โห้หลีเฉินทำเป็นพระอิฐพระปูนไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย ยังคงปิดตาสนิท ขนาดจะแอบเหล่ตามองสักนิดยังไม่มีเลย
เมียออกหน้าเอง ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ
เดี๋ยวพอเห็นเข้าจะรู้สึกเหมือนอะไรทิ่มตาเอา
เขายิ่งทำท่าทางเย็นยะเยือกหนักกว่าเก่า แถมทำตัวสูงส่งเหลือเต็มทน ไม่คิดจะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย
ถ้าเย้นหว่านไม่ลงมือเพื่อระบายความโกรธออกมา เขาก็จะจัดการแคทเธอรีนเอง
ไม่ว่าเธอจะมีเหตุผลใดก็ตาม มาเข้าใกล้เขาขนาดนี้ ก็สมควรตายจริงๆ
“คุณนาย แส้ครับ”
ไม่นานนักเว่ยชีก็เดินเข้ามา และยื่นแส้ให้กับเย้นหว่าน
เย้นหว่านหยิบแส้มา และไม่อยู่เฉย พลันสะบัดแส้ลงบนตัวของแคทเธอรีนทันที
“กรี๊ด-”
แคทเธอรีนกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน พลันใช้มือกุมตรงตำแหน่งที่ถูกแส้ตี ใบหน้าบิดเบี้ยว
เธอไม่เคยถูกคนทำร้ายเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้
เธอจ้องมองทางเย้นหว่านอย่างโหดร้าย “เย้นหว่าน แกหยุดเดี๋ยวนี้!”
เวลานั้นเอง เสียงของเธอเพิ่งจบลง แต่สิ่งที่ตอบรับเธอกลับกลายเป็นแส้อีกรอบ
เย้นหว่านจ้องมองเธออย่างเย็นยะเยือก “ตอนที่จิตใจไม่คิดเกินเลย เคยคิดถึงตอนนี้บ้างไหมล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะว่าร่างกายเจ็บปวดขึ้นมา แกก็คงไม่รู้จักคำว่าล้มเลิกความคิดไปตลอดไปแล้วมั้ง!”
ผู้หญิงคนนี้ต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง
สองสามวันก่อนยังแสดงความจริงใจ มาขอโทษและรับปากกับเย้นหว่านอยู่ ว่าต่อจากนี้ไปจะเลิกคิดไม่ซื่อกับโห้หลีเฉิน สุดท้ายแล้วก็แค่เสแสร้งแกล้งทำให้เห็นเท่านั้นเอง
เกรงว่าสองสามวันมานี้ตอนที่เย้นหว่านไม่เห็น ก็ไม่รู้ว่าใช้ไม้ไหนมาค่อยๆ ยั่วล่อหลอกโห้หลีเฉิน
เมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ก็รู้สึกขยะแขยงอย่างที่สุด
แคทเธอรีนเจ็บจนเข้ากระดูก ด้วยการคอยสอดส่องของเว่ยชีแล้ว อยากจะวิ่งหนีไปก็ไม่กล้าวิ่ง
เพราะว่าการที่เย้นหว่านทำร้ายคน โห้หลีเฉินก็ยอมรับอีก และตามใจอีก
ถ้าเธอวิ่งหนี่แล้ว ก็เหลือแค่ตายอย่างทรมานมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง
ทว่าเย้นหว่านทำให้เธอเจ็บปวดเช่นนี้ มันอับอายมาก
“คุณเย้น คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ เมื่อครู่ที่เสื้อฉันไปติดอยู่บนตัวของคุณโห้มันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้นเอง มันคืออุบัติเหตุจริงๆ คุณอย่าได้คิดมาก และมาลงโทษที่ฉันได้ไหม?”
“ยังจะปากแข็งอยู่อีกเหรอ?” เย้นหว่านฟาดแส้ลงมาอีกครั้ง “ฉันเกลียดคนอย่างแกที่ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอจริงๆ ”
โกหกเธอ รังแกเธอ เพื่อหลอกล่อผู้ชายของเธอ
น่าตายไปเสียจริงๆ
เย้นหว่านฟาดแส้ลงอีกครั้ง
แคทเธอรีนทั้งเจ็บปวดทั้งอับอาย ความภาคภูมิใจก็ถูกทำร้ายจนแหลกสลายหมดแล้ว จิตใต้สำนึกของเธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งระดับความห่างระหว่างเธอกับเย้นหว่านเป็นอย่างดี
เย้นหว่านสูงส่งราวกับเจ้าหญิง มีเพียบพร้อมทุกอย่าง กระทั่งสามารถควบคุมความเป็นความตายของคนอื่นอยู่ในมือได้ ส่วนเธอนั้น ไม่มีอะไรสักอย่าง ไม่มีปากไม่มีเสียง จนถึงขั้นถูกเย้นหว่านใช้เท้าเหยียบย่ำจนเกิดหายนะขึ้นอย่างง่ายดาย
แคทเธอรีนไม่เต็มใจ และโกรธแค้น
“ฉันผิดไปแล้ว คุณเย้น ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว คุณอย่าได้ทำร้ายฉันเลย ไว้ชีวิตฉันสักครั้งเถอะนะ ฉันยังต้องรักษาอาการป่วยของคุณโห้ต่อ คุณทำร้ายฉันก็ไม่เป็นไร แต่มันจะกระทบไปถึงอาการป่วยของคุณโห้ด้วย”
“ฉันขอร้องคุณ ปล่อยฉันไปสักครั้งหนึ่งเถอะนะ…”
เธอคลานอยู่บนพื้นด้วยท่าทางน่าเวทนา ดูท่าทางหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว
ราวกับหมาตัวหนึ่งที่กำลังอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอ
จู่ๆ เย้นหว่านก็ไม่มีความคิดจะทำร้ายเธออีก คนประเภทนี้ เป็นจิ้งจกเปลี่ยนสีไปเรื่อย ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง ช่างน่าถ่อมตัวเอาขีดสุด แต่ว่าในใจของเธอนั้นไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย
การสั่งสอนเธอ นอกจากการอาละวาดแล้ว ก็ไม่มีความหมายในทางปฏิบัติมากนัก
เมื่อเห็นว่าเย้นหว่านเริ่มหวั่นไหวแล้ว แคทเธอรีนก็รีบขอร้องทันควัน
“ฉันสาบานว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีกแล้ว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ฉันจะไม่ทำเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้คุณรำคาญใจอีก คุณเย้น ฉันพูดจากใจจริง ฉันรู้ตัวว่าผิดจากใจจริง ฉันขอร้องให้คุณช่วยให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม”
ดูไปแล้วเหมือนจะเป็นความจริงที่มาจากใจ
เย้นหว่านรู้สึกขยะแขยงกับเธอเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว คนอย่างเธอ ขนาดจะเป็นศัตรูทางความรักยังไม่คู่ควรเลย
จนไม่มีกระจิตกระใจจะทำร้ายเธอแล้ว เย้นหว่านวางแส้ลง เวลานั้นเอง พลันมีเสียง “โฮก” ขึ้น
เย้นหว่านมองไปทางเตียงคนไข้ จนตาค้างทันที
โห้หลีเฉินอาเจียนออกมา
อาเจียนออกมาเป็นเลือด!
ริมฝีปากของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสด ใต้คางก็มีเลือดติดอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาในวินาทีนั้นก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เรี่ยวแรงทั้งตัวราวกับมันถูกดูดจนหมดตัวในชั่วขณะนั้น เขาเป็นลมอยู่บนเตียง ร่างกายสั่นเทาอยู่ตลอด
เหงื่อที่เกาะอยู่บนหน้าผากของเขา ไหลลงมาราวกับน้ำตก
เย้นหว่านตกใจจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และวิ่งไปอยู่ข้างเตียงด้วยความหวาดกลัว “โห้หลีเฉิน คุณเป็นอะไรไป?”
น้ำเสียงของเธอ อดสั่นไม่ได้
โห้หลีเฉินย่นคิ้วไว้แน่นราวกับกำลังอดกลั้นกับความเจ็บปวดมากมายเอาไว้ เขาหลับตาลงจนแพขนตาสั่นกระพืออย่างหนัก ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา
ในปากของเขานั้น พลันมีเลือดสดไหลออกมาอยู่ไม่หยุด
หมอนที่เดิมมีสีขาวสะอาดเอี่ยม พริบตาเดียวก็ซึมเป็นสีแดงสด เป็นแถบขนาดใหญ่
น่าตกใจอย่างยิ่ง
เย้นหว่านตกใจจนเลือดในร่างกายตีกลับ
“หลบไป ให้ฉันดูหน่อย”
แคทเธอรีนเดินเข้ามา จากนั้นก็ผลักเย้นหว่านออก
เย้นหว่านยังไม่ทันตั้งตัว ก็เซถลาถอยหลังไปสองสามก้าวถึงยืนทรงตัวไม่อยู่ จนทำให้ท้องของเธอที่ถูกกระแทกรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
เธอไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นพลางมองไปทางแคทเธอรีนด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“เขาเป็นอะไรไป?”
แคทเธอรีนชำเลืองมองโห้หลีเฉินอยู่หลายครั้ง จากนั้น ก็เริ่มหยุดการกระทำทุกอย่างทันที พลันเอนตัวพิงกับตู้ที่วางอยู่เหนือเตียง
“เขาอาการกำเริบ”
เธอมองมาที่เย้นหว่านด้วยอาการเยาะเย้น พลันพูดอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าคุณอยากทำร้ายฉันต่อเหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณอยู่สูงส่งเหนือคนอื่นไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ใช่ไหม? เย้นหว่าน คุณก็ช่วยเขาเองสิ”
เย้นหว่านมองไปที่มือทั้งสองของแคทเธอรีนกอดที่อกแล้วทำท่าทางสบายๆ อย่างประหลาดใจ
โห้หลีเฉินอาการกำเริบ ใกล้จะตายอยู่รอมร่อ แต่เธอดันมาพูดจาถากถางกันอย่างสบายใจเฉิบตรงนี้เนี่ยนะ?
