“เฮ้ เธอเป็นอะไร?”
ป่ายฉีรีบสาวเท้าเดินไปหาหญิงสาว “เธออย่านอน ตอนนี้แสงอาทิตย์แรง นอนแล้วมันเผาเธอจนสุกได้เลย”
เขาพูดดังนั้นก็ดึงหญิงสาวขึ้นมาจากพื้น ทว่าร่างกายเธออ่อนยวบยาบ ไร้เรี่ยวแรง
แต่ไหนแต่ไรมาป่ายฉีเป็นคนที่เก่งกาจเหนือมนุษย์ เขาดึงอย่างยากลำบากมาก จึงได้แต่นั่งย่อง ๆ ให้เธอพิงที่ขาของเขา
เขาพลิกเปลือกตาเธอ ตรวจดูอาการผิดปกติในร่างกายของเธอ
เหน็ดเหนื่อยมากเกินไป กำลังร่างกายอ่อนเพลียจนถึงจุดวิกฤตแล้ว ความทรมานสองสามวันนี้ทำให้ร่างกายทนทรมานจนไม่เหลืออะไรแล้ว
สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาเดินตามอุปกรณ์นำทาง เดินประมาณสี่ห้าวันแล้ว แต่ว่าขอบทะเลทราย กลับไม่เห็นอะไรเลย
ข้างหน้าไม่รู้อีกไกลแค่ไหน และไม่รู้ว่าจะเดินออกไปได้ไหม
ความทุกข์ทรมานของร่างกายบวกกับความสิ้นหวัง แทบจะกลืนกินจิตวิญญาณและความหวังทั้งหมด ถ้าหากล้มลง ก็ยากจะลุกขึ้นมา
“เฮ้ ตื่นสิ ยัยคิงคอง ตื่น ๆ ”
ป่ายฉีเม้มริมฝีปากที่แห้งจนแตก ฝ่ามือตบเบา ๆ ที่ใบหน้าหญิงสาว แต่ไม่ว่าเขาจะตบเบา ๆ กี่ครั้ง เปลือกตาของหญิงสาวก็ยังปิดแน่น
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเธอจะต้องตายอย่างแน่นอน
ป่ายฉีขมวดคิ้ว ลังเลเล็กน้อย ใช้วิธีพิเศษ บีบบังคับกระตุ้นให้หญิงสาวตื่น
ขนตาของหญิงสาวขยับ วินาทีถัดไป ก็ลืมตาขึ้นมา
เธอมองเห็นใบหน้าของป่ายฉีที่ใกล้แค่ลัดมือเดียว ก็โมโหขึ้นในทันที ยกมืออยากจะตบเขา แต่ว่ามือถูกมัดไว้ขยับเขยื้อนไม่ได้ เธอจึงใช้ศีรษะ……
“ปื๊ก!” หน้าผากของเธอชนที่จมูกของป่ายฉีอย่างรุนแรง
“โอ๊ย!”
ป่ายฉีมือกุมจมูก ทันใดนั้นเลือดก็เปื้อนมือ
เขาโกรธจนแทบจะกระอักเลือด หญิงสาวบ้าที่สมควรตายคนนี้ เหมือนกับเม่นเลย บ้า ๆ บอ ๆ ต้องการทิ่มแทงคนตลอดเวลา
ถ้าไม่เห็นแก่เธออ่อนแอจนมีสภาพแบบนี้ เขาจะตบเธอให้ลงไปในขอบพื้นปูนซีเมนต์เลย
หญิงสาวชนป่ายฉีแล้ว เดิมทีอ่อนแอจนถึงขีดสุดแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกเวียนศีรษะตาลาย ดวงตาหรี่ลง แล้วก็สลบไปอีกรอบ
ป่ายฉี “……”
“แปะ แปะ แปะ” ตบหน้าหญิงสาวเบา ๆ ติดต่อกันหลายที ทำให้เธอตื่นสักหน่อย
“เธออย่านอน เธอนอนแล้วจะลุกไม่ได้นะ รีบลองลุกขึ้นเร็ว ฉันจะประคองเธอเดิน”
หญิงสาวลืมตาขึ้นมาครึ่งหนึ่ง สายตาที่มองป่ายฉีนั้น เต็มไปด้วยความรังเกียจและต่อต้าน
หญิงสาวอ้าปากที่แห้งแตก พูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง
“ฉันไม่ไหวแล้ว น่าจะตาย”
