จากหน้ามือเป็นหลังมือ แล้วยังเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
กู้จื่อเฟยตัวเย็นไปถึงกระดูก มองตะลึงไปที่ครอบครัวเครือญาติที่เธอใส่ใจ ไม่ลังเลที่จะขับไล่เธอแม้แต่น้อย
ไม่เขาจะไม่ทนรับผู้หญิงที่ใบหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงมาเป็นนายหญิงของตระกูล
มันจะทำให้ครอบครัวอับอาย
ทำให้พวกเขาเสียหน้า
แล้วกู้จื่อเฟยที่สามารถต่อสู้ฟันฝ่ามาได้ตลอด ในเวลานี้ กลับไม่อาจหาคำพูดมาโต้แย้งได้
เธอไม่สามารถโต้แย้งได้
พวกเขาพูดถูกต้อง ตระกูลเย้นยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก คุณนายจะได้เป็นนายหญิง ผู้นำตระกูล สูงศักดิ์มากแค่ไหน เป็นตัวแทนหน้าตาของทั้งตระกูลเย้น
แต่รูปลักษณ์นี้ของเธอ ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นคุณนายแม้แต่น้อย
แม้แต่เธอเห็นหน้าตัวเอง ยังรู้สึกรังเกียจ ขยะแขยงจนรับไม่ได้
แล้วเธอจะคาดหวังให้คนอื่นมายอมรับอย่างไร้เงื่อนไขได้ยังไงล่ะ
เธอควรเข้าใจได้ตั้งนานแล้ว…..
กู้จื่อเฟยอึดอัดจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คำวิพากษ์วิจารณ์แต่ล่ะคำค้างอยู่ในใจ แต่ละสายตาจับจ้องไปที่ผิวหนัง เธอสุดทนจนแทบจะยืนไม่ไหว ปิดหน้าหันตัวอยากจะวิ่งหนี
หนีไปจากที่นี่
พอเธอจะไป กลับมีฝ่ามือใหญ่คว้าข้อมือเธอไว้ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน
เย้นโม่หลินกอดเธอไว้ ก้มศีรษะ ริมฝีปากบางจูบลงที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าเธอ
จูบที่ลึกซึ้ง ทั้งงานนิ่งเงียบ
เย้นโม่หลินจ้องมองตรงไปที่กู้จื่อเฟย น้ำเสียงจมดิ่งและหนักแน่น
“ไม่ว่าหน้าตาเธอจะเป็นยังไง งดงามหรือเสียโฉม เธอก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ฉันต้องการ เฟยเอ๋อร์ ไม่ต้องไปสนใจความคิดและลมปากคนอื่น พวกเรามีชีวิตอยู่ ก็เพื่อตัวเองและคนที่รัก”
เพื่อตัวเอง และคนที่รัก
ดวงตากู้จื่อเฟยสั่นไหวอย่างรุนแรง จ้องมองไปที่เย้นโม่หลิน ในใจราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
เขาเป็นนายน้อยแห่งตระกูลเย้น เป็นอานาคตผู้นำตระกูล คนเหล่านี้คือลูกน้องในอนาคตของเขา และเป็นครอบครัวของเขา แต่ต่อหน้าคนเหล่านี้ เขากลับไม่สนใจความคิดและลมปากของพวกเขาแม้แต่น้อย
เขาสนใจแค่เธอ
ฝูงคนเองก็ตกใจกับคำพูดของเย้นโม่หลินเช่นกัน
ต่อหน้าพวกเขาทุกคน เขากลับพูดว่าเขาไม่สนใจความคิดของพวกเขาเลย
ไม่ว่าพวกเขาจะพูดมากเท่าไหร่ มีความเห็นมากแค่ไหน ก็ไม่ช่วยอะไรเลย
นายน้อยคนนี้ ไม่ได้ใส่ใจพวกเขาเลยสักนิด
ผู้คนต่างเลี่ยงไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง และกังวลขึ้นไปอีก
“นายน้อย คุณต้องคิดเผื่อหน้าตาของตระกูลเย้นสิ กู้จื่อเฟยเสียโฉม รูปลักษณ์แบบนี้ของเธอ พวกเรามองยังตกใจ ถ้าหากกลายเป็นคุณนายตระกูลเย้นของพวกเรา ต้องถูกคนเยาะเย้ยดูถูกตระกูลเย้นของพวกเราเป็นแน่ หลังจากนี้ตระกูลเย้นจะเงยหน้าเจอผู้คนได้ยังไง?”
“ตระกูลเย้นของเราสถานะสูงส่ง น่าภาคภูมิ จะให้มาเสียหน้าเป็นการใหญ่ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้”
“นายน้อย ถ้าคุณยืนกรานที่จะอยู่กับเธอ พวกเราจะไม่ยอมรับตัวตนของคุณนายกู้จื่อเฟยเป็นอันขาด”
ผู้คนพูดคนแล้วคนเล่า ยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น
ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง
ท่าทีที่มีต่อกู้จื่อเฟยก็สอดคล้องกันมาก ไม่พิจารณาความคิดที่จะยอมรับเธอเลยสักนิด
กู้จื่อเฟยมองดูฉากตรงหน้า เลี่ยงไม่ได้ที่จะโศกเศร้า
วิธีการของพวกเขา ก็เหมือนกับในครอบครัวที่ธรรมดาที่สุด เมื่อสะใภ้ไม่สามารถตั้งครรภ์มีลูกได้ ก็ไม่ลังเลที่จะละทิ้งสะใภ้ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดๆ
แล้วเธอเสียโฉม พวกเขาก็ยิ่งไม่ยินดีที่จะรับเธออีก
แต่ไม่มีใครเคยคิดว่า เธอเสียโฉมแล้ว ตัวเธอเองจะเจ็บปวดทุกข์ใจมากแค่ไหน
เย้นโม่หลินสีหน้านิ่งเฉย ราวกับปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งอาร์กติก
เขาพูดอย่างเยือกเย็น “คำพูดนี้ ฉันจะพูดแค่รอบเดียว กู้จื่อเฟยเป็นผู้หญิงของฉัน เป็นภรรยาในอนาคตของฉัน เป็นคุณนายตระกูลเย้นเพียงคนเดียว ไม่ว่าเธอจะมีรูปลักษณ์แบบไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
“จำไว้ให้ดี เธอเป็นเจ้านายของพวกแก ถ้าพวกแกยังกล้าพูดจาดูหมิ่นอีก ความผิดนี้ จะถูกลงโทษตามกฎของตระกูล!”
ออร่าที่เยือกเย็น ปกคลุมไปทั่วงานทันที
ทุกคนมองไปที่เย้นโม่หลินด้วยความตกตะลึง ประหลาดใจจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก
เพื่อกู้จื่อเฟยแล้ว เย้นโม่หลินไม่สนใจการคัดค้านของพวกเขา แล้วยังใช้กฎของตระกูลจัดการ!
นี่กู้จื่อเฟยยังไม่ทันแต่งเข้ามา ก็เพลิดเพลินกับอำนาจเด็ดขาดของคุณนายอย่างตรงไปตรงมาแล้ว!
ตำแหน่งนี้ จะไม่ใครมาสั่นคลอนได้?
พวกเขากลัวว่าต่อให้พูดจนปากจะฉีก ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ในใจฝูงคนเกิดกระแสน้ำ เต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความเผด็จการของเย้นโม่หลิน ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากต่อ
วิธีการเลือดเหล็กแบบนี้ของนายน้อยพวกเขารู้ดี โหดร้ายยิ่งกว่าผู้นำตระกูล ทำให้คนหวาดกลัวมากกว่า
ต่อให้พวกเขาไม่ยินยอม ต่อต้าน แต่ก็ต้องจำใจยอมรับ กู้จื่อเฟยที่เสียโฉมแล้ว ยังคงจะกลายเป็นคุณนายของพวกเขา นายหญิงในอนาคต
ฝูงคนหดหู่
เย้นโม่หลินกลับไม่แม้แต่จะสนใจพวกเขา คว้ามือของกู้จื่อเฟย แววตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนหาใดเปรียบทันที
“อย่าไปสนใจพวกเขา เรากลับกันเถอะ”
เขาจับมือเธอแน่น อุณหภูมิที่อบอุ่นปกคลุมไปทั่วมือของเธอ
ความอ้างว้างในใจกู้จื่อเฟย ถูกบรรเทาลง
ใช่แล้ว
แม้ว่าจะเป็นญาติของตระกูลเย้น แม้ว่าเธอจะใส่ใจความคิดของพวกเรา แต่พวกเขาไม่ยอมรับ ก็ไม่สามารถกระทบต่อความรักของเธอกับเย้นโม่หลินได้
เพียงแต่ ในความสมบูรณ์แบบมีความเสียใจอยู่ก็เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่
ขอเพียงเย้นโม่หลินอยู่กับเธอ ขอเพียงพวกเขาใจตรงกัน ก็เพียงพอแล้ว
กู้จื่อเฟยจับมือเขากลับ พยักหน้าอย่างหนักแน่น
เย้นโม่หลินจูงกู้จื่อเฟย เดินไปด้านนอกทีละก้าว ภายใต้สายตาของทุกคน
ฝีเท้ามั่นคง จับมือของเธอ แน่นมาก
ไม่มีใครสั่นคลอนได้
ต่อให้เจอสายตาของคนเหล่านี้อีก กู้จื่อเฟยก็เหมือนหาแรงสนับสนุนเจอแล้ว เดินเคียงบ่ายเคียงไหล่ๆ ไปกับเย้นโม่หลิน
จนกระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเย้นโม่หลินโดยสมบูรณ์แล้ว บรรยากาศตึงเครียดของผู้คน ก็ผ่อนคลายลงทันที
ออร่าของนายน้อยแข็งแกร่งเกินไป น่ากลัวจริงๆ
ผ่อนคลายลงแล้ว แต่อารมณ์ไม่พอใจที่ถูกระงับไว้ ก็เปิดเผยออกมาเช่นกัน
ผู้อาวุโสทั้งหลาย ส่ายหน้าถอนหายใจตามๆ กัน
ต่างมองออกถึงความไม่พอใจและทำอะไรไม่ได้ของกันและกัน แล้วยังมีความกังวลที่อยู่ลึกๆ
พวกเขาเป็นห่วงอนาคตของตระกูลเย้น
กู้จื่อเฟยเดิมทีก็เกิดมาในครอบครัวเล็กๆ ไม่เหมือนกงจืออวีเกิดมาสูงศักดิ์ ในการตัดสินใจและเรื่องหลายๆ อย่าง ล้วนแต่สามารถช่วยเย้นเจิ้นจื๋อได้
แต่กู้จื่อเฟยด้านนี้ทำไม่ได้ก็ช่างมัน นี่ยังเสียโฉมอีก ภายหลังถ้าหากออกไปเจอผู้คน ก็จะทำให้ตระกูลเย้นเสียหน้า
ตระกูลเย้นเจอลมพายุอยู่แบบนี้ เกรงว่าจำตกต่ำลงไปอีก
“เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจ พวกเขาก็ไม่มีความคิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อ จะกลับแล้ว
ตอนนี้ ป่ายฉีกลับเอ่ยปากอย่างเยือกเย็น
“หยุดก่อน เรื่องยังไม่จบ”
ผู้คนมองไปที่ป่ายฉีด้วยความสงสัย จากนั้นก็เริ่มมีหวังขึ้นมา
หรือว่าป่ายฉีเองก็ไม่เห็นด้วยเหมือนพวกเขาที่จะให้กู้จื่อเฟยมาเป็นคุณนาย ดังนั้นจึงคิดที่จะวางแผนกับพวกเขาว่าจะรับมือยังไง?
ฝูงคนดีใจ “ป่ายฉี นายมีวิธีที่จะให้กู้จื่อเฟยออกไปใช่ไหม? นายโตมากับนายน้อยตั้งแต่เด็ก สนิทสนมกัน คำพูดของนาย เขาจะฟังไม่มากก็น้อย นายจะต้องให้เขาเลิกกับกู้จื่อเฟยให้ได้ รักษาหน้าตาของตระกูลเย้นเราไว้นะ”