“ตามข้อมูล ตอนนี้ตระกูลหยูกำลังขุดกันทั้งวันทั้งคืน ก็ยังขุดไม่เจอใครสักคน……”
ระเบิดสะเทือนฟ้าขนาดนั้น ไม่น่าจะมีคนรอดชีวิต
“ไม่! ไม่! เป็นไปไม่ได้!”
ดวงตาเย้นโม่หลินแดงก่ำ ส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อ “เสี่ยวหว่านอยู่บ้านตระกูลเย้นดี ๆ ไม่ใช่เหรอ เธอไปบ้านตระกูลหยูได้ไง ไปหาหยูฉู่สองด้วยตัวเองได้อย่างไร ทำไมเธอถึงไม่ห่วงชีวิตของตัวเองเลย!”
“เธอใจเสาะ ใจเสาะขนาดนั้น”
เย้นโม่หลินสั่นเทาไปทั้งตัว หากเป็นคนอื่นมาบอกข่าวนี้กับเขา เขาจะไม่มีทางเชื่อ และคิดว่านี่ต้องเป็นข่าวลวงอย่างแน่นอน
แต่เมื่อเห็นภาพที่กู้จื่อเฟยร้องไห้ตาบวมอยู่ตรงหน้า เขาก็หาเหตุผลที่จะหลอกตัวเองไม่ได้
เรื่องแบบนี้ จะให้เขาเชื่อได้อย่างไร จะให้เชื่อได้อย่างไรกัน
เสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่านเธอจะ……
ตายได้อย่างไร
กู้จื่อเฟยร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอกอดเอวของเย้นโม่หลินไว้ กอดเขาไว้อย่างแน่น
เสียงร้องไห้แหบแห้ง “เสี่ยวหว่านเพื่อช่วยพวกเรา เธอจึงระเบิดฆ่าหยูฉู่สอง ทำให้ตระกูลเย้นมีลมหายใจต่อ ทำให้พวกเราสามารถต้านทานได้”
“เสี่ยวหว่าน นั้นทำเพื่อ……ทำเพื่อพวกเรา……”
เย้นโม่หลินช็อกราวกับถูกฟ้าผ่า
หัวใจที่แตกสลายรวดร้าวค่อยๆปกคลุมทั่วร่างกาย เจ็บปวดไปทั่วประสาทสัมผัสทุกอณู
ในหัวสมอง น้องสาวผู้อ่อนโยนคนนั้น กลับมีหัวใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว เพื่อคนที่รัก เธอยอมสละแม้แต่ชีวิตของตัวเอง
เธอสามารถทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้
ที่สถานการณ์พลิกผันกลับมาตอนนี้ นึกไม่ถึงเป็นเพราะเย้นหว่านใช้ชีวิตแลกมา
เย้นโม่หลินสำลัก ร้องว้ากแล้วก็อาเจียนเลือดออกมา ฉับพลันใบหน้านั้นก็ขาวซีด ร่างกายซวนเซจะล้มลง
กู้จื่อเฟยจึงใช้แรงทั้งหมดที่มีไปพยุงกอดเขาไว้
“พี่เย้น ถ้าเจ็บปวดก็ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาจะได้รู้สึกดีขึ้น……”
เย้นโม่หลินกลับยืนตัวแข็งอยู่อย่างนั้น ดวงตาแดงก่ำ ไม่มีหยดน้ำตา หรือแม้แต่การกะพริบตาก็ไม่มี
ความเจ็บปวด
หัวใจที่รวดร้าวแตกสลายทำให้ประสาทของเขาลืมปฏิกิริยาการตอบสนอง
ในหัวสมอง มีแต่เสียงและรอยยิ้มของสาวน้อยผู้นั้น ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่เมืองหนาน จนกระทั่งกลับบ้านตระกูลเย้นในเวลาต่อมา เธอก็เรียกเขาเบาๆว่าพี่ชาย……
เขาเคยให้สัญญาว่า จะรักและตามใจเธอประหนึ่งเจ้าหญิง และจะคอยปกป้องเธอไปตลอดชีวิต
แต่ว่าเขากลับรักษาสัญญาไม่ได้
ทำให้เจ้าหญิงน้อยของเขา เสียชีวิตไปต่อหน้าเขา
