่เห็นก็ไม่หงุดหงิด ไม่ได้ยิน เขาไม่ได้ยิน
หลังจากซาบซึ้งเสร็จแล้ว กู้จื่อเฟยก็กลับเข้าประเด็น
เธอมองไปยังเย้นโม่หลินก่อนพูด
“เหล่าคนที่เจียงเป้ยนีพามาในวันนี้ บ้างก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเย้น แม้ว่าคุณป้าจะไม่อนุญาตให้พวกเขาเอาไปพูดกัน แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอม หากเวลาผ่านนานไป เรื่องนี้อาจจะสามารถรั่วไหลได้”
“อืม”
เย้นโม่หลินพยักหน้า “ผมจะไปจัดการมันให้สะอาด”
เขาพูดอย่างสงบ แต่กู้จื่อเฟยกลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น
เธอรู้สึกสงสัย สิ่งที่เขาพูดว่าจะจัดการ กลัวว่ามันจะเป็นการนองเลือด
กู้จื่อเฟยไม่ใช่คนใจอ่อน แต่กลับรู้สึกว่า วิธีจัดการอย่างนี้ เรียบง่าย ป่าเถื่อนแต่กลับไม่คู่ควร เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ
เธอครุ่นคิด ก่อนจะพูดว่า
“เรื่องนี้ฉันจะจัดการเองค่ะ ได้ไหม?”
เย้นโม่หลินมองมายังเธอด้วยความสงสัย
กู้จื่อเฟยกำหมัด เธอกัดฟันใบหน้ามีแต่ความเกลียดชัง
“เจียงเป้ยนีเล่นงานฉันเสียขนาดนี้ หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง ให้เธอได้รับผลกรรมของตัวเอง!”
เธอเคยพูดในขณะนั้น เธอต้องการให้เจียงเป้ยนีชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป ให้น่าเวทนามากกว่าร้อยเท่า
นี่ไม่ใช่แค่ขู่
เย้นโม่หลินมองไปยังกู้จื่อเฟยอย่างพินิจพิเคราะห์ ดูท่าทางแน่วแน่ที่อยากจะลองดูของเธอ ก่อนจะพยักหน้า
“โอเค”
ถ้าเธออยากทำ ก็ให้เธอทำ
ส่วนผลจะเป็นอย่างไร เป็นเขาเองที่จะมารับผิดชอบ ถ้าทำไม่ได้ ยังมีเขาอยู่
……
ตึกเล็กของเย้นซิวหย่า
เสียงตบหน้าดัง ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้นมาอย่างชัดเจน
ใบหน้าของเย้นซิวหย่าเต็มไปด้วยความน่ากลัว เธอถามอย่างดุร้ายว่า
“นางเศษสวะ เธอสาบานอย่างมั่นใจแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่มีปัญหา? ทำไมมันถึงกลายเป็นอย่างนี้!”
เจียงเป้ยนีกุมแก้มของเธอ ก่อนจะอธิบายด้วยเสียงสะอื้น
“เดิมทีก็ทำตามแผน แต่ฉันไม่คิดว่ากงจืออวีจะปรากฏตัวออกมา ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ปกป้องกู้จื่อเฟย”
ถ้าไม่ใช่เพราะกงจืออวีที่มาขัดขวาง ตอนนี้เรื่องที่กู้จื่อเฟยนอกใจเย้นโม่หลิน ชาวบ้านคงได้รู้กันไปหมดแล้ว
ชื่อเสียงของกู้จื่อเฟยก็คงเหม็นโฉ่ ไม่ว่าภายหลังจะมีเหตุการณ์อะไร มันคงยากที่จะชะล้างให้สะอาด และคงไม่สามารถจะมาเป็นคุณนายตระกูลเย้นได้
แต่ตอนนี้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว รอให้กงจืออวีค้นพบความจริง กู้จื่อเฟยก็จะกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้ง
เจียงเป้ยนีกัดฟัน ก่อนจะพูด “แต่เรายังไม่ล้มเหลวทั้งหมด พี่เย้นเข้าใจผิดกู้จื่อเฟยแล้ว เขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผู้ชายคนไหนจะทนได้ถ้าหากตัวเองโดนสวมเขา ขอเพียงแค่เขาขยะแขยงกู้จื่อเฟย กู้จื่อเฟยก็ไม่มีที่ว่างให้ยืนแล้ว พวกเราฉวยโอกาสตอนที่กงจืออวียังหาความจริงไม่พบ เหยียบย่ำกู้จื่อเฟยให้ตาย และขับไล่เธอออกไป เรื่องนี้ก็จบอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว!”
สีหน้าของเย้นซิวหย่าไม่เปลี่ยน พูดไปด่าไปว่า
“ที่พูดก็ฟังดูดี เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว เธอยังจะทำยังไง?”
กงจืออวีสั่งปิดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเธอต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ตอนนี้ไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวอย่างไร ก็สามารถถูกกงจืออวีรับรู้ได้
ด้วยกระแสลมและคลื่นที่โหมกระหน่ำเช่นนี้ ถ้าหากจะลงมือกับกู้จื่อเฟย ก็ถือเป็นความเสี่ยงและการทำลายตนเองอย่างไม่ต้องสงสัย
เจียงเป้ยนีรู้ความหมายของเย้นซิวหย่า ก่อนจะรีบพูดต่อ
“ตอนนี้พวกเราไม่เหมาะที่จะลงมือด้วยตัวเองค่ะ แต่มีอีกคนหนึ่ง ออกหน้าตอนนี้จะเหมาะสมกว่าคนอื่น และสามารถดึงกู้จื่อเฟยลงเหวได้”
เย้นซิวหย่าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ใคร?”
“ชิวเจ๋อ”
ดวงตาของเจียงเป้ยนีเต็มไปด้วยแผนการ “นักแสดงนำของเรื่องนี้คือชิวเจ๋อ ถ้าเขาออกหน้าล่ะก็ พี่ชายต้องโกรธแน่ และทำให้คนอื่นรู้เรื่องนี้โดยไม่ขัดต่อคำสั่งของกงจืออวี เรื่องนี้จะเป็นที่โจษจัน ดังนั้นพี่เย้นจะทนไม่ไหว และขับไล่กู้จื่อเฟยออกไป”
หรือบางที ถ้ารุนแรงกว่านี้ โกรธจนอาจจะฆ่ากู้จื่อเฟย
เจียงเป้ยนีตั้งหน้าตั้งรอผลลัพธ์อย่างนี้ยิ่งกว่า
เย้นซิวหย่าเห็นด้วยกับแผนการนี้ “แต่ชิวเจ๋อถูกตีจนเกือบตายแล้วนะ สภาพใกล้ตายแบบนั้น ยังลุกขึ้นได้หรือ?”
“ใกล้ตาย แต่ยังไม่ตายนี่คะ?”
ใบหน้าของเจียงเป้ยนีเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “ฉันจะไปหาเขา และจะให้เขาทำ”
“ดี คราวนี้เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ล้มเหลวอีก ถ้าล้มเหลว เจียงเป้ยนี ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปแน่ รู้ใช่ไหม?”
เย้นซิวหย่าเตือนอย่างเย็นชา
เรื่องครั้งนี้ มันทำให้กงจืออวีต้องสอบสวนอย่างละเอียด พูดได้ว่าเธอถูกโยนลงบนใบมีดที่อันตรายเช่นกัน
ถ้ากงจืออวีรู้ว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ล่ะก็ แม้ว่าเธอจะเป็นคุณหญิงสามของตระกูลเย้น เธอ ก็คงไม่ดีแน่
วางแผนลอบฆ่าคุณนายของนายน้อยตระกูลเย้นในอนาคต ถือเป็นอาชญากรรมครั้งใหญ่
ชิวเจ๋อได้รับการดูแลจากแพทย์ของตระกูลเย้น เจียงเป้ยนีให้หมอทุกคนออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นยา
เธอเดินไปที่เตียง และมองชิวเจ๋ออย่างว่างเปล่า
ชิวเจ๋อได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูง ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเจียงเป้ยนี เขาก็พูดอย่างกังวล
“คุณเจียง เรื่องที่คุณให้ผมทำก็จบไปแล้ว ตอนนี้คุณน่าจะนำของที่ตกลงกันเอาไว้มาให้ผมแล้วใช่ไหม? ผมไม่อยากรักษาแผลที่นี่ ได้โปรดรีบส่งผมออกไป”
ที่นี่ยังเป็นตระกูลเย้น
ชิวเจ๋อถูกซ้อมจนเกือบจะตาย ก่อนที่จะตระหนักได้ว่าเรื่องที่เขารับปากจะทำ มันอันตรายและน่ากลัวเพียงใด กลัวยิ่งกว่าคือเย้นโม่หลินจะกลับมากระทืบเขา
เขาต้องอยู่ห่างจากที่นี่เพื่อความปลอดภัย
สีหน้าของเจียงเป้ยนีไม่แยแส และน้ำเสียงของเธอก็ไม่ต้องสงสัยเลย “ตอนนี้นายยังออกไปไม่ได้”
ใบหน้าของชิวเจ๋อเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาลุกขึ้นจากเตียงด้วยความร้อนรน
“ทำไมละ? แต่คุณรับปากผมแล้ว ว่าถ้าผมทำเรื่องนี้เสร็จ คุณจะให้ปราสาทและเงินทองกับผม ให้ผมหนีไปให้ไกลนี่”
เขาไม่ได้โง่
รู้ว่าตัวเองเป็นคนทำผิดที่เสี่ยง กลัวว่าถ้าหากไม่เป็นคนสำคัญ เขาไม่น่าจะอยู่รอดในวงการบันเทิงได้ต่อไปในอนาคต ดังนั้นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคือการได้รับค่าตอบแทนที่เพียงพอสำหรับบินหนีไปให้ไกล
หลังจากเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามไม่ให้คนอื่นรู้ ทิศทางลมก็จะเปลี่ยน
และสิ่งที่เขาได้รับ แม้ว่าเขาจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ เขาจะไม่มีวันหามันมาได้ในชีวิตนี้
เจียงเป้ยนีพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า
“ยังมีอีกเรื่องที่นายต้องไปทำ”