“พี่สาวคนสวย คุณอยากกินเค้กไหมคะ?”
แรบบิทชูคัพเค้ก ขยับเข้ามาตรงหน้าเย่ซือซือราวกับมอบสิ่งล้ำค่า
เย่ซือซือมองเธอด้วยอารามตกใจ ใบหน้าเล็กตุ้ยนุ้ย นวลละเอียดราวหยกสลัก ดั่งเทพธิดาที่มีปีก
ช่างน่ารักระเบิดระเบ้อ
รู้ใจน่าเอ็นดูจนแทบอยากจะรอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนตัวเอง
“ฉันกินได้จริงๆ เหรอ?”
“หนูตั้งใจหยิบมาสามชิ้น เพราะจะเอามาให้คุณกินค่ะ พี่สาวคนสวย พี่กินสักชิ้นนึงนะ?”
ดวงตากลมโตของแรบบิทกะพริบ มองเย่ซือซือด้วยความคาดหวังอันเต็มเปี่ยม
นั่นคือความคิดอยากให้เย่ซือซือชิมคัพเค้กที่เธอนำมาจากใจจริง
เย่ซือซือไหนล่ะจะกล้าเอ่ยปฏิเสธ?
ช่างเป็นอะไรที่หาที่ไหนไม่ได้จริงๆ
เธอรับคัพเค้กมาทันที อยากจะยัดเข้าปากอย่างอดรนทนไม่ไหว
“นี่รสตรอว์เบอร์รีเหรอ?”
แรบบิทพยักหน้ารัวๆ “ใช่แล้วๆ เป็นรสสตรอว์เบอร์รีแหละค่ะ เป็นรสที่คุณแม่ชอบมากที่สุดด้วยนะ”
ทว่าเย่ซือซือกลับมีสีหน้าเก้อกระดากเล็กน้อย
เธอไม่ใจแข็งพอใจทำร้ายจิตใจของเด็กน้อย แต่ก็อับจนหนทางจริงๆ
เธอวางเค้กกลับไปไว้บนถาด “แรบบิทเด็กดี พี่สาวไม่ชอบกินรสสตรอว์เบอร์รีน่ะสิ เธอกินเถอะ”
ประโยคนี้ทำให้แรบบิทช็อกมากอย่างเห็นได้ชัด
เค้กรสสตรอว์เบอร์รีอร่อยขนาดนี้ ไม่นึกว่าจะมีคนไม่ชอบกินด้วย
โห้หลีเฉินที่เย็นชามาโดยตลอดราวกับยืนอยู่นอกโลกมนุษย์ เมื่อฟังคำ ก็มองเย่ซือซือด้วยแววตามืดครึ้มด้วยเช่นกัน
ไม่ชอบกินรสสตรอว์เบอร์รี?
เมื่อก่อนของหวานที่ที่เย้นหว่านรักมากที่สุดก็คือรสสตรอว์เบอร์รี
“เธอไม่ชอบกินของหวาน” เสิ่นเคอหานอธิบาย
ท่าทางน้ำเสียงที่ดูสนิทสนมทำให้โห้หลีเฉินรู้สึกไม่สบอารมณ์ไปขณะหนึ่ง
แรบบิทถือจานใบน้อยด้วยความห่อเหี่ยวใจอย่างมาก ดูซึมเซาไปหมด
เย่ซือซือไม่อาจแข็งใจมองได้เลย
แม่นมฉินชิวหลานเดินเข้ามา กล่าวด้วยดวงตาหยียิ้ม
“แรบบิท ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบกินสตรอว์เบอร์รีนะคะ นี่เป็นเรื่องปกติมาก ทุกคนต่างก็มีรสชาติที่ชอบเป็นของตัวเอง หนูก็เอาเค้กรสอื่นมาด้วยไม่ใช่เหรอ? รสถั่วไม่หวาน หนูเอาอันนี้ให้คุณหมอเย่กินได้นะ”
ได้ฟัง ดวงในดวงตาของแรบบิทก็ส่องประกาย
“พี่สาวคนสวย คุณอยากกินเค้กถั่วหรือเปล่าคะ? อร่อยเหมือนกันนะ”
ถึงจะไม่อร่อยเท่ารสสตรอว์เบอร์รีที่คุณแม่ชอบก็เถอะ แรบบิทเอ่ยเสริมในใจ
เย่ซือซือที่เดิมทีคิดจะยอมแพ้แล้วปล่อยให้ติวเองหิวตาย เมื่อได้ยินคำนี้ ก็ราวกับได้เห็นความหวังในการต่อชีวิต
“เอาสิจ๊ะ อยู่ไหนเหรอ เอามาให้ฉันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าเย่ซือซือดูจะชอบมาก หัวใจดวงน้อยของแรบบิทก็ได้รับการเยียวยาอีกครั้ง
เธอรีบเปิดกล่องที่ฉินชิวหลานนำมา หยิบคัพเค้กถั่วออกมาหนึ่งชิ้น ส่งมันให้เย่ซือซือ
เย่ซือซือมองคัพเค้กชิ้นนี้ ในที่สุดก็ยิ้มหน้าบาน
เธอรับมา แล้วก็กินไปคำใหญ่โดยไม่ลังเล กินไปพลางลูบผมแรบบิทไปพลาง
“ขอบคุณนะแรบบิท อร่อยมากจริงๆ ด้วย”
กระเพาะที่หิวไส้แทบขาดของเธอ ในที่สุดก็ได้รับการบรรเทา
รสชาติเค้กก็อร่อยมาก คล้ายว่าจะเป็นของอร่อยที่สุดที่ชีวิตนี้เธอได้กินมาเลย แล้วยังเป็นของที่เจ้าเพื่อนตัวน้อยให้มาด้วย
เย่ซือซือกินด้วยความรวดเร็ว เพียงสองคำก็หมดเกลี้ยง
“พี่สาว กินอีกชิ้นไหมคะ?”
แรบบิทนั้นได้ส่งคัพเค้กมาไว้ตรงหน้าเย่ซือซือแล้วเรียบร้อย
เย่ซือซือที่ยังกินได้ไม่ถึงครึ่งกระเพาะไหนเลยจะปฏิเสธได้ลง เธอรับมาแล้วทานต่ออย่างไม่ลังเล
กลิ่นหอมของเค้กอบอวลไปทั้งห้อง เป็นเหตุให้ทุกคนพากันชำเลืองตามอง
และ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนหิวท้องร้องกันแทบทุกคน
ไม่ได้กินยังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อได้ดมกลิ่นหอมของเค้กที่ทำให้คนก่ออาชญากรรมได้แล้ว ช่างเป็นการท้าทายการควบคุมตัวเองจริงๆ
สิบคน ก็มีแปดคนแล้วที่ลอบกลืนน้ำลายอยู่เงียบๆ
เย่ซือซือกินมาถึงก้อนที่สาม ในที่สุดก็ไม่รู้สึกหิวขนาดนั้นแล้ว จึงรู้สึกได้ถึงสายตาอิจฉาริษยาด้วยความหิวโหยที่มองทอดลงบนร่างเธอบ่อยๆ เหล่านั้น
เธอนิ่งค้างอยู่ในท่ากินด้วยความงุนงง
เธอเหมือนกับว่าจะก่อความอาฆาตแค้นขึ้นมาไม่น้อยไปโดยปริยาย เคียดแค้นอาฆาตเสียยิ่งกว่าหนีออกจากที่นี่เพื่อไปกินข้าวข้างนอกอีก
ล้วนเป็นเพื่อนร่วมงานที่หลังจากนี้ยังต้องทำงานด้วยกัน เธอไม่อยากสร้างความลำบากให้ผู้อื่นเป็นบ้าเป็นหลังหรอกนะ
เย่ซือซือขบคิดคร่าวๆ มองเห็นว่าเค้กในกล่องของฉินชิวหลานยังมีเหลืออีกมาก ก็เอ่ยเสียงอ่อนโยนกับแรบบิทว่า
“แรบบิท ของกินน่ะ ต้องแบ่งปันกับทุกคนนะ ถึงจะอร่อย หนูอย่างแบ่งให้พวกเขากินไหม?”
แรบบิทหันหน้าไปมอง พยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู
จากนั้นเธอก็หยิบเค้กรสสตรอว์เบอร์รีบนถาดของตัวเองขึ้นมา ค่อยๆ ขยับเขยื้อนไปข้างเตียง ปีนขึ้นม้านั่งตัวเล็ก ยกมือเล็กสั้นขึ้นเพื่อยื่นเค้กไปถึงปากของโห้หลีเฉิน
“ปาปาขา หนูป้อนเค้กนะคะ”
แพทย์ทุกท่าน “…”
การโจมตีระยะประชิดเลยเหรอเนี่ย!
พวกเขาล้อมรอบเตียง มองคัพเค้กก้อนนั้นจนตาแดงฉาน
หิวหิวหิว
แบบที่น้ำลายจะไหลออกมาอยู่แล้ว
สีหน้าของโห้หลีเฉินราบเรียบหาใดเปรียบ ยื่นมือไปรับเค้กมา แล้วก็กัดหนึ่งคำ
เขาลูบใบหน้ารูปไข่ดวงน้อยของแรบบิทอย่างอ่อนโยน “อร่อยมาก”
เย่ซือซือเห็นภาพนี้ก็กุมหน้าอย่างขมขื่น
หมดหนทาง เธอพยายามแล้ว ความแค้นนี้ยังเพิ่มขึ้นมาด้วย
โห้หลีเฉินมองเย่ซือซืออย่างไม่ทิ้งร่องรอย แววตาลึกซึ้งยิ่ง
เขาเอ่ยกับแรบบิทด้วยความเอ็นดู
“หนูเอาเค้กแบ่งให้คนอื่นกินด้วยก็ได้นะ มีคุณอาคุณน้าอยู่ตรงนี้ตั้งมาก ก็คงอยากกินด้วยเหมือนกัน”
แรบบิทกะพริบตาปริบ มองคุณอาคุณน้าที่รายล้อมเตียง
ไม่ได้กินเค้ก เหมือนว่าก็อยากกินมากๆ เหมือนกัน ท่าทางดูน่าสงสาร
“ยายฉิน เอาเค้กในกล่องแบ่งให้ทุกคนกันเถอะค่ะ”
แรบบิทไม่ได้แบ่งให้ด้วยตัวเอง
เธอไม่คุ้นเคยกับพวกเขานัก และก็ไม่ได้รู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ แล้วจะไม่ให้เค้กพวกเขาทีละคนๆ เพื่อเอาใจใครด้วย
ที่เธอให้เค้กไป เพียงเพราะเธอชอบเย่ซือซือมาก เมื่อชอบ ก็อยากอยู่ใกล้เธอ
เค้กสตรอว์เบอร์รีในจานเล็กของแรบบิทไม่ขยับเขยื้อน
เธอหยิบขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น ค่อยเดินไปตรงหน้าเสิ่นเคอหาน แล้วยื่นคัพเค้กให้เขา
“พี่ชายคะ หนูให้กิน”
เธอยิ้มหวาน นัยน์ตาดุจไข่มุกดำเปล่งประกาย
เสิ่นเคอหานประหลาดใจอย่างมาก และยิ่งรู้สึกตกใจที่ถูกเอาใจด้วยเล็กน้อย ไม่คิดว่าเจ้าเพื่อนตัวน้อยนี้จะเข้ามาใกล้ชิดกับเขาด้วย
เขามองออก แม้เด็กคนนี้จะยังเล็ก ทว่ามีความคิดเป็นของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม คนที่ไม่ชอบ ก็จะไม่มีทางเข้าใกล้เลย
หรือว่าแรบบิทก็ชอบเขาเหมือนกัน?
ตามีแววจริงๆ !
ความอึดอัดเต็มอกของเสิ่นเคอหานสลายหายไปในพริบตา “ขอบคุณนะหนูน้อยแสนน่ารักแรบบิท”
เมื่อเห็นเขากินเค้กไปคำหนึ่ง บนใบหน้าของแรบบิทก็ปรากฏรอยยิ้มกว้าง ดวงตาหยีโค้ง
มีความสุขมากๆ
โห้หลีเฉินเพิ่งกินเค้กไป รสหวานในปากพลันเปลี่ยนเป็นรสขมฝาดในพริบตา
และยังมีไฟที่ค่อยๆ ผุดขึ้นมาในทรวงอก
ยัยตัวน้อยนี่ทำไมตาถึงไร้แววได้ขนาดนี้ แม้แต่รูขุมขนเดียวยังรังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ!
แล้วยังให้เขากินเค้กสตรอว์เบอร์รีอีก!
เสิ่นเคอหานมันมีดีอะไร
โห้หลีเฉินขุ่นเคือง ขบคิดอย่างจริงจัง เขาเปิดห้องเรียนให้แรบบิทแล้ว สอนให้เธอรู้วิธีแยกแยะคนโหลยโท่ยที่น่ารังเกียจ