เขาเป็นเสือน้อยอย่างนั้นเหรอ?
โห้หยูเซิงมองดูขนมสายไหมตรงหน้าที่ใหญ่ยิ่งกว่าหัวของเขา สีหน้าดูสับสนเล็กน้อยไปหลายวิ ถึงยอมยื่นมือออกไป รับขนมสายไหมเอาไว้
แรบบิทดีใจอย่างมาก แล้วรับขนมสายไหมรูปกระต่ายมาด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ อ้าปากเล็กๆ ออก แล้วกัดใบหูเข้าปากไป
โห้หยูเซิงจ้องมองเธอ จากนั้นก็อ้าปากอย่างสุภาพ แล้วกัดหูของเสือน้อยเข้าปากไป
เย้นหว่านที่มองดูเด็กทั้งสองคน หลงจนใจแทบจะละลายแล้ว
เธอนั้นมีบุญมากมายจริงๆ ที่ได้มีลูกๆ ทั้งสองคนนี้
เธอดึงแขนเสื้อของโห้หลีเฉิน สีหน้าเคลิบเคลิ้ม “คุณโห้คะ ฉันว่าฉันมีคนให้ติดตามใหม่แล้วค่ะ ”
มีใครเขาเป็นแฟนครับของลูกตัวเองด้วยเหรอ?
โห้หลีเฉินอยากยิ้ม แต่ก็ยังให้ความร่วมมือกับเธอมาก “หือ? ใครเหรอครับ?”
เย้นหว่านทำหน้าเทิดทูน “แซ่เย้น ชื่อหว่านค่ะ!”
โห้หลีเฉิน “???”
เย้นหว่าน “มีเพียงฉันที่สุดยอดแบบนี้ ถึงจะสามารถให้กำเนิดลูกๆ ที่น่ารักขนาดนี้ได้ ฉันนี่มันเป็นไอดอลของตัวเองชัดๆ!”
โห้หลีเฉิน “……” เอาที่คุณสบายใจเลย
เด็กสองคนนี้กินขนมสายไหมแล้วเดินหน้าต่อไป แรบบิทอารมณ์ดี แถมยังกินเร็วด้วย เพียงไม่นานก็กินขนมสายไหมที่ใหญ่กว่าหัวจนหมดแล้ว
ส่วนของโห้หยูเซิงยังเหลืออีกกว่าครึ่ง
เขาไม่ค่อยชอบกินของที่มันเลี่ยนแบบนี้ พอเห็นแรบบิทกินหมดแล้วโยนไม้เสียบลงไปในถังขยะ เขาถึงทิ้งขนมสายไหมที่เหลือลงในถังขยะด้วย
แรบบิททำหน้าเสียดาย แล้วพูดอย่างมีเหตุมีผลว่า “พี่คะ ทำไมไม่กินให้หมด แล้วทิ้งขว้างอาหารทำไมคะ? ปาปาเคยพูดไว้ การทิ้งข้างอาหารเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีนะคะ”
โห้หยูเซิงทำหน้าเคร่งขรึม
แรบบิทจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “แต่หนูไม่ฟังที่ปาปาพูดหรอกค่ะ คำพูดของพี่ชายต่างหากที่ถูก! ต่อไปหนูจะฟังพี่แค่คนเดียวเท่านั้น”
เธอยกมือเล็กๆ ขึ้นมากุมแก้ม เหมือนกับดอกไม้ที่เพิ่งผลิบาน น่ารักน่าเอ็นดู
โห้หยูเซิงไม่มีการตอบสนองใดๆ กับการประจบของเธอ และเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นอกมั่นใจ
“นี่ พี่ชาย พี่รอหนูด้วยสิคะ หนูอยู่ข้างหลังคนเดียวมันน่ากลัวนะ”
แรบบิทกาวขาเล็กๆ วิ่งตามเขาไป
เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินที่ยืนอยู่ข้างหลัง “……” เหมือนพวกเขานั้นกลายเป็นพื้นหลังกับคนแปลกหน้าไปแล้ว
ไม่มีตัวตนเลยสักนิด
เย้นหว่านยังหันมามองโห้หลีเฉินด้วยความเห็นอกเห็นใจมาก “ลูกสาวที่ตัวเองสั่งสอนมาสองปี จู่ๆ ก็โดนลูกชายของตัวเองแย่งไป ไม่ทราบว่าคุณโห้ในตอนนี้ รู้สึกยังไงบ้างคะ?”
“ชื่นใจมากๆ ครับ?” โห้หลีเฉินตอบ
เย้นหว่านสงสัย “ชื่นใจเหรอคะ?”
“ครับ” โห้หลีเฉินพยักหน้า เอามือไปโอบเอวของเย้นหว่าน แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด เขาก้มหน้าลง ริมฝีปากบางๆ แทบจะจูบลงมาที่แก้มของเธอแล้ว “แรบบิทไปวุ่นวายอยู่กับโห้หยูเซิง เราสองคนก็จะมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น”
พื้นที่ส่วนตัว!
เย้นหว่านก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งเหล่านั้นที่เขาทำกับเธอในช่วงที่ไม่มีใครอื่น ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม มันก็ทำให้เธอนั้นรู้สึกคอแห้งจนลิ้นไหม้ หน้าแดงจนบวมเป่ง หัวใจเต้นเร็วราวกับสายฟ้า
ผู้ชายคนนี้นี่ไม่ปกติเอาซะเลย
ไม่เหมือนคนเป็นพ่อเลยสักนิด
เธอผลักเขาออกด้วยความเขินอาย แล้วรีบตามเด็กสองคนนั้นไปทันที ไม่กล้าต่อปากต่อล้อต่อเถียงกับโห้หลีเฉินอีกต่อไปแล้ว
เธอกลัวว่าตัวเองจะคุมตัวเองไม่ได้
เดิมทีต้องเดินผ่านซอยของกิน แล้วเดินไปตามถนนเส้นหลัก จากนั้นก็ออกจากสวนสนุกไป
แต่ว่า แรบบิทที่เดินไปเดินมา ก็ไปพบกับสนามเด็กเล่นเข้า
นี่เป็นสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ ข้างในมีของเล่นอีกมากมายเต็มไปหมด กองทราย ชิงช้า สไลเดอร์ ลูกบอลโฟมและอื่นๆ อีกมากมาย
ที่เด็กๆ ต่างก็ชอบเล่น แรบบิทเองก็ไม่ต่างกัน
และในนั้นก็มีเด็กๆ กลุ่มหนึ่งกำลังเล่นอยู่แล้วด้วย ดูคึกคักกันมากเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่โห้หยูเซิงได้เห็นเด็กๆ ที่อายุไล่เลี่ยกับเขามากมายขนาดนี้
ด้วยสัญชาตญาณที่ใกล้ชิดกับคนรุ่นเดียวกัน เขาจึงไม่ได้รู้สึกไม่ชอบสถานที่แห่งนี้เท่าไหร่ และเมื่อถูกแรบบิทดึง เขาก็ได้ตามเข้าไปด้วยเหมือนกัน
“ว้าว สไลเดอร์ หนูอยากเล่น”
ทันทีที่แรบบิทเข้าไปก็ทำตัวเหมือนกระต่ายที่เพิ่งหลุดออกมา กระโดดดึ๋งๆ แล้วเตรียมที่จะวิ่งเข้าไปหาของเล่นต่างๆ
ถึงแม้โห้หยูเซิงจะไม่ค่อยรู้สึกต่อต้านเด็กๆ คนอื่นมากนัก แต่เขาก็ไม่มีทางไปสนิทหรือเข้าไปใกล้ ท่ามกลางเด็กๆ มากมาย เขาก็ยังเลือกที่จะตามแรบบิทไปอยู่ดี
“พี่คะ พี่ช่วยโยกชิงช้าให้หนูหน่อยนะคะ”
โห้หยูเซิงโยกเป็นพิธีไปทีหนึ่ง
“พี่คะ พี่ช่วยหยิบพลั่วให้หนูหน่อยนะ”
โห้หยูเซิงหยิบขึ้นมาอันหนึ่งแล้วโยนไว้ตรงหน้าเธอ
“พี่คะ……”
โห้หยูเซิงหันหน้ากลับไป จู่ๆ ก็มีลูกบอลโฟมหลายลูกถูกโยนมาที่หน้าของเขา ทำเอาเขาถึงกับงงไปเลย
ลูกบอลโฟมค่อยๆ หล่นลงพื้น แล้วเผยให้เห็นใบหน้าที่กำลังมีความสุขของแรบบิท
เธอชี้มาที่เขา “พี่คะ เรามาเล่นโยนหิมะกัน พี่ใช้โฟมโยนหนูสิคะ”
โห้หยูเซิง “……” ปัญญาอ่อน!
เขาเก็บลูกบอลโฟมขึ้นมาพอเป็นพิธี จากนั้นก็โยนใส่เธอไป
ลูกบอลโฟมมันเบามาก ไม่ค่อยมีแรงส่งเท่าไหร่ พอลอยถึงครึ่งทางมันก็หล่นลงพื้น
ส่วนแรบบิทก็ได้อุ้มลูกบอลโฟมกองใหญ่มาโยนใส่ที่ตัวที่หน้าของโห้หยูเซิงแล้ว
โห้หยูเซิงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย
แรบบิทกำลังยิ้มร่า “พี่คะ นี่คือการเล่น ห้ามโมโหนะคะ พี่เองก็สามารถโยนใส่หนูได้ ฮิฮิ” แรบบิทรีบโกยลูกบอลโฟมขึ้นมาจากพื้นอีกกองหนึ่ง และเตรียมที่จะโยนใส่โห้หยูเซิงอีกครั้ง
เส้นเลือดตรงขมับของโห้หยูเซิงนั้นเต้นตุบๆ
การละเล่นอะไรกัน เขาไม่เอาด้วย!
แต่เขาที่สื่อสารกับใครไม่ค่อยเป็น ได้แต่ยืนมองลูกบอลโฟมที่กำลังลอยมาอีกครั้ง จึงทำได้เพียงแค่หลบไปข้างหลัง
แรบบิทหัวเราะคิ้กคัก “พี่คะ พี่หนีไม่รอดหรอก หนูมาแล้วนะ”
โห้หยูเซิง “……”
ได้แต่วิ่งหนีต่อไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เขาพลาดไปแล้ว พลาดที่ไม่น่าเดินเข้ามาในสถานที่เฮงซวยที่ไม่ควรเข้ามานี่
“ว้าว พวกเธอดูเด็กน้อยที่น่ารักคู่นั้นสิ น่ารักเป็นบ้าเลย”
“ดูมีราศีมากเลย!”
“ที่สำคัญกว่านั้นคือ พี่ชายดูรักน้องสาวมากเลย เอาแต่ให้น้องสาววิ่งไล่ เล่นกันสนุกน่าดูเลย”
“ทนไม่ไหวแล้ว ลูกของฉันน่ารักสู้พวกเขาไม่ได้เลย ฉันอยากจะถ่ายไว้เป็นที่ระลึกจังเลย”
“แต่กฎของวันนี้นั้นห้ามเอามือถือออกมาถ่ายรูปนะ”
“ก็แอบเอาออกมาสิ ไม่มีใครเห็นหรอก”
พูดไป ผู้หญิงคนหนึ่งก็แอบหยิบมือถือออกมา ตั้งใจที่จะแอบถ่ายเด็กสองคนนั้น
ความสนใจของเย้นหว่านนั้นอยู่ที่เด็กสองคนนั้นตลอด รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยู่รอบๆ ด้วย สายตาที่แหลมคมของเธอก็สังเกตเห็นการกระทำของผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว
จะปล่อยให้รูปที่พวกเธอออกมาเที่ยวเล่นหลุดออกไปไม่ได้เด็ดขาด เย้นหว่านขมวดคิ้ว อยากเข้าไปขัดขวาง ทันใดนั้น เธอก็ได้เห็นรปภ.ร่างใหญ่คนหนึ่ง ทำหน้าเคร่งขรึม ตำหนิผู้หญิงที่หยิบมือถือออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ
“คุณผู้หญิงครับ ที่นี่ห้ามถ่ายรูปนะครับ ถ้าคุณทำผิดข้อบังคับ ก็จำเป็นต้องออกจากที่นี่ทันทีครับ”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนสะดุ้ง ทั้งที่เธอทำได้อย่างมิดชิดขนาดนั้น แต่ก็ยังถูกเห็นได้อีก
เธอยังไม่ทันได้เปิดกล้องเลยด้วยซ้ำ แต่รปภ.ก็ได้มาถึงก่อนแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาสวนสนุกนี่ ทำไมวันนี้ถึงได้เข้มงวดขนาดนี้เนี่ย?
เธอแอบสบถออกมาใจใน แต่ก็ยังพูดขอโทษไปตามน้ำ แล้วเก็บมือถือเข้าไปที่เดิม
หลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายนี้ขึ้น ผู้ปกครองหลายคนที่อยากจะถ่ายรูปก็ไม่กล้าหยิบมือถือออกมาเลย
เย้นหว่านอดไม่ได้ที่จะขำออกมา หันมองไปข้างๆ มองไปยังผู้ชายของเธอ