“ไม่ได้”
เสียงปฏิเสธดังขึ้นมาทันที
แต่ไม่ใช่เสียงของเย้นโม่หลิน กลับเป็นป่ายฉี
เขาเดินเข้ามาอย่างวางท่า มองไปที่กู้จื่อเฟยอย่างไม่ชอบใจ “ในบ้านมีหมอที่อัจฉริยะขนาดนี้อยู่ เธอยังจะไปหาหมอที่ไม่เหมาะสมข้างนอกทำไม? คิดจะแย่งป้ายฉันเหรอ?”
เมื่อเห็นป่ายฉี กู้จื่อเฟยก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
แม้ว่าป่ายฉีจะปากร้าย แต่ก็พูดมีเหตุผล แต่ไหนแต่ไรป่ายฉีก็ทำงานหนักให้การรักษาดูแลพวกเขามาตลอด แต่กู้จื่อเฟยกลับมองข้ามเขาไป
แม้แต่มองในมุมของหมอ เกรงว่าจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
แม้ว่าเธอจะลำบากใจ
กู้จื่อเฟยยากที่จะไม่ทะเลาะกับป่ายฉี ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“ฉันทำผิดไปแล้ว ไม่ควรไปหาหมอข้างนอก นายเป็นคนใจกว้าง ไม่ถือสาใช่ไหม? การรักษาหลังจากนี้ของฉัน ส่งต่อให้นายนะ?”
ฝีเท้าที่เย่อหยิ่งของป่ายฉีหยุดลงทันใด
มองไปที่กู้จื่อเฟยด้วยใบหน้าประหลาดใจ
เธอพูดคำแบบนี้ออกมา? เพราะมีประสงค์ร้ายแอบแฝง หรือมีเจตนาอื่น?
ลังเลอยู่หลายวินาที ป่ายฉีถึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ฉันจะไม่ใจอ่อนกับเธอทั้งนั้น ฉันจะตื่นตัวอยู่ตลอด เธออย่าคิดที่จะเล่นลูกไม้อะไร”
เขาเตือนเธอล่วงหน้า
กู้จื่อเฟยพยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือมาก “โอเค ฉันจะเป็นคนไข้ที่ประพฤติตัวดี”
ป่ายฉี “……” เขาขนลุกชันทั่วร่างมันเรื่องอะไรกัน?
เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย
โรคเบื่ออาหารของกู้จื่อเฟย ภายใต้การรักษาของเจิ้งเหลียง ดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ก็มาถึงการรักษาช่วงท้ายและภายหลัง
ขั้นตอนแบบนี้ป่ายฉีมักจะไม่สนใจ และรู้สึกน่าเบื่อหน่าย
แต่คนไข้คือกู้จื่อเฟย มีเย้นโม่หลินที่หยาบคายไร้เหตุผลเป็นBack up เขาจะทำอะไรได้?
การปรึกษาทางด้านจิตใจของกู้จื่อเฟยก็เกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเจอการรักษาของป่ายฉี ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องที่ประภาคารกับเขา กู้จื่อเฟยก็ไม่ต้องมีความลำบากใจมากนัก
เรื่องของสุขภาพ ส่งมอบให้ป่ายฉีก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
การรักษาของเธอ เป็นไปอย่างราบรื่นมาก
สองวันต่อมา เย้นโม่หลินมาบอกเธอ ว่าได้ค้นทั่วเมืองนี้แล้ว แต่ก็ยังหาเจียงเป้ยนีไม่พบ
คนที่ช่วยชีวิตเจียงเป้ยนีต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ พวกเขาอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ จะต้องละทิ้งที่ซ่อนตัวหลบหนีไปแล้วแน่ ดังนั้นอยู่ที่นี่เพื่อค้นหาต่อไป ก็ไม่มีความหมายอะไร
อีกอย่าง ตระกูลเย้นต้องการให้เขากลับไปแล้ว
เมื่อคิดว่าจะกลับไปตระกูลเย้น กู้จื่อเฟยก็รู้สึกไม่เต็มใจโดยไม่รู้ตัว เพราะใบหน้าของเธอ ยังไปเจอใครไม่ได้
แต่เธอกลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ดีเลย กลับกันเถอะ อยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว ฉันอยากออกไปจากสถานที่ปีศาจแบบนี้นานแล้ว”
เธอรับประกัน ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่คิดที่จะมาอีกเป็นครั้งที่สอง
ประภาคารนั้น ควรที่จะจบชีวิตไปซะ
