เขาไม่ชอบใกล้ชิดกับคนมากขนาดนี้
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ไม่ชอบ
สีหน้าของเขาดูแย่มาก จ้องเขม็งไปยังแรบบิทอย่างเย็นชา แววตากำลังเตือนเธอให้รีบถอยออกไป
แต่แรบบิทกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ นัยน์ตาสีดำกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างอารมณ์ดี แถมยังใช้มือเล็กๆ ชี้ออกไปด้านนอกด้วย
“พี่คะ พี่รีบดูเร็ว จุดที่แดงๆ ตรงนั้น มันเป็นดอกไม้สวยๆ ที่อยู่เต็มภูเขาใช่มั้ยคะ?”
โห้หยูเซิง “……” ปากเล็กๆ เม้มเเรงยิ่งกว่าเดิม
เขายังคงจ้องไปที่แรบบิท ใช้สายตาตักเตือน
“จุดขาวๆ ที่อยู่บนภูเขานั่นใช่อัลปาการึเปล่า? ว้าว ในที่สุดหนูก็ได้เห็นอัลปากาตัวเป็นๆ แล้ว”
แรบบิทดีใจจนสีหน้าเป็นประกาย ร่างกายเล็กๆ ขยับเข้าใกล้หน้าต่างอีกครั้ง เสื้อผ้ากระโปรงนั้นแทบจะโดนตัวโห้หยูเซิงแล้ว
ใบหน้าเล็กๆ ของโห้หยูเซิงบึ้งดึงยิ่งกว่าเดิม จนอยากที่จะลุกออกจากตรงนี้แล้ว
แต่พอเขาเริ่มขยับ มันกลับเข้าใกล้แรบบิทมากยิ่งขึ้น ถ้าเขาต้องการที่จะลุกออกจากตรงนี้ ก็จำเป็นต้องสัมผัสกับแรบบิทก่อน
คิ้วเล็กๆ ของโห้หยูเซิงขมวดเป็นปม และกำลังลังเลอย่างเข้มๆ
แรบบิทนั้นไม่รู้เลยว่าในใจของโห้หยูเซิงนั้นกำลังตีกันอย่างหนัก แล้วเธอยังชวนเขาดูอย่างชอบใจอีก “พี่คะ พี่รีบดูนี่เร็วอัลปากามันน่ารักจริงๆ เลยนะคะ”
โห้หยูเซิงกำลังจ้องเขม็งไปที่ระยะห่างระหว่างเธอกับเขา แล้วครุ่นคิดอย่างจริงจังต่อไป ว่าจะลุกหรือไม่ลุกดี
เย้นหว่านที่กำลังนั่งมองเด็กน้อยทั้งสองจากทางด้านหลัง แววตาก็เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
แต่หัวใจก็ยังเหนื่อยล้าอยู่ดี
แรบบิทเป็นเด็กที่ค่อนข้างสดใส ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มอยู่ทั้งวัน ทั้งฉลาดทั้งมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นเด็กที่ดีเยี่ยมที่สุดแล้วแต่พอหันมองมาที่โห้หยูเซิง ก็ยิ่งทำให้เขาดูเป็นเด็กที่เคร่งขรึมและเก็บตัวมากขึ้น ดูไม่เหมือนเด็กเลยสักนิด
ทั้งที่อายุยังน้อย เขาไม่ควรต้องมาพบเจอกับอะไรแบบนี้เลย
เย้นหว่านรู้สึกหนักใจ กุมมือของโห้หลีเฉินเอาไว้ แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “คุณมีความมั่นใจมากแค่ไหนว่าจะสามารถรักษาหยูเซิงให้หายได้คะ?”
โห้หลีเฉินกุมมือของเย้นหว่านกลับ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างถึงที่สุดว่า
“ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”
เย้นหว่านหันไปมองเขา หินก้อนใหญ่ที่ทับอยู่ในใจก็ได้เบาลงไปมาก
ร้อยเปอร์เซ็นต์
จู่ๆ เธอก็รู้สึกคาดหวังขึ้นมาอย่างร้อนใจ อยากให้วันที่โห้หยูเซิงหายป่วยมาถึงเร็วๆ
ถึงตอนนั้น โห้หยูเซิงก็จะเป็นเหมือนแรบบิท ยิ้มออกมากว้างๆ ซุกอยู่ในอ้อมกอดของเธอ แล้วเรียกเธอว่าแม่
ภาพแบบนี้ แค่คิดก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว
ตลอดการเดินทาง ได้ผ่านไปพร้อมกับเสียงจ๊อกๆ แจ๊กของแรบบิท
โห้หยูเซิงสีหน้าเคร่งขรึม สับสนลังเล สุดท้ายไปถึงที่หมายและลงจากเครื่อง ก็ยังตัดสินใจไม่ได้
แต่ก็ยังดีที่แรบบิทได้วิ่งออกไปเอง เขาจึงสบายใจขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง
เพียงแต่ พอลงจากเฮลิคอปเตอร์ และที่ที่นั่งรถไป มันก็ทำให้คิ้วเล็กๆ ของเขาขมวดขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะสิ่งที่เห็นคือ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขาไม่เคยมาเยือนเลย ข้างในถูกตกแต่งด้วยสีสันที่จัดจ้านยังพอว่า แต่คนนี่สิยั้วเยี้ยเต็มไปหมด!
แค่จะเดินก็ต้องสัมผัสกับคนอื่นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างไร้ยางอาย เสียงดังวุ่นวายไปหมด ทำเอาหูเริ่มรู้สึกเจ็บแล้ว
แวบแรกที่โห้หยูเซิงเห็น ก็รู้สึกต่อต้านและเกลียดที่แห่งนี้มาก
เขาทำหน้าบึ้งตึง แล้วกำลังจะบอกว่าไม่เข้าไป ทันใดนั้น เสียงที่ดีอกดีใจของแรบบิทก็ได้ดังขึ้นตรงข้างหู
“ว้าว ที่นี่มันสวยจังเลย! หนูชอบมากเลยค่ะ แม่พ่อพี่ชาย พวกเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”
แรบบิทอารมณ์ดีสุดๆ กระโดดดึ๊งดึ่งแขนเสื้อของโห้หยูเซิงแล้ววิ่งเข้าไปข้างใน
โห้หยูเซิง “………” จะปฏิเสธมันก็สายไปเสียแล้ว
ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ชอบพูดอะไรมากมายอยู่แล้ว ส่งผลให้ ปากที่พยายามขยับอยู่หลายครั้ง จนสุดท้ายถูกดึงเข้าไปด้านในแล้วก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
โห้หลีเฉินจูงมือของเย้นหว่าน เดินตามอยู่ข้างหลังของเด็กทั้งสอง
“ว้าว เด็กสองคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใครเนี่ย? น่ารักอะไรอย่างนี้!”
“พวกเขาเป็นตุ๊กตาเหรอ?หน้าตาดูดีอะไรอย่างนี้”
“อยากเข้าไปรู้จัก อยากเข้าไปอุ้มอยากเข้าไปหยิกแก้มจังเลย”
พวกโห้หยูเซิงเดินเข้าไปในสนามเด็กเล่นได้ไม่นาน ก็สามารถดึงดูดความสนใจของพวกป้าๆ กับพี่สาวได้เป็นจำนวนมาก พวกเธอต่างมองดูเด็กทั้งสองด้วยความรักใคร่
แรบบิทนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรกับสายตาเหล่านั้นเลย เธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด ได้แต่เดินต่อไปอย่างอารมณ์ดี
แต่โห้หยูเซิงกลับรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม
รู้สึกราวกับทั่วร่างกำลังถูกทิ่มแทง
เขาอยากออกจากที่บ้าๆ แบบนี้
แต่แขนเสื้อยังถูกดึงไว้ สะบัดก็สะบัดไม่ออก
สีหน้ากับอารมณ์ของเขาจึงแย่หนักยิ่งกว่าเดิม
“คนนั้นเป็นพี่ชายเหรอ? หน้าเข้มมากเลย ดูเท่มากๆ โตไปต้องหล่อมากแน่ๆ เลย”
“ตอนนี้ก็เป็นหนุ่มน้อยสุดหล่อแล้วไม่ใช่เหรอ? หน้าตาโคตรหล่อเลย หล่อเกินหน้าเกินตาเด็กทั่วไปแล้ว”
“อยากพากลับไปด้วยจริงๆ เลย……”
“พ่อแม่ของเขาตามอยู่ข้างหลังนะ เห็นพ่อหนุ่มสุดหล่อคนนั้นมั้ย ต้องเป็นพ่อแม่ของพวกเขาแน่ หน้าตาก็ดีสุดๆ เหมือนกัน”
” ความหล่อของเขาเจิดจ้าจนตาฉันแทบบอดแล้ว ”
ผู้คนพูดคุยอย่างตกใจจนร้องครวญครางออกมา ทำให้บรรยากาศดูคึกคักมาก
เย้นหว่านที่มองดูเด็กสองคนที่อยู่ตรงหน้า ก็ได้พูดอย่างไม่สบายใจว่า
“ที่นี่มีคนสนใจเรามากขนาดนี้ ถ้าถูกถ่ายรูปแล้วเอาไปปล่อยลงเน็ต หยูฉู่สองก็อาจจะสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วก็ได้นะคะ”
ถ้าถึงตอนนั้นพวกเธอก็จะไม่ปลอดภัยแล้ว
การออกมาในครั้งนี้ ก็ไม่ได้พาคนมาด้วยมากมาย
โห้หลีเฉินเม้มปากแล้วยิ้ม “วันนี้ที่สวนสนุกได้จัดงานสานสัมพันธ์ของพ่อแม่กับลูกๆ ขึ้น ห้ามเล่นมือถือต้องอยู่กับลูกๆ เท่านั้น ในระหว่างที่มีรางวัล ก็มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ถ้าใครหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปรปภ.ก็จะเข้าไปหาทันที”
เย้นหว่านจ้องมองโห้หลีเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เธอกล้ารับรองได้เลยว่า กิจกรรมที่แปลกประหลาดแบบนี้ เขาต้องเป็นคนที่จัดเตรียมขึ้นมาแน่นอน!
