“นายไม่ต้องสนใจเขา รีบมาช่วยเร็ว”
เย้นหว่านพูดกับเด็กหนุ่มอย่างรีบร้อน เธอกำลังพยายามพยุงโห้หลีเฉินให้ลุกขึ้น
เมื่อกี้นั่น เขาได้รับบาดเจ็บหนัก กระดูกสันหลังไม่รู้หักไปกี่ซี่
เด็กหนุ่มถึงจะหันหน้ามา รีบเข้ามาช่วย
สีหน้าโห้หลีเฉินซีดราวกับกระดาษ ขมวดคิ้วแน่น ไม่คิดเลยจริงๆ เขาจะมาล้มเหลวอยู่ที่นี่ ได้รับบาดเจ็บหนัก
ฝีมือของผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมาก
ป่ายฉีเป็นไปได้มากที่จะเอาไม่อยู่…
หากเขากับป่ายฉีร่วมมือกัน น่าจะได้ แต่ว่าตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บหนัก สถานการณ์แบบนี้ ได้แต่ต้องพึ่งป่ายฉีช่วยรั้งเอาไว้
แขนของโห้หลีเฉินพาดอยู่บนตัวของเย้นหว่าน พยุงตัวยืนขึ้น
สายตาเขาเย็นชา ตัดสินใจอย่างสงบนิ่ง “ที่นี่ให้ป่ายฉีรั้งเธอเอาไว้ เราเข้าไปตามหาแรบบิทกัน”
หากว่ารออยู่ที่นี่ ไม่รู้การต่อสู้นี้อีกนานแค่ไหนถึงจะจบลง ยิ่งไม่รู้ว่า ใครจะแพ้หรือชนะ
ถ้าหากป่ายฉีชนะ ก็ดีหน่อย แต่ถ้าหากผู้หญิงชนะ พวกเขาไม่เพียงแต่หมดหนทางไปตามหาแรบบิท แถมยังจะตายอยู่ที่นี่กันหมด…
ตอนนี้หาแรบบิทให้เจอก่อน ถ้าอีกสักพักป่ายฉีพ่ายแพ้ พวกเขาก็อาจจะยังสามารถหนีออกไปได้
เย้นหว่านเห็นป่ายฉีเลือดเต็มหน้า แต่ว่าสู้กับผู้หญิงอย่างคล่องแคล่ว ครู่หนึ่งก็ไม่เห็นแสดงความอ่อนแอออกมา ก็ไม่ได้เป็นห่วงมากแล้ว
เธอมองดูโห้หลีเฉินอย่างกังวล “คุณยังไหวมั้ย? แผลของคุณ…”
“ไม่เป็นไร ก็แค่พึ่งจะบาดเจ็บ ความเจ็บปวดยังไม่คลายลง เลยยืนไม่อยู่ อีกสักพัก ก็ทรงตัวอยู่ได้แล้ว”
ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้กลับยังฝืนทนไว้อีก เย้นหว่านน้ำตาคลอ เกลียดที่ตัวเองมีความสามารถน้อยนิด
เธอหยิบอาวุธบนตัวออกมา กำไว้ในมือแน่น
“ฉันจะปกป้องคุณอย่างสุดความสามารถของฉัน ช่วยแรบบิทออกมา”
พวกเขาไม่มัวเสียเวลา เดินเข้าไปข้างใน
ป่ายฉีรั้งผู้หญิงเอาไว้สู้อยู่ด้วยกัน
อาวุธที่จัดการคนสิบคนได้ภายในวินาทีที่ป่ายฉีและโห้หลีเฉินใช้ก่อนหน้านี้ จะต้องผ่านการฝึกแบบพิเศษมาก่อนถึงจะใช้ได้ เลยไม่สามารถเอาให้เด็กหนุ่มได้ เลยให้อาวุธที่คล่องมืออย่างอื่นให้เขา
ต่อจากนี้ ได้แต่ต้องให้เขาเปิดทางให้
ดีที่ ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน พวกบอดี้การ์ดก็ยิ่งน้อยลง ส่วนใหญ่เป็นหมอวิจัยที่ใส่เสื้อกาวน์สีขาว จัดการได้ง่าย
เย้นหว่านก็หายาบางอย่างตามทาง ให้โห้หลีเฉินใช้ชั่วคราวไปก่อน
พวกเขากำลังเดินไปด้านหน้า ขณะนั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างหวาดกลัวของเด็กผู้หญิง
เสียงร้องไห้นั้นคุ้นเคยเป็นพิเศษ
“แม่ ปาปา ช่วยด้วย ฮือๆๆ อย่างแทงหนูเลย ปาปาหนูกลัว…”
เย้นหว่านแข็งทื่อในทันที ตาเบิกโพลงอย่างตกใจ
“เป็นแรบบิท!”