เธอพูดคำนี้ กลับไม่มีความรู้สึกเศร้าเลยสักนิด กลับมีความสบายใจและการหลุดพ้นที่ไม่ปกปิดไว้เลยสักนิด
ในเมื่อไม่ได้ถูกฆ่า และไม่ได้ฆ่าตัวตายเอง แต่สุดท้ายก็เหนื่อยตาย ก็ถือว่าเป็นคำอธิบายหนึ่งแล้วล่ะ
จะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ต่อไปอีก
อีกอย่าง นรกน่าจะเป็นสถานที่ชื้นหนาว ทั้งเปือกชื้นและหนาวเย็น ใช้ชีวิตง่ายกว่าแดดร้อนระอุที่เผาผิวหนังนี่ ใช้ชีวิตง่ายกว่าทะเลทรายที่ทำให้คนกระหายจนตายนี่
ป่ายฉีขมวดคิ้วอย่างดุ ๆ
เขาขู่ “ทนไม่ไหวก็ต้องทนให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะนอนกับเธอตรงนี้”
จิตใจของหญิงสาวเพิ่งจะสงบลง พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นโกรธจนเดือดดาล
สิ่งที่เธอเสียใจเพียงอย่างเดียวนั้น นั่นก็คือไม่ได้ฆ่าเขาด้วยน้ำมือของเธอเอง
“นายขู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ฉันทนไม่ไหวแล้ว นายเป็นหมอ นายรู้สภาพร่างกายของฉัน”
“อย่างนั้นฉันก็จะนอนกับศพ!”
ป่ายฉีพูดอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเรื่องนอนกับศพนี้เป็นเรื่องธรรมดาไม่สำคัญเรื่องหนึ่ง
หญิงสาวดิ้นรนด้วยความโมโห “นายมันเดรัจฉาน!”
เดรัจฉานเสียยิ่งกว่าสัตว์
ป่ายฉีพอใจกับความโกรธของเธอมาก นิ้วมือบีบคางเธอไว้ พูดทีละคำทีละประโยค “ขอเพียงเธอตายแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยศพเธอไปอย่างแน่นอน ไม่เพียงแค่ฉันจะนอน ฉันจะลอกถลกหนังเธอออกมา แล้วผ่าเครื่องในทั้งหมดของเธอออกมาศึกษา ”
“แล้วก็ ฉันยังสามารถนำเธอไปแช่ในฟอร์มาลีน ทำเป็นตุ๊กตาที่ไม่เน่าเปื่อย ให้ฉันได้เล่นทุกวัน ทุกคืน”
หญิงสาว “……” เธอโกรธจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ทำไมบนโลกนี้ยังมีคนที่ไร้ยางอายอย่างไม่มีขอบเขตแบบนี้? ถึงขนาดแม้แต่ศพของเธอก็ยังไม่ปล่อย
เธอเกลียดป่ายฉีมากแค่ไหนนั้น ก็มากพอที่จะไม่สามารถอดทนเรื่องที่เขาจะทำต่อศพของเธอได้
หญิงสาวถลึงตามอง โกรธที่แม้แต่การตายก็เป็นการหวังมากเกินไป
แต่เธอ ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ
ร่างกายของเธอ เธอรู้ดีที่สุด ทนทรมานจนถึงขีดสุดแล้ว แค่ก้าวเดียวก็เดินไม่ไหว พระอาทิตย์ร้อนและทะเลทรายที่กว้างไกลไร้ขอบเขตนี่ ท้ายที่สุดยังไงก็ต้องการชีวิตของเธอ
ป่ายฉีมองดูเชือกที่พันบนร่างของหญิงสาว จากนั้นหยิบเชือกอีกเส้นจากที่ตัว
เขาผูกไว้บนร่างหญิงสาว จากนั้นก็ยกเธอทั้งตัวแบกขึ้นหลังของตัวเอง
หญิงสาวประหลาดใจ “นายจะทำอะไร?”
“เธอเดินไม่ไหว แต่ทนแบบนี้ต่อไป จะสามารถทนได้กี่วันให้ไม่ตาย ฉันจะแบกเธอออกไปในช่วงเวลานี้”
ป่ายฉีพูดอยู่ มือก็ค้ำยันบนพื้นทะเลทราย ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าด้วยความยากลำบาก
ในชั่วพริบตานั้น เหงื่อบนหน้าผากของเขานั้นก็ไหลพราก
สีหน้าเขาก็ขาวซีดเซียว สภาพยิ่งแย่ลง เดิมทีเขาที่มีกำลังเข้มแข็งก็ถดถอยลงมาแล้ว เดินเองก็ว่ายากแล้ว ต้องแบกอีกคนหนึ่ง ผีซ้ำด้ำพลอยจริง ๆ เลย
ตอนนี้ การเดินหนึ่งก้าวจำเป็นต้องใช้พละกำลังมาก
ร่างกายห่างจากพื้น หญิงสาวถูกบังคับให้อยู่ติดแผ่นหลังของป่ายฉี เธอมองท้ายทอยของป่ายฉีอย่างมึนงง ประหลาดใจถึงขีดสุด
นานอยู่พักหนึ่ง เธอถึงจะส่งเสียงอย่างเหลือเชื่อออกมาจากซอกฟันอย่างลำบาก
“เพราะอะไรล่ะ? ทำไมต้องพาฉันออกไปแบบยังมีชีวิตอยู่ นายเข้าใจดี แบบนี้จะทำให้นายเดือดร้อนแล้วตายไปพร้อมกับฉันนะ”
เพราะอะไร?
ป่ายฉีตะลึงไปเล็กน้อย เขาดูเหมือนจะทำไปโดยตามธรรมชาติ ไม่ได้คิดว่าเพราะอะไรเลย
เพียงแค่ยึดติดและดื้อรั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องพาผู้หญิงคนนี้ออกไปให้ได้
จากนั้น เขายกยิ้มหัวเราะเยาะ “เพราะว่าเธอยังมีประโยชน์กับฉันอยู่ ฉันยังต้องศึกษาเลือดของเธอ ร่างกายของเธอ และความลับที่เสริมความแข็งแกร่งให้เธอ”
เหตุผลนี้……
ขอเพียงไม่ใช่ต้องการนอนกับเธอ เธอก็สามารถรับได้
และไม่สนว่าป่ายฉีพูดมาจะจริงกี่ส่วนหรือเท็จกี่ส่วน หญิงสาวก็ไม่ดิ้นรนอีกต่อไปแล้ว
เธอพูดอย่างไร้ความรู้สึกด้วยเจตนาที่ไม่ดี “ฉันจะคอยดู ทำไมนายต้องเอาชีวิตเอาไปเสี่ยงเพื่องานวิจัยน่าตายพวกนี้ของนาย ”
“แม้ว่าฉันไม่สามารถฆ่านายให้ตายด้วยน้ำมือของฉันได้ แต่ว่าทำให้นายเดือดร้อน ก็ถือว่าทำให้ความเสียดายนั้นได้สิ้นสุดลง”
เธอเปี่ยมไปด้วยจินตนาการถึงภาพการตายของป่ายฉีที่ล้มลงกลางทะเลทรายในวันพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้
ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้เธอสบายอกสบายใจเหลือเกิน
ป่ายฉียกมุมปาก ไม่พูดจาระยะหนึ่ง เขาไม่ทอดทิ้งและช่วยเหลือหมาป่าตาขาวที่ไม่สนใจและเฝ้ารอให้เขาตายอยู่ตลอดเวลา
นี่มันช่าง……
ไม่โกรธไม่โกรธ เขาวาสนาดีอายุยืนนานร่างกายแข็งแรง ยังไงก็ไม่มีทางทำให้เหนื่อยถึงตายได้!
เขาจะต้องออกไปจากทะเลทรายผืนนี้อย่างมีชีวิตอยู่รอดอย่างแน่นอน พาหญิงแกร่งคนนี้กลับไป ผ่าตัดศึกษาให้ชัดเจนและละเอียดลึกซึ้ง
ป่ายฉีแย้มยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “อย่างนั้นพวกเรามาเดิมพันกัน สุดท้ายแล้วเธอจะสมความปรารถนา หรือฉันจะสมปรารถนา?”
“เอาสิ!” หญิงสาวตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
เธอจะต้องชนะอย่างแน่นอน จำเป็นต้องชนะ เธอเดิมพันให้ป่ายฉีตาย
ป่ายฉียกยิ้ม “เงินวางเดิมพันคืออะไร? ถ้าหากฉันออกไปไม่ได้ ฉันจะยกชีวิตชดใช้ให้เธอ ถ้าหากฉันชนะ จะพาเธอออกไป หญิงแกร่ง เธอจะเอาอะไรมาแพ้?”