โห้หลีเฉินตื่นตระหนกมาก “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? ร้องไห้ทำไม? ปวดท้องอีกแล้วเหรอ?”
ในขณะที่พูด เขาก็ยกผ้าห่มออก และกำลังจะลงจากเตียง
ให้ตายเถอะ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้เขาคงกลับไปหาเย้นหว่านแล้ว ตอนนี้ต้องมาดูเธอร้องไห้ แค่เช็ดน้ำตาให้เธอยังทำไม่ได้เลย
เย้นหว่านร้องไห้จนตาพร่ามัว จากนั้นเธอก็ส่ายหัว
ในขณะที่ร้องไห้ทั้งน้ำตา เธอก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฉัน…ฉันมีความสุข ในที่สุดคุณก็ตื่นสักที”
เป็นเวลาสองวันเต็ม ที่เธอนอนไม่หลับเพราะความกังวล
หลังจากรอมานานแสนนาน ในที่สุดเขาก็ได้วิดีโอคอลมารายงานความปลอดภัยกับเธอแล้ว
“อืม” โห้หลีเฉินพยักหน้า แต่ก็ยังกังวลอยู่ “คุณไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ”
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี และเด็กๆ ก็แข็งแรงดี”
เย้นหว่านเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ เลยทำให้เธอมองเห็นชัดขึ้น
เมื่อเห็นว่าท่าทีของโห้หลีเฉินยังดูดี ไม่ต่างจากปกติมากนัก ความกังวลใจในหัวใจของเธอ ก็หายไปบ้างเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี
โห้หลีเฉินมองตรงไปที่เย้นหว่านและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม:
“คุณหมอบอกไหมว่า ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์?”
เย้นหว่านกล่าวว่า “เธอบอกว่าสิบกว่าวัน ก็น่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว”
สิบกว่าวัน
นานมาก
โห้หลีเฉินก้มหน้าลงมา “สิบกว่าวันนี้ ผมไปอยู่เคียงข้างคุณไม่ได้ คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”
เย้นหว่านพูดตะกุกตะกัก เธอรู้สึกไม่สบายตัวราวกับว่ามีสำลียัดไว้ในคอ
ช่วงที่เขาเจ็บปวดที่สุด ช่วงที่เธอยากลำบากที่สุด พวกเขาต่างก็ไม่สามารถอยู่เคียงข้างกันได้
โห้หลีเฉินมองดูเธอด้วยความสงสาร “รอก่อนนะ ผมจะไปรับคุณมาเอง”
เย้นหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง ไปอยู่ข้างเขาเหรอ?
แน่นอนว่าเธอต้องการ แต่…
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอถูกบังคับให้ตอบตกลงกับแคทเธอรีน เย้นหว่านก็รู้สึกลำบากใจ ดวงตาของเธอสั่นไหว และเธอไม่กล้าที่จะมองไปที่โห้หลีเฉินอีกเลย
เธอพูดด้วยเสียงต่ำ “ถ้าถึงตอนนั้นเราค่อยมาคุยกันใหม่นะ”
“เอ๊ะ?” โห้หลีเฉินประหลาดใจ “คุณภรรยา คุณไม่อยากอยู่เคียงข้างผมแล้วเหรอ?”
เขาเห็นการปฏิเสธที่แอบซ่อนของเย้นหว่าน
ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เธอควรจะมีความสุขและตื่นเต้นมากกว่าเขา คงจะอยากมาหาเขาอย่างอดไม่ไหว
ก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนี้
เย้นหว่านพยายามปกปิดอารมณ์ตัวเอง เธอหลับตา และมองไปที่ท้องของตัวเอง
“ฉัน… ฉันกลัวจะทำให้ลูกตกใจอีกครั้ง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โห้หลีเฉินก็ตกตะลึงเช่นกัน
เหตุผลนี้ฟังดูมีเหตุผล แต่เมื่อคำพูดออกมาจากปากของเย้นหว่าน เขากลับรู้สึกว่า มันไม่ปกติ และเขาก็เจ็บปวดที่หัวใจเล็กน้อย
เมื่อสองวันก่อนอาการเขากำเริบ ซึ่งทำให้เด็กๆ ตกใจกันมาก
เย้นหว่านก็รู้สึกกลัวงั้นเหรอ?
กลัวว่าจะได้เห็นอาการเขากำเริบอีกครั้ง และกลัวว่าจะได้เห็นเขาผอมแห้งและอ่อนแอมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเธอคงรับไม่ไหว
แม้ว่าโห้หลีเฉินจะรู้ว่าสิ่งนี้โหดร้ายกับเธอมาก เธอคงจะตกใจ แต่ตอนที่เธอเป็นคนปฏิเสธ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาห้ามไว้เพื่อไม่ให้เธอเห็น กับการที่เธอเป็นคนปฏิเสธเอง มันเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
เย้นหว่านกำเสื้อผ้าของเธอแน่น ดวงตาของเธอแอบแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด พระเจ้ารู้ว่าเธอพยายามมากเพียงใด เพื่อจะควบคุมอาการสะอึกสะอื้นของเธอ
“คุณสามี ลูกยังเล็กเกินไป ฉันต้องนึกถึงพวกเขาก่อน”
เด็กๆ เป็นเกราะกำบังที่มีอำนาจทุกอย่าง
“ผมรู้ คุณก็อยู่ที่บ้านและดูแลตัวเองดีๆ ถ้าผมดีขึ้นแล้ว ผมจะกลับไปหาคุณ ตกลงไหม?”
ดวงตาของโห้หลีเฉินยังคงอ่อนโยน
เย้นหว่านรู้สึกทุกข์ทรมานใจมากขึ้นไปอีก ตั้งแต่ที่คบกันมา เธอไม่เคยปิดบังโห้หลีเฉินสักเรื่อง
แต่ตอนนี้เธอพูดคำพูดที่ไม่ตรงกับหัวใจ
เธอพยักหน้า เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาต่อ “ฉันต้องไปทานยา คุณต้องให้ความร่วมมือกับการรักษานะ พวกเราทุกคนต้องฟื้นตัวโดยเร็ว ฉันวางสายก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ เย้นหว่านก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เธอวางสาย เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เธอถือโทรศัพท์มือถือของเธอไว้ ก่อนจะร้องไห้อย่างรุนแรง
โห้หลีเฉินมองไปที่หน้าจอที่มืดสนิท ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาดูเคร่งขรึม ดวงตาของเขาดูซับซ้อนและหมองคล้ำ
เขารู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าเย้นหว่านจะตัดสินใจแบบนี้
แต่เขาก็เข้าใจ เพื่อเด็กๆ แล้ว นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด
เพียงแต่ ตอนที่เธอมีเหตุผล เขากลับรู้สึกเศร้าและผิดหวังเล็กน้อย
แคทเธอรีนยืนอยู่ข้างๆ ตลอด เธอเห็นบทสนทนาทั้งหมดตอนที่วิดีโอคอลกัน
และเธอก็ยังเห็นว่าท่าทีของโห้หลีเฉินที่ในตอนแรกดูอบอุ่นและมีความสุข จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นท่าทีที่ดูเคร่งขรึมและทุกข์ทรมาน
เธอรู้ดี ว่าคำพูดของเย้นหว่าน และการกระทำของเย้นหว่าน จะทำให้โห้หลีเฉินไม่สบายใจอย่างแน่นอน
เมื่อรู้สึกไม่สบายใจ จะทำให้เกิดความแค้นและรอยร้าวในหัวใจ
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รอยแตกนี้จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และจะกลายเป็นรอยแตกขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนที่ไม่สามารถข้ามไปได้
และเธอ ก็จะใช้โอกาสนี้ เข้าไปแทนที่เย้นหว่าน
เธอได้มองเห็นความหวังที่สดใสอีกครั้ง
ตอนนี้ในใจเธอเต็มไปด้วยความสุข
ผ่านไปครู่หนึ่ง โห้หลีเฉินก็วางโทรศัพท์ลง และมองที่แคทเธอรีนด้วยสายตาที่เย็นชา
ริมฝีปากบางเปิดออกเล็กน้อย และถามว่า “ขั้นที่สองแล้ว?”
แคทเธอรีนดีใจมากขึ้น ในที่สุดเขาก็เห็นเธอแล้ว เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ เขาต้องมองหาเธอเท่านั้น
เธอรีบตอบอย่างนุ่มนวลว่า “ใช่แล้ว นี่เป็นขั้นที่สองแล้ว คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันเคยสัญญาว่าจะทำให้คุณมีชีวิตอยู่ และฉันจะทำให้คุณมีชีวิตอยู่ต่ออย่างแน่นอน คุณจะต้องให้ความร่วมมือในการรักษากับฉัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “นี่คือสิ่งที่คุณควรทำ”
เขาพูดตามความจริง “แต่เรื่องที่ติดค้างไว้ ก็ยังต้องจัดการ”
เรื่องที่ติดค้าง? เรื่องอะไร?
เธอมองดูสายตาที่เย็นชาและอันตรายของโห้หลีเฉิน ความสุขในหัวใจของแคทเธอรีนก็กลายเป็นความกลัวและความตื่นตระหนกทันที
เธอก้าวถอยหลังสองก้าว “คุณโห้ ฉันไม่ค่อยเข้าใจ คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“ถ้ากล้าเข้าใกล้ผม ก็จะโดนลงโทษ”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินเย็นชาจนไม่มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่
ตอนที่แคทเธอรีนเพิ่งมาถึง เขาก็ได้แจ้งกฎอย่างชัดเจน ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม เธอต้องไม่แตะต้องตัวโห้หลีเฉิน
และก่อนหน้านี้เธอก็นอนอยู่บนเตียง และเธอผ้าเธอก็มีเข็มฉีดยาของโห้หลีเฉิน แค่นี้ก็ถือว่าผิดกฎแล้ว
ใบหน้าของแคทเธอรีนซีดเซียว “แต่เรื่องนี้คุณเย้นได้ลงโทษฉันแล้ว และรอยแผลบนร่างกายของฉันก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่”
เธอคิดว่า มันจบไปแล้ว
ตอนนี้โห้หลีเฉินได้เข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 แล้ว ถ้าเขาต้องการที่จะมีชีวิตรอดเขาก็ไปจากเธอไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนั้นอีก
ผู้ป่วยวิกฤตคนไหน ต่างก็ยกให้แพทย์ผู้รักษาเป็นผู้ช่วยชีวิตไว้ทั้งนั้น?
ทำไมเขาถึงบอกว่า จะลงโทษกับเธออีก?
“เธออ่อนโยนขนาดนั้น ตีได้เบามากๆ บทโทษยังไม่เพียงพอ”
โห้หลีเฉินดูเย็นชาและไร้ความปราณี “ส่วนที่เหลือ ฉันจะชดเชยเอง”
แคทเธอรีนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เธอเกือบจะล้มลงกับพื้นเพราะยืนไม่ไหว
เธอเคยได้ยินเรื่องวิธีการลงโทษของโห้หลีเฉินมาก่อน คนที่โดนเขาลงโทษเองกับมือ ต่อให้ไม่ตายก็คงต้องลอกผิวหนัง
ตอนนี้เธอไม่ได้ผลประโยชน์แม้แต่น้อย ก็อยากจะลงโทษเธอแล้วเหรอ? แคทเธอรีนรู้สึกตกใจและกลัว เธอจะบ้าตายแล้ว
เธอกัดฟันและพูดว่า “คุณโห้ ตอนนี้ฉันเป็นหมอที่ดูแลคุณ มีเพียงฉันเท่านั้นที่สามารถรักษาอาการป่วยของคุณได้ คุณตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา และจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันไม่ได้ ตัวฉันเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไปทำให้การรักษาของคุณช้าลง นี่คงจะถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดมากๆ”
โห้หลีเฉินมองตรงไปที่แคทเธอรีน ก่อนจะยกยิ้มมุมปากของเขาเบาๆ รอยยิ้มที่เย็นชานั้นทำให้ผู้คนสั่นเทาไปทั้งตัว