คือเธอ
เธอบอกว่าแทงเธอ หรือว่ากำลังฉีดยาให้เธอหรอ?
เย้นหว่านเย็นวาบไปทั้งตัว เร่งความเร็วและวิ่งไปข้างหน้าอย่างตื่นตระหนก
เธอกลัวสุดขีด ใจเต้นจนจะหลุดออกมานอกลำคอ
ฉีดยา
นั่นมันยาที่ตายเป็นร้อยไม่มีใครรอดเลยสักคน
นั่นมันของเลวร้ายถึงชีวิตนะ
คนพวกนี้กำลังฉีดยาให้แรบบิทจริงๆ เธอจะยังไปทันหรือเปล่า?
เย้นหว่านวิ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง เส้นประสาทในสมองเกือบจะแตกขาด
โห้หลีเฉินกินยาเข้าไป ก็บรรเทาลงมาก ฝืนเดินด้วยตัวเองได้ พอได้ยินเสียงของแรบบิท ก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
สีหน้าเดิมที่นิ่งเฉยของเขาเปลี่ยนไปมาก ไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย ก้าวเท้าใหญ่ๆไปทางต้นกำเนิดเสียงของแรบบิท
มีแค่เด็กหนุ่มเท่านั้น พอได้ยินเสียงแล้ว ก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ใบหน้าของเขาซีดขาว มองไปข้างหน้าด้วยแววตาสั่นไหว
เขาพึมพำ “ไม่ทันแล้ว…”
ฉีดยาไปแล้ว ยาชนิดนี้ขอแค่ฉีดไปแล้ว ชีวิตของเด็กคนนี้ ก็เปลี่ยนไปแล้ว
อาจจะตาย หรืออาจจะกลายเป็นเครื่องจักรฆ่าคน
เย้นหว่านไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจว่าจะมีคนหรือไม่มีคน มุ่งไปทางแรบบิทอย่างบ้าคลั่ง
เสียงดัง “พรึ่บ” เธอเปิดม่านด้านในสุดออก
จากนั้นก็เห็น…
บนเตียงผ่าตัดธรรมดาๆ มีคราบเลือดบางส่วนติดอยู่บนนั้น แล้วก็มีเสื้อคลุมของแรบบิทที่ถูกฉีกขาด
แต่ว่าข้างในกลับว่างเปล่าไม่มีใครสักคน
“แรบบิท? แรบบิท?”
เย้นหว่านพุ่งเข้าไปหาคนอย่างรีบร้อน เมื่อกี้เธอได้ยินชัดเจน ได้ยินเสียงของแรบบิท
ทำไมถึงไม่มีคนเลยล่ะ?
เธอมองไปรอบๆ แต่ว่าม่านทุกบานล้วนเปิดออกหมดแล้ว ก็ไม่มีใคร
ขณะนั้น โห้หลีเฉินเดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งขรึม ในมือของเขาคว้าคุณหมอที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวคนหนึ่งไว้ ซึ่งโดนเขาซ้อมจนเกือบตายแล้ว
เขาซักถามอย่างเย็นชา: “เด็กที่อยู่ในนี้ล่ะ?”
หมอคนนั้นเลือดไหลออกจากปาก กลับกัดฟันตอบว่า: “ฉันไม่รู้”
เย้นหว่านดวงตาแดงก่ำ
โห้หลีเฉินหยิบมีดพกขึ้นมาแล้วแทงลงบนตัวของคุณหมอ หมุนอย่างช้าๆ คุณหมอร้องเสียงดังทันที แต่กลับถูกโห้หลีเฉินใช้บางอย่างอุดปากเอาไว้
เขาเจ็บจนกระตุกไปทั้งตัว
หลังจากนั้น โห้หลีเฉินถึงจะดึงของออกจากปากของเขา ถามอย่างเย็นชา:
“บอกมา”
คุณหมอเจ็บจนจะเป็นบ้า ไม่สนใจอย่างอื่นอีก รีบอธิบาย
“เมื่อกี้ด้านบนมีคนมา พาตัวเด็กคนนั้นไปแล้ว”
โห้หลีเฉิน: “ตอนพวกเราเข้ามาทำไมถึงไม่เจอใคร?”
