กู้จื่อเฟยกุมขมับของเธอแล้วพูดว่า “ป่ายฉี นายไม่รู้ว่าเรื่องราวมันรุนแรงแค่ไหน ฉันถูกเจียงเป้ยนีใส่ร้าย เพื่อให้พี่เย้นเห็นฉันและชิวเจ๋อนอนด้วยกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วฉันกับชิวเจ๋อไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เป็นชิวเจ๋อที่สะเดาะกุญแจด้วยลวด พังประตูเข้ามาทำหยาบคายใส่ฉัน ฉันบริสุทธิ์นะ ฉันอยากอธิบายกับพี่เย้น อธิบายให้เข้าใจ ก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ป่ายฉีมองกู้จื่อเฟยอย่างตกใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้เย้นโม่หลินน่าดำคร่ำเครียด จะเป็นเรื่องนี้เสียได้
เขาลูบคาง ก่อนจะได้ข้อวินิจฉัย
“ที่แท้แล้วพี่ใหญ่ก็มีตอนที่หึงอย่างบ้าคลั่ง”
กู้จื่อเฟย “……”
เธอขมวดคิ้วอย่างกังวล แต่ป่ายฉียังคงดูใจเย็น
จริงที่ ผูกมิตรอย่างไม่ระวัง จุดสำคัญจะทำให้คนโกรธ
กู้จื่อเฟยอดทน “ดังนั้นให้ฉันรีบเข้าไปเถอะ ฉันเข้าไปก็โอเคแล้ว”
“ไม่ได้”
ป่ายฉียังคงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
กู้จื่อเฟยระเบิดออกมา “ทำไมละ? นายรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว นายช่วยฉันไม่ได้เหรอ?”
“ทำไมผมต้องช่วยคุณ?”
ป่ายฉีมองกู้จื่อเฟยอย่างรังเกียจ “คุณโชว์ความรักให้ผมเห็นเยอะขนาดนั้น ผมจะให้พี่ใหญ่ลองหึงบ้างจะเป็นไรไป? ยุติธรรมดี”
มีความสุขมาก
เปลี่ยนอาหารสุนัขเป็นน้ำส้มสายชูแทน และรสชาติคงเปรี้ยวซู่ซ่า
แถมคนอย่างเย้นโม่หลิน ที่เขาหึงเป็นเรื่องที่หาได้ยากในร้อยปี บางครั้งลองหึงดู อาจจะช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และเข้าใจว่าความรักยังมีอยู่ในโลก
มิฉะนั้นทุกอย่างจะราบรื่นเกินไป เขาไม่รู้ว่าเมียตัวเองมาด้วยตัวเอง
กู้จื่อเฟยจะไปทันคนมากแผนการอย่างป่ายฉีได้ที่ไหน ทำได้เพียงขมวดคิ้ว เธอแทบจะบ้าไปแล้ว
ป่ายฉีนี่ไม่ชอบเธอเป็นไปตามคาด เขาไม่ถูกกับเธอ
ดูท่า จะใช้ไม่อ่อนไม่ได้แล้ว
กู้จื่อเฟยหันหลังอย่างเร็ว และเดินไปทางโต๊ะ ก่อนจะหยิบมีดปอกผลไม้ออกมา แล้วจ่อไปที่คอของตัวเอง
เธอพูดเสียงดังว่า “ป่ายฉี ตอนนี้นายต้องให้ฉันผ่านไป ไม่อย่างนั้นฉันจะตายตรงหน้านาย”
ป่ายฉีตะลึงไปนิด มองไปยังท่าทางที่พร้อมตายไปด้วยกันของกู้จื่อเฟยอย่างประหลาดใจ
ท่าทางนั่น มันช่างดูองอาจห้าวหาญ
ป่ายฉีกล่าวเสียงเบา “คุณตายแล้ว ผมจะบอกกับพี่ใหญ่ให้ ว่าคุณฆ่าตัวตายเพราะกลัวบาปที่นี่”
กู้จื่อเฟย “……”
“ป่ายฉี! นายมีความแค้นกับฉันใช่ไหม!”
ป่ายฉียิ้ม “พวกไม้ป่าเดียวกันบนโลก ควรถูกเผาจนตาย”
กู้จื่อเฟยไม่มีแรงแม้แต่จะถือมีด
เธอเหนื่อยและทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง แม้แต่แรงที่จะด่าป่ายฉีเธอยังไม่มี
เมื่อป่ายฉีเห็นกู้จื่อเฟยหยุดนั่งแล้ว เขาจึงถอยหลังไปสองก้าว และนั่งลงตรงบันไดด้วยท่าทางสบายๆ
ท่าทางกึ่งนอน ไม่ต้องพูดว่ามันฟินแค่ไหน
เขามองไปที่กู้จื่อเฟยอย่างคิดใคร่ครวญ ไม่นานนัก เขาก็พูดเสียงเบาว่า
“คุณอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว?”
กู้จื่อเฟยก้มหน้าลงทั้งน้ำตา และไม่คิดที่จะสนใจเขา
ตอนนี้เธอเศร้ามาก เธอดูเหมือนคนที่อยากคุยเล่นมากไหม?
ป่ายฉียิ้มอย่างสบายๆ “อยู่ที่นี่มานานแล้ว ไม่รู้เหรอว่าตึกเล็กนี่มีทางเข้ากี่ทาง?”
มีทางเข้ากี่ทาง?
กู้จื่อเฟยนิ่งงัน ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้น
จริงสิ ป่ายฉีกำลังเฝ้าทางเข้าของบันไดห้องโถงใหญ่ แต่ด้านหลังตึกเล็กยังมีบันไดเล็กๆ อยู่!
เธอเข้าประตูหน้าไม่ได้ ก็ไปเข้าทางประตูหลังเสียสิ
และความหมายของป่ายฉี คือเขาไม่สนประตูหลัง
กู้จื่อเฟยกระโดดขึ้นมาจากพื้นอย่างดีใจ “ป่ายฉี ฉันเพิ่งรู้ แม้นายจะปากไม่ดี แต่นายก็เป็นคนดีคนหนึ่ง”
หลังจากพูดจบ เธอก็รีบวิ่งออกไปด้านนอก ไปยังบันไดเล็กประตูหลัง
มุมปากป่ายฉีกระตุก
เป็นคนดี?
นี่คือให้การ์ดคนดีแก่เขา อวยพรให้เขาหาแฟนไม่ได้ตลอดชีวิต?
ถึงแม้เขายังไม่พิจารณาเรื่องการมีคนรัก……
แต่อย่างไร กู้จื่อเฟยก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา อย่างไรก็ไม่ลงรอยกัน
ไม่น่าไปบอกเธอเลย ฮึ่ม
กู้จื่อเฟยวิ่งไปยังด้านหลังของตึกเล็กด้วยความเร็วสูงสุด ก่อนจะปีนขึ้นบันไดขึ้นไป
เธอรีบพุ่งไปที่ห้องของเย้นโม่หลิน ก่อนจะมองไปรอบห้อง แต่ไม่มีใคร
เธอรีบไปที่ห้องหนังสือ
เดิมทีข้างในมีคนงานยุ่ง จัดการเรื่องราว อยู่ข้างในห้องทุกวัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะถูกไล่ออกไปชั่วคราว ทุกหนทุกแห่งมีความสับสนอลหม่านทำความสะอาดไม่ทัน แม้แต่เงาคนก็ไม่มี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชั้นบนทั้งชั้น ไม่มีเงาคนอยู่เลย
เธอคิดว่าหลังจากที่เย้นโม่หลินกลับมา เขาอารมณ์ไม่ดี เลยไล่ทุกคนออกไป
เขาโกรธได้รุนแรงมาก
เธอนวดขมับอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลงมือหาต่อไป
เมื่อเจอห้องเก็บไวน์ส่วนตัวของเขา ในที่สุดก็พบเจอสิ่งที่แตกต่างที่นี่ เมื่อเข้าไปข้างในก็ได้กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์
บนพื้นเต็มไปด้วยขวดไวน์ที่ถูกเปิดออก กระจัดกระจายไปด้วยขวดไวน์ บางขวดก็ว่าง บางขวดก็ยังมีไวน์อยู่
ที่นี่ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ราวกับถูกโจรมากวาดล้างไป
หัวใจของกู้จื่อเฟยบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เธอเหยียบย้ำบนพื้นที่มีแอลกอฮอล์ เดินเข้าไปด้านใน
ยิ่งเดินเข้าไปข้างในมากเท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งบีบรัดมากขึ้น กลิ่นของแอลกอฮอล์ในอากาศยิ่งรุนแรงมากขึ้นด้วย
เย้นโม่หลินกลับมา แล้ววิ่งมาดื่มเหล้า?
สูงศักดิ์เช่นเขา แต่กลับใช้แอลกอฮอล์คลายทุกข์ คงจะโกรธมากสินะ
กู้จื่อเฟยสะอื้นด้วยความเสียใจ ก่อนจะกัดฟันแล้วเดินเข้าไปข้างในต่อไป
ห้องเก็บไวน์มีขนาดใหญ่มาก และมีไวน์อยู่ทุกหนทุกแห่ง ยิ่งเข้าไปข้างในมากเท่าไหร่ยิ่งยุ่งเหยิง ระเกะระกะไปหมด
ขวดไวน์ที่แตกมีอยู่ทุกที่ แม้แต่ชั้นวางไวน์บางอันก็ถูกผลักลงไปกองที่พื้น และไวน์ล้ำค่าก็หยดเรี่ยราดอยู่ที่พื้นเช่นกัน
ความยุ่งเหยิงข้างในแทบไม่มีที่ให้เท้าวางเลย
มีหยดเลือดเปื้อนอยู่บนเศษแก้วบางชิ้นด้วย
หัวใจของกู้จื่อเฟยเต้นแรง และเธอไม่กล้าที่จะคิดว่า จริงๆแล้ว เย้นโม่หลินมาทำอะไรที่นี่
เขาโกรธจนแผดเผา.
ตอนนี้เขาอยู่ที่ด้านในสุดของห้องเก็บไวน์อีกครั้ง เขากำลังดื่มอย่างบ้าคลั่งหรือไม่?
กู้จื่อเฟยคิดพลางเดินให้เร็วขึ้น แม้จะเดินเท้าเปล่าและโดนเศษแก้วบาดไปหลายแผลแล้วก็ตาม
บาดแผลบนเท้าถูกแอลกอฮอล์ เจ็บจนเกือบจะรู้สึกชา
เธออดทน และในที่สุดเธอก็เดินมายังข้างในสุดของห้องเก็บไวน์
สิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือ ห้องเก็บไวน์ว่างเปล่า ยกเว้นขวดแก้วที่กระจัดกระจาย ไม่มีแม้แต่เงาของเย้นโม่หลินเลย
เขาไม่ได้อยู่ที่นี่
กู้จื่อเฟยรู้สึกหนาวไปทั่วทั้งร่างกาย ความตื่นตระหนกเกาะกุมจิตใจ
นี่เป็นสถานที่สุดท้ายตึกเล็กแล้ว ที่อื่นไม่มีเย้นโม่หลิน ที่นี่ก็ไม่มี
เขา ไม่ได้อยู่ในตึกเล็กหรือ?
แต่ป่ายฉีก็เฝ้าอยู่ที่นั่น เห็นเขาขึ้นมากับตา แถมห้องเก็บไวน์ที่เละเทะนี่อีก แน่นอนว่าเป็นฝีมือเขา
แล้วเขาละ ไปไหน?
ใจของเธอเต้นระรัว รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ก่อนจะใช้เท้าเปล่าฝ่าเศษแก้วที่กระจายเต็มพื้นลงไปข้างล่างด้วยความรวดเร็วทันที
เธอวิ่งไปตะโกนไปว่า
“ป่ายฉี พี่เย้นไม่อยู่แล้ว!”
เธอเดินโต๋เต๋ไปทางบันได “นายเห็นเขาออกไปไหม?”
ป่ายฉีเงยหน้ามองกู้จื่อเฟย ก่อนจะขมวดคิ้ว “ไม่นี่”