เพียงแต่กลับไปตระกูลเย้นแล้ว ก่อนที่เธอจะรักษาบาดแผลบนใบหน้าหาย ให้เธอเจอคนน้อยหน่อย
ตอนอยู่ที่เวลส์ คนในโรงพยาบาลก็เดินไปเดินมา แต่เพราะล้วนเป็นคนนอก จากที่นั่นไปแล้วชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ต้องเจอคนเหล่านั้นอีก เธอจึงไม่ได้มีความกดดันทางจิตใจมากนัก
แต่ที่ตระกูลเย้น กลับแตกต่าง
ทุกคนที่นี่ ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องถึงชีวิตในอนาคตของเธอ เป็นกระทั่งครอบครัวในนาม
เธอไม่อาจทำให้เย้นโม่หลินขายหน้าได้
เมื่อไปถึงตระกูลเย้น กลับเป็นเหมือนความปรารถนาของกู้จื่อเฟย
พวกเขาลงจากเครื่องบินที่สนามหญ้าบ้านเย้น รอบด้านนอกจากคนรับใช้ที่มารับเครื่องบินแล้ว ก็ไม่มีญาติมิตรคนอื่นอยู่เลย
บางทีเพราะเย้นโม่หลินกลับมาเงียบๆ บางทีอาจเพราะคนเหล่านั้นยุ่งจนตัวเป็นเกลียว
ไม่ว่าเพราะอะไร การไม่ได้เจอคนจำนวนมาก สำหรับกู้จื่อเฟยนั่นก็ดีแล้ว
พวกเขาเดินตรงกลับไปที่อาคารหลัก
เมื่อเข้าห้องโถง ร่างที่บอบบางก็เข้ามาต้อนรับ ในตอนที่กู้จื่อเฟยยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็คว้าเธอเข้าไปกอด
อ้อมกอดนุ่มนวลที่มีกลิ่นหอม ทำให้กู้จื่อเฟยสะลึมสะลือทันที
“เฟยเฟย ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว ฉันเป็นห่วงแทบแย่”
น้ำเสียงที่สะอึกสะอื้นแต่โล่งใจ ดังมาจากกงจืออวีผู้สง่างามและอ่อนโยน
กู้จื่อเฟยประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่ากงจืออวีจะมากอดเธออย่างกะทันหัน
อุณหภูมิที่อบอุ่นนั้น เผยความห่วงใยจากใจจริง ราวกับเป็นแม่
กู้จื่อเฟยคัดจมูก พูดยิ้ม
“คุณป้า ฉันปลอดภัยดี ฉันกลับมาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะ ที่ทำให้เป็นห่วง”
“เด็กโง่ พูดอะไรน่ะ? ที่ต้องขอโทษคือพวกเราถึงจะถูก เป็นเพราะฉันประมาทไม่ได้ปกป้องเธอให้ดี”
ดวงตาของกงจืออวีเริ่มแดง
ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้งานยุ่ง ให้ความสำคัญกับกู้จื่อเฟยหน่อย ก็ไม่ทำให้หล่อนต้องตามป่ายฉีไปช่วยคน
การไปครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นความทรมานของเธอ
กงจืออวีใช้มือลูบหมวกแก๊ปของกู้จื่อเฟยเบาๆ “เฟยเฟย ฉันขอบคุณเธอมากเลยนะ ที่ช่วยเสี่ยวโม่ไว้”
ต่อมาเธอได้ฟังสถานการณ์ในตอนนั้นจากป่ายฉี ว่าอันตรายแค่ไหน ถ้าหากไม่ใช่เพราะกู้จื่อเฟย เย้นโม่หลินตอนนี้เกรงว่าจะ……
ลูกสะใภ้คนนี้ของเธอ กล้าหาญยิ่งกว่าที่เธอคิด
กู้จื่อเฟยรีบส่ายหน้า “คุณอย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ เป็นสิ่งที่ฉันควรทำทั้งนั้น ครั้งนี้ฉันกลับมาได้อย่างปลอดภัย ก็เพราะพี่เย้นช่วยฉันไว้”
“ยังจะพูดถึงเขาอีก ใช้เวลาสองเดือนกว่าที่จะพาเธอกลับมาได้ ฉันสงสัยหนักมากกับความสามารถในการทำเรื่องต่างๆ ของเขา”
กงจืออวีไม่พอใจอย่างมาก มองดูร่างกายที่ห่อหุ้มอย่างแน่นหนาของกู้จื่อเฟย ก็ยิ่งปวดใจมากขึ้น
เธอเอ่ย “นั่งเครื่องบินมานานขนาดนี้ เหนื่อยไหม? ฉันเตรียมน้ำผลไม้กับขนมไว้ให้เธอ มากินเสียหน่อย พักผ่อน”
“ค่ะ”
กู้จื่อเฟยถูกกงจืออวีพาไป เดินไปที่โซฟา
สำหรับคนสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ ตั้งแต่เริ่มเข้าประตูมา ก็ถูกกงจืออวีเมินเฉยโดยสมบูรณ์
ป่ายฉีถอนหายใจเห้อ “มีลูกสะใภ้แล้ว ก็ลืมแม้กระทั่งลูกชาย ฉันรู้สึกเหมือนเป็นหมาหัวเน่า นายล่ะ?”