“พวกเขามาจากทางนั้น”
คุณหมอชี้ไปอีกทางหนึ่งอย่างตัวสั่น พอมองอย่างละเอียดก็เห็นว่า มีประตูที่ไม่เป็นที่สังเกตอยู่บานหนึ่ง
มิน่าล่ะเมื่อกี้ถึงคลาดกัน
เย้นหว่านกำลังจะตามไป แต่ตอนที่กำลังยกเท้า ก็หยุดลง หันมามองคุณหมอ ถามเขาอย่างเสียงสั่น
“เด็กผู้หญิงคนนั้น เธอ…เธอถูกฉีดยาไปแล้วรึยัง?”
คุณหมอตอบอย่างตัวสั่น “ฉีดไปแล้ว”
เย้นหว่านตรงหน้าดำมืด สองขาอ่อนแรงจนล้มลงนั่งกับพื้น แค่รู้สึกเหมือนว่ากำลังจมลงในถ้ำน้ำแข็งทันที
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วแน่น เพราะต้องจับกุมคุณหมอ เลยไม่สามารถไปพยุงเย้นหว่านได้
เขาทำได้แค่ตะโกนหาเธอ “ที่รัก อย่ากลัว แรบบิทไม่เป็นอะไรหรอก”
ขณะพูด เขาก็ถามคุณหมออีก “ปฏิกิริยาของเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง จะมีชีวิตรอดหรือไม่?”
คุณหมอส่ายหน้า “เพิ่งจะฉีดยายังดูไม่ออก ต้องรอครึ่งชั่วโมงจากนี้ถึงจะรู้ว่าเป็นหรือตาย”
ครึ่งชั่วโมงจากนี้
เย้นหว่านสั่นไปทั้งตัว ทุกวินาที ณ ตอนนี้ เธอล้วนทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็น
สุดท้ายเธอก็มาช้าไป ทำให้แรบบิทถูกฉีดยานั่น
เธอยังเด็กขนาดนั้น จะเป็นยังไงบ้าง?
เธอไม่อยากจะคิดว่าแรบบิทกลายเป็นหุ่นแข็งแกร่งอะไรนั่นเลย อยากรู้แค่ว่า เธอจะสามารถอดทนผ่านไปได้หรือไม่
เธอจะมีชีวิตรอดหรือไม่
เธอยังไม่ถึงสองขวบเลย
ชีวิตของเธอ เพิ่งจะกำลังเริ่มต้น…
“ที่รัก เย้นหว่าน คุณเข้มแข็งหน่อย แรบบิทยังรอเราไปช่วยอยู่นะ หยูเซิงก็ยังอยู่ที่บ้านรอเรากลับไป ตอนนี้คุณจะล้มไม่ได้ รู้มั้ย?”
โห้หลีเฉินตบคุณหมอทีหนึ่งจนสลบ มือข้างหนึ่งยันเครื่องมือเอาไว้ ฝืนยืนให้นิ่ง
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ปลอบโยนเย้นหว่าน
เย้นหว่านหน้าซีดราวกับกระดาษ ในใจเปล่าเปลี่ยว ถูกดึงเข้าไปในนรกเรียบร้อยแล้ว
แต่เธอเดินอยู่ท่ามกลางขวากหนามแห่งขุมนรก จะต้องเข้มแข็ง…
เธอจะต้องเดินไปข้างหน้า แรบบิทกำลังรอเธออยู่
ไม่ถึงที่สุด จะยอมแพ้ไม่ได้
“จริงสิ ยังมีป่ายฉี…”
เย้นหว่านพึมพำ “ขอแค่ยังมีลมหายใจอยู่ ป่ายฉีสามารถช่วยได้แน่ ยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมง เราพาแรบบิทออกมา ไม่ว่าเธอจะทนผ่านไปได้หรือไม่ ป่ายฉีล้วนมีวิธีแน่นอน”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วแน่น เห็นเย้นหว่านพูดปลอบตัวเองแบบนี้ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะพูดอะไรอีก