เธอรู้ว่ากว่าเขาจะยอมตกลงกับคำขอนี้มันยากมากแค่ไหน และจะเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน
แต่เขาก็ตามใจเธอเสมอ
ดวงตาของโห้หลีเฉินหนักอึ้ง สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “รายงานความปลอดภัยและสถานที่ที่คุณอยู่ให้ผมทุกๆ ห้านาที ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คุณต้องติดต่อผมให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความปลอดภัยของคุณคือเรื่องที่สำคัญที่สุด รู้ไหม”
เย้นหว่านพยักหน้า “ฉันรู้แล้วค่ะ”
จะให้ยังหาลูกๆ ไม่เจอ แล้วเธอถูกจับตัวไปอีกคนไม่ได้
พวกเธอทั้งสี่คน จะให้ใครเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด “คุณเองก็ต้องระวังด้วยนะคะ”
หลังจากที่ทั้งสองเตือนกันเสร็จ พวกที่ไล่ตามห่างออกไปเรื่อยๆ พวกเธอตามหาร้านขายเสื้อผ้าที่ใกล้ที่สุด แล้วพังประตูเข้าไป ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากนั้นโห้หลีเฉินก็ทิ้งเงินไว้หนึ่งก้อน ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเย้นหว่านอย่างเงียบๆ
พวกเขาแยกกันไปคนละทาง แล้วเริ่มออกตามหาทันที
เย้นหว่านอยากจะตามหาลูกๆ ใจจะขาด ก่อนจะรีบวิ่งออกไป โห้หลีเฉินมองแผ่นหลังของเธอ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น สุดท้าย เขาทำได้แค่มองที่จุดระบุตำแหน่งบนโทรศัพท์ แล้วหันหลังเดินไปอีกทาง
เนื่องจากในตอนกลางคืนข้างนอกมีคนไม่เยอะ ถ้าเดินคนเดียวบนถนนจะเด่นชัดเกินไป ถ้าเจอกับคนของตระกูลหยูกลางทางจะถูกสงสัยได้ง่าย
ดังนั้นเย้นหว่านจึงจงใจหยิบเหล้ามาหนึ่งขวด แล้วดื่มเล็กน้อย แก้มของเธอแดงก่ำ เหมือนเมาแล้ว
เธอเดินเซไปเซมาอยู่บนถนน เดินสะเปะสะปะ เหมือนคนเมาเหล้าทั่วไป
ระหว่างทางเธอได้เจอกับคนของตระกูลหยูจริงๆ แต่พอเห็นเธอเมาเหล้า จึงไม่ได้สนใจมากนัก แล้วเดินผ่านเธอไป
เย้นหว่านแอบมองแผ่นหลังของพวกเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วลูบหน้าอกของตัวเองเบาๆ เธอรีบเดินตรงไปข้างหน้า เพื่อตามหาลูกๆ ต่อไป
ขอบเขตในการตามหาของเธอไม่ได้กว้างมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ๆ โรงแรม
ตรงบริเวณมุมอับตามซอยแคบ หรือบริเวณชุมชน
แต่ว่า เย้นหว่านเดินตามหาจนเจ็บเท้าไปหมด แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของลูกทั้งสองคนเลย
ค่ำคืนอันเงียบสงัด มันหนาวเหน็บหัวใจมาก
เวลาผ่านไปยิ่งนาน เธอก็ยิ่งตื่นตระหนกและหวาดกลัวมากขึ้น ราวกับว่าหัวใจของเธอถูกควักออกไป ลมก็พัดผ่านตลอดเวลา
เด็กทั้งสองคนอายุยังน้อยขนาดนั้น พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหนได้?
หรือว่าจะถูกคนของตระกูลหยูจับตัวไปแล้ว?
หรือจะถูกคนไม่ดี ถูกลักพาตัวไปแล้ว? พวกเขาน่ารักขนาดนั้น จะทำให้คนคิดไม่ดีกับพวกเขาได้ง่าย
ถ้าถูกจับตัวไป โลกที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ เธอจะไปตามหาพวกเขาได้จากที่ไหน?
ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจมากขึ้น ปลายเท้าของเธอมีเหงื่อเย็นผุดออกมา แต่เหมือนตกอยู่ในนรก
“ตี๊ดตี๊ดตี๊ด ตี๊ดตี๊ดตี๊ด—”
ในคืนอันเงียบสงบ เย้นหว่านใจจะสลายอยู่แล้ว โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
คนที่โทรเข้ามาคือโห้หลีเฉิน
พวกเขาตกลงกันแล้วว่าจะรายงานความปลอดภัยของตัวเองผ่านทางแอปพลิเคชัน WeChat ในทุกห้านาที แต่พวกเขาไม่เคยโทรหากันเลย
ตอนนี้เขาโทรมา หรือว่าเขาหาลูกๆ เจอแล้ว?
เย้นหว่านหัวใจเต้นแรง รีบกดรับสายทันที
“คุณตามหาลูกๆ เจอแล้วใช่ไหมคะ”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์นิ่งเงียบไปสักพัก โห้หลีเฉินตอบกลับเสียงทุ้มต่ำและหดหู่ “ยังไม่เจอเลย”
ความหวังที่มีอยู่เต็มหัวใจของเย้นหว่าน แตกสลายไปในทันที
เธอเหมือนลูกบอลที่ไม่มีลม ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อน ท่ามกลางลมหนาวเย็นที่พัดผ่าน เธอรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอจะถูกแช่จนเป็นน้ำแข็ง
“ไม่ต้องห่วง เย้นโม่หลินได้พาคนมาใกล้จะถึงแล้ว ถ้าพวกเขามาถึงจะรีบปิดเมือง ไม่นานเราก็จะตามหาลูกๆ เจอ”
โห้หลีเฉินพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เย้นหว่าน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ทำไมคุณไม่ขยับเลย”
เย้นหว่านมองไปรอบด้านที่มืดมิด แต่ก็ไม่เห็นเงาของโห้หลีเฉินเลย
เธอถึงนึกขึ้นได้ ว่าเขาสามารถตรวจจับตำแหน่งแบบเรียลไทม์ของเธอได้
ดังนั้นก่อนหน้านี้หลายนาทีที่เธอไม่ขยับเลย เขากำลังเฝ้าดูเธออยู่ และคงคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ถึงได้โทรมาหาเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่เดินจนเหนื่อยนิดหน่อย ก็เลยนั่งพัก”
เสียงของเย้นหว่านต่ำมาก
แม้จะพยายามอดกลั้นสุดกำลัง แต่ก็ยากที่จะปกปิดหัวใจที่กำลังจะแตกสลายลงไป
“งั้นคุณรอผมอยู่ที่นั่น ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”
พูดไปด้วย ทางฝั่งโห้หลีเฉินก็มีเสียงเดินเร็วและมีเสียงลมพัดมาตามสาย
เย้นหว่านรีบห้ามไว้ก่อน “ไม่ต้องมาหาฉันค่ะ คุณตามหาลูกต่อไป หลังจากฉันหายเหนื่อยแล้วจะไปหาพวกเขาต่อ ไม่ต้องห่วงฉัน ตอนนี้ลูกๆ สำคัญที่สุด”
“แต่ว่าเย้นหว่าน…”
“โห้หลีเฉิน ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ”
เย้นหว่านพูดขัดโห้หลีเฉินด้วยน้ำเสียงจริงจัง
โห้หลีเฉินถอนหายใจอย่างจนปัญญา หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ยอมพยักหน้าตกลง “คุณนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะต้องหาลูกๆ เจอแน่นอน”
หลังจากพูดปลอบเย้นหว่านเสร็จ โห้หลีเฉินถึงได้วางใจกดวางสายไป
พอไม่มีเสียงของโห้หลีเฉิน หูของเธอก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่างเปล่า
เย้นหว่านเงยหน้ามองดูความมืดมิดรอบตัว ลมเย็นพัดเข้ามา รู้สึกแค่ว่านิ้วเท้า และนิ้วมือของเธอแข็งไปหมดแล้ว
หัวใจของเธอหวาดหวั่น เหมือนจะกระเด็นออกมาจากอกได้
เธอแทบจะตกลงไปในห้วงแห่งความสิ้นหวัง
ลูกอยู่ที่ไหน?
เธอรู้สึกว่าเธอจะหาพวกเขาไม่เจอแล้ว
พวกเขาจะทนทุกข์ทรมานอยู่ในที่ที่เธอมองไม่เห็น
“เฮ้ คุณกำลังตามหาลูกอยู่หรือเปล่า”
ในขณะนี้เอง มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาในความมืด
เย้นหว่านมองไปตามเสียงอย่างประหลาดใจ ก่อนจะเห็นร่างบางส่วนสูงน่าจะประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบเซนติเมตร กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ในความมืด ดูไปแล้ว น่าจะเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปี
เธอถามอย่างระวังตัว “ทำไมนายถึงถามอย่างนั้น?”
“ผมสังเกตคุณมานานแล้ว คุณไม่ได้เมา แต่เหมือนกำลังตามหาคนอยู่เงียบๆ ”
ระฆังเตือนในใจของเย้นหว่านดังขึ้นมา เธอรีบลุกขึ้นทันที แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ จับอุปกรณ์ป้องกันตัวในกระเป๋าไว้ในมือ
เด็กหนุ่มเดินตามเธอมาเป็นเวลานาน แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นเลย
“นายต้องการอะไร?”
“ผมไม่มีได้เจตนาร้าย”
เด็กหนุ่มยังคงยืนอยู่ในเงามืด เหมือนคุ้นชินกับความมืดแล้ว “ผมเห็นเด็กอายุประมาณหนึ่งขวบกว่าสองคนเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วพวกเขาถูกลักพาตัวขึ้นรถไปแล้ว ผมอยากจะถามว่าใช่ลูกของคุณหรือเปล่า”
เลือดในตัวของเย้นหว่านร้อนระอุขึ้นมาทันที
เด็กอายุประมาณหนึ่งขวบกว่าสองคน ถูกลักพาตัวพาขึ้นรถไปแล้ว!
เธอไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว รีบพุ่งเข้าไปในเงามืด จับแขนของเด็กหนุ่มไว้อย่างร้อนใจ
“นายเห็นตรงไหน แล้วรู้ไหมว่าพวกเขาจับตัวไปที่ไหน ไม่ใช่สิ นายจำเลขทะเบียนรถได้ไหม”
เด็กหนุ่มดิ้นรนอย่างไม่สบายตัว ด้วยความที่มีเรี่ยวแรงไม่พอ จึงดิ้นหนีออกจากเย้นหว่านไม่ได้
เขารู้สึกอึดอัดมาก “คุณปล่อยผมก่อน แล้วผมก็บอก”
เย้นหว่านร้อนใจมาก แต่ก็ยอมปล่อยตัวเด็กหนุ่มไปอย่างไม่เต็มใจ แล้วพูดเร่งเร้า “บอกฉันเร็วๆ เข้า”
“ตรงถนนข้างโรงแรมรอลยี่ เป็นรถสีดำไม่มีป้ายทะเบียน”
เธอเหมือนถูกน้ำเย็นราดหัว เย้นหว่านรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว ความรู้สึกกลัวจนถึงขีดสุดทิ่มแทงไปที่หัวใจของเธอ
ตรงถนนข้างโรงแรม เธอวนหาอยู่หลายรอบแล้ว แต่ก็พลาดไป
หยูเซิงกับแรบบิทถูกจับตัวไปก่อนแล้ว!
รถสีดำที่ปรากฏขึ้นมากลางดึกจะเป็นของฝีมือของตระกูลหยูหรือเปล่า?
เธอต้องรีบไปหาโห้หลีเฉินเดี๋ยวนี้ แล้วบอกเรื่องนี้ให้เขารู้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ก็ต้องพาหยูเซิงกับแรบบิทจากเงื้อมมือของตระกูลหยูให้ได้!
เย้นหว่านทำท่าเหมือนจะเดินจากไป แต่เด็กหนุ่มรีบห้ามไว้ซะก่อน
“รอเดี๋ยว ผมรู้ว่าพวกเขาถูกพาตัวไปที่ไหน”
ฝีเท้าของเย้นหว่านหยุดชะงักไปทันที