เย้นโม่หลินสีหน้าไม่เปลี่ยน “ฉันไม่รู้สึก”
พูดจบ ก็เดินไปทางกู้จื่อเฟย นั่งลงข้างเธอ
มองดูขนมต่างๆ นานาที่วางอยู่บนโต๊ะ หาของที่เธอชอบส่งให้เธอ
ป่ายฉี “……” ที่จริงแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่เป็นหมาหัวเน่าจะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
ฮือฮือ
กู้จื่อเฟยรับขนมไป ถือไว้ในมือ แต่กลับลังเลเล็กน้อย
เมื่อเจอหน้าเย้นโม่หลินกับป่ายฉีเธอก็ช่างมันแล้ว แต่ใบหน้าแบบนี้ของเธอ ให้กงจืออวีเห็น……
เธอรู้สึกกดดันในใจไม่มากก็น้อย
กงจืออวีเป็นคนละเอียดอ่อน พูดด้วยเสียงอ่อนโยนเป็นอย่างมาก
“เฟยเฟย ฉันรู้ว่าเธอได้รับความอัปยศมาจากข้างนอก หน้าก็บาดเจ็บ ไม่เป็นไร คนงามงามที่ใจใช่ใบหน้า เธอจะเป็นยังไงก็ดูดี”
“พวกเราเป็นครอบครัวกัน ไม่มีใครไม่ชอบใจว่าภายนอกเธอเป็นยังไง น่าเกลียดหรือสวย เธอก็เป็นลูกสะใภ้เพียงคนเดียวที่ฉันยอมรับ”
แนวป้องกันที่เปราะบางในใจกู้จื่อเฟย พังทลายลงทันที
เธอคัดจมูก “คุณป้า ขอบคุณนะคะ”
ไม่รังเกียจเธอ ทำให้เธอสัมผัสถึงความอบอุ่นของการกลับบ้าน
กงจืออวีลูบหลังของกู้จื่อเฟยอย่างปวดใจ เงยหน้า พูดกับเย้นโม่หลินอย่างเคร่งขรึม
“เฟยเฟยได้รับบาดเจ็บ ต้องบำรุงอย่างดี ลูกต้องดูแลเธอให้ดี อย่าให้เธอต้องได้รับความอัปยศอีก”
“ผมรู้” เย้นโม่หลินพยักหน้า
แล้วกงจืออวีก็มองไปที่ป่ายฉี “แล้วก็นาย ตามไปด้วยนานขนาดนี้ ทำไมเธอถึงยังผอมมีแต่กระดูกแบบนี้? นายมีชีวิตอย่างสุขสบายนานเกินไป ทักษะการแพทย์เลยถดถอยใช่ไหม?”
มุมปากป่ายฉีกระตุกอย่างแรง นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ!
เขากำลังจะโต้เถียง แต่เห็นได้ชัดว่ากงจืออวีไม่อยากฟังเขาพูด ก็พูดขึ้นต่อ
“ตั้งแต่นี้ไป หน้าที่หลักของนายปรับปรุงร่างกายให้เฟยเฟย รักษาเธอให้หาย เรื่องอื่นนายไม่ต้องยุ่งแล้ว”
ดวงตาที่แปลกใจของป่ายฉีแทบจะหล่นลงกับพื้นแล้ว
ในเวลาที่ตระกูลเย้นสั่นคลอนเจอวิกฤตหนักหน่วงแบบนี้ กงจืออวีกลับให้กำลังรบที่ยิ่งใหญ่อย่างเขา เป็นแพทย์ประจำตัวให้กู้จื่อเฟย
นี่มัน ลุ่มหลงเกินไปหรือเปล่า!
เขาอิจฉาแล้วนะ