ถึงว่าทำไมเขาถึงได้มั่นใจกล้าพาโห้หยูเซิงมาเล่นในสวนสนุกที่ผู้คนพลุกพล่านแบบนี้ แถมยังไม่กลัวใครเห็นอีก ถึงว่าทั้งๆ ที่มีคนหลงมากขนาดนั้น แต่หลับไม่มีใครหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปเลย
โห้หลีเฉินนั้นเป็นคนที่แผนสูงจริงๆ วางแผนทุกอย่างไว้อย่างแยบยล
เย้นหว่านนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลเลย แค่คอยดูแลเด็กน้อยทั้งสองให้ดีก็พอแล้ว
“พี่คะ หนูอยากไปดูโคมไฟกระต่ายนั่น พี่ช่วยไปเป็นเพื่อนหนูหน่อยได้มั้ยคะ?”
จู่ๆ เด็กน้อยสองคนที่อยู่ตรงหน้าก็หยุดเดินไม่ไปต่อ
แรบบิทจับแขนเสื้อของโห้หยูเซิงไว้ กะพริบตาปริบๆ แล้วออดอ้อนด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ
ตรงทางเข้าของโซนเล็กๆ ที่อยู่ทางด้านซ้ายของเธอ ในนั้นมีโคมไฟรูปกระต่ายแบบต่างๆ ตั้งอยู่มากมาย พวกมันค่อนข้างน่ารัก
แต่เนื่องด้วยพื้นที่ข้างในมันค่อนข้างแคบ มีคนอยู่ข้างในก็เยอะ เดินไปเดินมาจึงจำเป็นต้องเบียดกัน
พอโห้หยูเซิงเห็นภาพนี้เข้า ก็ไม่อยากที่จะเข้าไปแล้ว
เขายืนตัวเเข็งอยู่กับที่ ไม่ว่าแรบบิทจะดึงยังไง เขาก็ไม่ขยับเลยสักนิด
แรบบิทได้งัดกระบวนท่าออดอ้อนทุกอย่างที่มีออกมาใช้จนหมดแล้ว มันก็ยังไม่ได้ผล จนถึงขั้นก้าวเท้าเล็กๆ เดินตรงไปข้างหน้าแล้ว
แรบบิทสู้แรงเขาไม่ได้ ถ้าไม่ปล่อยแขนเสื้อของเขา ก็ต้องยอมเดินตามเขาไป
“พี่คะ……”
เธอรู้สึกแย่มาก จนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
โห้หยูเซิงยังคงเดินหน้าต่อไป
แรบบิทดึงอย่างยากลำบาก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเหลียวกลับไปมองเย้นหว่าน “แม่คะ”
เย้นหว่านยิ้มออกมา “พี่ชายเขาสนิทกับหนูมากกว่านะ”
ถ้าเธอจนปัญญา คนเป็นแม่ก็ยิ่งจนปัญญาเข้าไปใหญ่
แรบบิทสิ้นหวังขึ้นมาทันที
เธอทำปากจู๋อย่างน่าลำบากใจ แรงก็มีน้อยกว่าโห้หยูเซิง แต่ก็ไม่อยากปล่อยมือจากแขนเสื้อเขา จึงจำใจต้องเดินตามเขาไป
แต่ตลอดทาง เห็นได้ชัดว่าแรบบิทนั้นไม่ได้ร่าเริงเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว