แม้ว่าเว่ยชีจะเกลียดแคทเธอรีนมาก เขาอยากจะรีบหาคนมาแทนตำแหน่งของเธอในทันที และทำให้เธอหายไปในทันที
แต่ เมื่อเทียบข้อดีข้อเสียแล้ว สถานการณ์ปัจจุบันยังทำให้เขากังวลมาก
โห้หลีเฉินดูเหนื่อย แต่เขาก็ไม่หวั่นไหวเลย
เขาพูดว่า “ทำตามที่ฉันพูด”
เขาไม่เชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของแคทเธอรีนทั้งหมด ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันนี้ มีเพียงป่ายฉีเท่านั้นที่เขาสามารถไว้วางใจได้
แต่การจะทำให้เขามาที่นี่ มันเป็นเรื่องที่ยากมาก
บางครั้งก็ดีบางครั้งก็ไม่ดี มันจะสำเร็จได้ไหม มันก็เหมือนกับการพนัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้
……
กลางคืน
เย้นหว่านก็ตกอยู่ในความมืดมิดที่ทำให้คนหายใจไม่ออก
เธอเดินอยู่ในความมืด เธอรู้สึกว่าใต้ฝ่าเท้าเธอเปียกๆ และก็ยังมีกลิ่นคาวเลือดแรงมาก
นั่นคือเลือดเหรอ?
เธอมองเห็นไม่ชัด แต่มันทำให้เธอหดหู่และอึดอัดใจจนหัวใจของเธอจะระเบิดแล้ว
เธอหนีไม่พ้น เธอทำได้เพียงเหยียบบนของเหลวพวกนั้น เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบากทีละก้าว
เธอไม่รู้ว่าเธอเดินอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หายใจลำบากนี้นานแค่ไหนแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเดิมมาถึงจุดสิ้นสุดของของเหลวนั้น
ที่นั่น เริ่มมีแสงสว่างขึ้น
เธอเริ่มเห็นมันแล้ว และสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือห้องผู้ป่วยที่คุ้นเคย ซึ่งโห้หลีเฉินได้อาศัยอยู่
มีร่างหนึ่งนอนอยู่บนเตียง
แม้ว่าจะไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน เย้นหว่านก็รู้ว่าเป็นเขา นั่นคือโห้หลีเฉิน
“คุณสามี”
เธอเร่งความเร็วมากขึ้น ก่อนจะรีบวิ่งไปทางเขา
ยิ่งเธอวิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น เธอเห็นได้ชัดเจน เลือดไหลลงมาเรื่อยๆ เหมือนกับน้ำตก ไหลมาจากเตียงผู้ป่วยของเขาอย่างต่อเนื่อง
เลือดที่เธอเหยียบมาตลอดทาง คือเลือดของเขา
เขาเสียเลือดมากขนาดนี้เลยเหรอ!
หัวใจของเย้นหว่านรู้สึกว่างเปล่า และเธอยิ่งตกใจมากขึ้น เมื่อเห็นว่าร่างทั้งหมดของโห้หลีเฉินเป็นเหมือนร่างกายที่เหี่ยวแห้ง เขาผอมจนเหลือเพียงโครงกระดูกและผิวหนังเท่านั้น เลือดเขาไหลออกมาจนแห้งแล้ว
เขานอนอยู่บนเตียง และยังลืมตาอยู่ แต่เขาไม่กะพริบตาเลย ดวงตาของเขาไม่มีความโกรธหลงเหลืออยู่เลย
ในแววตาของเขา ยังคงมีความเจ็บปวดและความไม่พอใจหลงเหลืออยู่
เขาตายแล้ว?
ตายแล้ว?