ยิ่งกว่านั้นคือ ความหมายคือไม่คิดจะรักษาแล้วใช่ไหม
“เย้นหว่าน เกรงว่าฉันคงต้องบอกกับคุณตรงๆ ในโลกใบนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่เข้าใจในอาการป่วยของโห้หลีเฉินที่สุดแล้ว กระทั่งเรียกคุณหมอท่านอื่นมาที่นี่ในเวลานี้ ก็ไม่มีใครที่สามารถจัดการกับอาการกำเริบเฉียบพลันของเขาได้ คนที่สามารถจัดการได้ มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น”
เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย “ถ้าตอนนี้ฉันไม่ช่วย โห้หลีเฉินก็จะตายโดยที่ไม่ต้องคิดเลย แต่คุณตีฉัน จนฉันเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว ฉันไม่อยากช่วยรักษาอีกแล้ว”
คำพูดนี้ มันทำให้ตกใจอย่างไม่คาดคิดยิ่งกว่าข่าวร้ายเสียอีก
หน้าตาของแคทเธอรีนที่ดูพออกพอใจมาก จนทำให้คนที่เห็นถึงกลับรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา และอยากจะบีบคอเธอให้ตาย
แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถโต้กลับได้ เพราะว่าตอนนี้มีแค่เธอเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตโห้หลีเฉินไว้ได้
ยิ่งเมื่อเห็นโห้หลีเฉินที่ตัวสั่นเทาและอาเจียนเลือดสดๆ ออกมาไม่หยุด เย้นหว่านปวดร้าวทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจ
เธอย่อมรู้ว่าช่วงที่เขาอาการกำเริบนั้นเจ็บปวดทรมานมาก ขนาดโห้หลีเฉินที่ยิ่งใหญ่ทรหดอดทนค้ำฟ้าเช่นนั้นก็ยังไม่สามารถอดทนกับความเจ็บปวดไว้ได้เลย แต่ไม่คิดว่าการที่ต้องมาเห็นอาการเขากำเริบกับตาตัวเองนั้น มันจะเจ็บปวดทรมานขนาดนี้
ราวกับมีมีดกำลัง ทิ่มแทงเข้าไปตรงหัวใจของเธอทีละเล่มอยู่เช่นนั้น
เย้นหว่านได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่น จากนั้นกำมือไว้แน่น เพื่ออดกลั้นกับความโกรธที่ถาโถมหนักไปทั่วตัว
จากนั้นก็พูดออกมาด้วยอาการอดกลั้น “แคทเธอรีนคุณคิดจะเอายังไง?”
เย้นหว่านรู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะไม่ช่วยจริงๆ หรอก
เธอแค่อยากจะได้อะไรเป็นการแลกเปลี่ยนเท่านั้นเอง
แคทเธอรีนยิ้มอย่างได้ใจ และไม่คิดจะปกปิดอะไรเลย พลางพูดออกมาด้วยอาการเย่อหยิ่ง
“เย้นหว่าน ฉันต้องการให้แกมาคุกเข่าเพื่อขอโทษฉัน!”
อะไรนะ?
เย้นหว่านจ้องมองแคทเธอรีนด้วยสายตาแปลกใจ เมื่อครู่เธอเพิ่งจะทำร้ายลงแคทเธอรีน นางเลยใช้วิธีการนี้ในการเอาคืนเธอ
แคทเธอรีนยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชาใส่ “ทำไม ก็แค่คุกเข่าเอง หรือว่าแค่นี้คุณก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ? เย้นหว่าน เมื่อครู่ตอนที่คุณทำร้ายฉันนั้น ไม่ใช่ว่าจองหองมากอยู่นี่! ตอนนี้ ถึงตาคุณต้องคุกเข่าขอร้องให้ฉันบ้างแล้ว”
เว่ยชีตะคอกใส่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แคทเธอรีนคุณทำเกินเหตุไปแล้ว”
เวลานี้เอง เว่ยชีถึงได้รู้จักคุณธรรมตัวตนของแคทเธอรีนคนนี้ ระหว่างเย้นหว่านนั้น ยังมีความขัดแย้งที่หนักขนาดนี้ด้วย
แต่เธอนั้นช่างน่าดูถูกมากกว่า เพราะเอาอาการป่วยของโห้หลีเฉินมาบีบบังคับ
ไม่มีจรรยาบรรณวิชาชีพสักนิด ช่างน่าละอายอย่างยิ่ง
แคทเธอรีนได้แต่ยิ้มอย่างจองหองพองขน “ฉันไม่รู้สึกว่ามันเกินเหตุไป และก็ไม่ได้ให้คุณไปตายสักหน่อย ก็แค่คุกเข่าเพื่อขอร้องให้ช่วยคุณเท่านั้นเอง คุณเย้น เพื่อโห้หลีเฉิน แค่เรื่องขี้ปะติ๋วแค่นี้เองก็ทำไม่ได้งั้นสิ?”