“ไม่ ไม่นะ”
มันเหมือนกับว่ามีมีดแหลมคมมาแทงที่หัวใจ เย้นหว่านกรีดร้อง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงทันที
รอบตัวเธอมืดมิด แต่มีแสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่าง เข้ามา ทำให้เธอยังมองเห็นได้อยู่บ้าง
ทำให้เธอเห็นอย่างชัดเจน ว่านี่ไม่ใช่ห้องผู้ป่วยของโห้หลีเฉิน และก็ไม่มีเขาที่เลือดไหลออกมาจนหมด
เมื่อครู่นี้ มันเป็นแค่ความฝัน
เป็นแค่ฝันร้าย
แต่ความกลัวในหัวสมองของเย้นหว่านยังคงอยู่
ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
“คุณนาย คุณเป็นอะไร”
เมื่อเสี่ยวย่าที่กำลังเฝ้าอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงเธอรีบเปิดประตูเข้ามาทันที
เมื่อเปิดไฟเธอก็เห็นเย้นหว่านที่ดูหวาดกลัวและมีเหงื่อท่วมตัว
เสี่ยวย่ารีบเดินไปที่ข้างเตียง ก่อนจะเช็ดเหงื่อให้เธอ และตบหลังเธอเบาๆ “คุณนาย คุณฝันร้ายใช่ไหม ไม่เป็นไรนะ มันเป็นแค่ความฝัน ที่นี่ปลอดภัย ไม่มีอะไร”
เมื่อได้ยินเสียงของเสี่ยวย่า เย้นหว่านก็ค่อยๆ ได้สติจากฝันร้าย
สีหน้าของเธอไม่ดีนัก “หมอไป๋ล่ะ รีบเรียกเธอมา”
เสี่ยวย่าตกใจ “คุณนาย รู้สึกไม่สบายที่ท้องเหรอคะ?”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะไปเรียกเธอทันที”
หลังจากพูดจบ เสี่ยงย่าก็รีบวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนก
ไม่นาน เธอก็พาหมอไป๋ที่โดนปลุกจากเตียงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หมอไป๋เดินตรงไปที่ข้างเตียง และเริ่มการตรวจ
“คุณนาย คุณรู้สึกไม่สบายตัวตรงไหน เพราะฉันดูหน่อยนะ”
เย้นหว่านหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ ก่อนจะจับมือเธอไว้
“หมอไป๋ ฉันมีเรื่องจะบอก”
เย้นหว่านมองไปที่เธออย่างจริงจัง
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เธอก็ได้สติจากฝันร้ายและสงบลงเล็กน้อย แต่ภาพที่โห้หลีเฉินเลือดไหลจนหมดตัว มันยังคงอยู่ในหัวสมองของเธอ เธอลบภาพนี้ไม่ได้
ทั้งที่รู้ว่ามันคือความฝัน
แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ เหมือนกำลังบอกเธอตลอดเวลาว่า ความฝันนี้น่าจะเป็นจริง
หมอไป๋มองดูท่าทีของเย้นหว่าน ความรู้สึกที่เป็นกังวลก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่า ลูกของเย้นหว่านไม่เป็นอะไรในตอนนี้
เธอพูดอย่างอดทน: “เอาล่ะ คุณพูดมาเถอะ”
“หมอไป๋ ฉันอยากจะขออะไรอย่างหนึ่ง” เย้นหว่านจับมือของหมอไป๋ไว้แน่น แววตาของเธอดูจริงจังมาก “ได้โปรดวางแผนให้ฉันหน่อย เอาที่เป็นไปได้มากที่สุด พยายามเอาลูกของฉันออกมาให้ได้ไวที่สุด ทำให้ได้มากที่สุด ทำให้พวกเขาออกมาเร็วกว่ากำหนด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหมอไป๋ก็เปลี่ยนไปเพราะความตกใจ และมือของเธอก็สั่นเทา
“คุณนาย คุณอยากคลอดก่อนกำหนดใช่ไหม? อยากคลอดก่อนกำหนดกี่วัน?”
เย้นหว่านถามกลับไปว่า “ก่อนกำหนดได้กี่วัน”
หมอไป๋ขมวดคิ้วแน่น เธอกังวลมาก
“สภาพร่างกายของคุณแย่มาก การตั้งครรภ์ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ลำบากมากแล้ว ทางที่ดีที่สุดควรจะคลอดตามกำหนด แต่ถ้าต้องการก่อนกำหนด อย่างน้อยก็ต้องรออายุครรภ์ถึงแปดเดือนครึ่งก่อน ถ้าคลอดออกมาในช่วงเวลานี้ ยังไงก็ส่งผลเสียหายต่อคุณและลูกมากแล้ว”
อายุครรภ์แปดเดือนครึ่ง ยังเหลือเวลาอีกสามเดือน
เย้นหว่านจิตใจสับสนวุ่นวาย “ไม่ได้ มันนานเกินไป เร็วกว่านี้ได้ไหม ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่สามารถคลอดลูกออกมาได้ก็เพียงพอแล้ว เร็วกว่านี้ ขอเร็วกว่านี้”
หมอไป๋ยืนขึ้นทันที น้ำเสียงเธอก็ฟังดูจริงจังมาก
“ไม่มีทางเร็วกว่านี้ได้ ถ้าอายุครรภ์น้อยกว่าแปดเดือนครึ่ง ทั้งคุณและลูกของคุณจะตกอยู่ในอันตราย!”
เย้นหว่านกัดฟัน “ถ้าชีวิตตกอยู่ในอันตราย ก็หมายความว่ายังมีโอกาสรอดอยู่ใช่ไหม? บางที เราลองเสี่ยงดูก็ได้…”
“คุณนาย!”
หมอไป๋พูดเสียงสูงเพราะความเบื่อหน่าย “ความเสี่ยงนี้คือ ชีวิตของคุณและลูกๆ อาจจะไม่รอด! ทั้งคุณและลูกของคุณมีร่างกายที่พิเศษ คุณไม่สามารถคลอดก่อนกำหนดในขณะที่อายุครรภ์ไม่ถึงแปดเดือนครึ่ง มิฉะนั้นพวกคุณจะตายทั้งหมด ”
“คุณนาย เรื่องนี้มีเพียงครั้งเดียว หลังจากนี้คุณห้ามคิดถึงเรื่องคลอดก่อนกำหนดอีก ฉันเป็นหมอของคุณ และฉันต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณและลูกของคุณ”
น้ำเสียงของคุณหมอดูเข้มงวดมาก
เย้นหว่านหนาวสั่นไปทั้งตัว ก่อนจะรู้สึกแข็งทื่อ
ในเมื่อ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย? แม้แต่โอกาสที่จะคลอดก่อนกำหนดเธอก็ไม่สามารถทำได้
เหลือเวลาอีกสามเดือนกว่า โห้หลีเฉินจะมีชีวิตรอดถึงตอนนั้นไหม?
เธอเต็มไปด้วยความกังวลและกระสับกระส่าย ความรู้สึกกลัวนั้นเหมือนจะรายล้อมเธอไว้แล้ว และทำให้เธอต้องจบสิ้นทุกอย่าง
เมื่อหมอไป๋เห็นท่าทีของเย้นหว่าน เธอก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เธอนั่งลงที่ขอบเตียง แล้วตบไหล่เย้นหว่านเบาๆ
ก่อนจะพูดปลอบโยน “คุณโห้เป็นคนมีดียังไงเทวดาก็คุ้มครอง เขาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน คุณทำแค่ดูแลตัวเองให้ดี รอให้อายุครรภ์ถึงแปดเดือนครึ่ง ฉันก็จะทำคลอดให้คุณเอง คุณโห้ก็จะอยู่ได้จนถึงเวลานั้นอย่างแน่นอน เพื่อทำให้คุณทุกคนอยู่อย่างสุขสบาย คุณนาย คุณต้องเข้มแข็งไว้นะ”
เย้นหว่านรู้สึกตื่นตระหนกมาก อาจเป็นเพราะความฝัน เลยทำให้เธอวิตกกังวลแบบนี้อีก
เธอสับสนวุ่นวาย กลัวว่าโห้หลีเฉินจะอยู่ไม่ถึงเวลานั้น
แต่สิ่งที่สิ้นหวังยิ่งกว่านั้นก็คือ ตอนนี้นอกจากการอดทน นอกจากการรอ เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
เธอก็เหมือนกับคนบาป ที่รอการพิพากษาครั้งสุดท้ายจากพระเจ้า
จะมีชีวิตอยู่ต่อหรือจะต้องตาย ถูกกำหนดโดยผู้อื่นและเวลา
นี่มันคือความทุกข์ทรมาน
ตั้งแต่ร่างกายจนไปถึงหัวใจ
เย้นหว่านก็รู้สึกแย่มาก “ฉันรู้แล้ว พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”
หมอไป๋และเสี่ยวย่ามองไปที่เย้นหว่านด้วยความกังวล และพวกเธอทำได้แค่เดินออกไปอย่างช่วยอะไรไม่ได้
ห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง
เย้นหว่านหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธออยากโทรหาโห้หลีเฉิน เธอรู้สึกเป็นกังวลมาก เธออยากจะเจอเขา แค่ได้ยินเสียงของเขาก็ยังดี
แต่นิ้วของเธอก็ค้างไว้บนปุ่มโทรออก และเธอก็ไม่ได้กดเป็นเวลานาน