กู้จื่อเฟยน้ำตาอาบเต็มแก้ม เวลานี้คำปลอบโยนอันใดก็ไม่มีประโยชน์ ความเจ็บปวดใจของเย้นโม่หลินทำให้หัวใจคนแตกสลาย เธอทำได้เพียงกอดเขาไว้ กอดเขาแล้วร้องไห้และเสียใจอยู่อย่างนั้น
เห็นชัดเจนว่าดวงอาทิตย์นั้นส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนเหนือศีรษะ แต่ทว่าท้องฟ้ากลับดูคล้ายมืดครึ้มหม่นมัว ทำให้คนเย็นชา ทำให้คนรู้สึกเจ็บปวด
เจ็บปวดอยู่ในหัวใจ จนบดบังทั่วท้องฟ้า
หลังจากที่ได้รับข่าวที่ทำให้สุดเจ็บปวดรวดร้าวแล้ว เย้นโม่หลินก็ไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวอีก
เขาตัวแข็งทื่อ ค่อยๆลุกขึ้นยืนจากโซฟา แล้วเดินมุ่งไปยังจุดที่ขุดอย่างช้า ๆ
กู้จื่อเฟยเป็นห่วงเขาจึงได้เดินตามไป “คุณจะทำอะไร”
เย้นโม่หลินไม่ได้ตอบอะไร ค่อยๆเดินมุ่งไปด้านหน้าอย่างแน่วแน่และมุ่งมั่น
กู้จื่อเฟยกลัวว่าเขาจะทำเรื่องบ้าๆภายใต้อารมณ์ที่โศกเศร้าเสียใจเ จึงด้รีบไปกอดเขาไว้ “พี่เย้น พี่ใจเย็นๆนะ พวกเรากลับบ้านกันก่อน กลับบ้านกันก่อนดีไหม พี่กลับบ้านกับฉันก่อนนะ”
เย้นโม่หลินถูกบังคับให้หยุด แต่แววตากลับยังคงมองไปด้านหน้าอย่างแน่วแน่
น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง “ผมจะอยู่ที่นี่”
“ผมจะช่วยเสี่ยวหว่านหาตัวโห้หลีเฉินให้เจอ แล้วพาเขากลับ”
นี่คือเหตุผลเดียวที่พยุงให้เขายืนได้ในตอนนี้
ช่วยเย้นหว่านหาตัวโห้หลีเฉินให้เจอ พาคนที่เธอรักสุดหัวใจกลับบ้านอย่างปลอดภัย เขาปกป้องเธอไม่ได้ เขาก็จะต้องปกป้องคนที่เธอรักให้ได้
กู้จื่อเฟยยังคงกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ
“ที่นี่หาตัวโห้หลีเฉินไม่เจอหรอก ฉันได้ข่าวเมื่อกี้ว่าคนของหยูฉู่สองหลังจากที่แยกย้ายกันจากไปนั้น ได้มีการพาคนไปด้วยอย่างเงียบๆ คนคนนั้นมีความเป็นไปได้ที่อาจจะเป็นโห้หลีเฉิน”
เย้นโม่หลินค่อยๆก้มหน้ามามองกู้จื่อเฟย “เฟยเฟย คุณจะใช้เหตุผลแบบนี้หลอกผมกลับไม่ได้ รู้ไหม”
กู้จื่อเฟยน้ำตาคลอเบ้าจนสายตาพร่ามัว “ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ฉันอยากจะหลอก ก็เป็นการหลอกให้พี่กลับบ้าน ไม่ใช่พูดแบบนี้ เพื่อให้พี่ไปฆ่าตระกูลหยู”
เธอย่อมรู้ดีว่าเขาไม่ยอมกลับบ้าน
และถึงแม้ตระกูลหยูตอนนี้จะโกลาหลวุ่นวาย แต่การไปสังหารตระกูลหยู ก็ยังเป็นเรื่องที่อันตราย
เธอเป็นห่วงเขา แต่ก็รู้ว่าอะไรที่เขาอยากทำ อะไรที่เขาควรทำ
กู้จื่อเฟยจ้องมองเขา สายตาพร่ามัวด้วยหยดน้ำตา และมุ่งมั่นดึงดัน
“รับปากฉันว่าจะพาโห้หลีเฉินกลับมาอย่างปลอดภัย และก็ต้องไปขุดขุมทรัพย์พาตัวเสี่ยวหว่าน……กลับมา”
ถึงแม้พากลับมาเพียงร่างที่ไร้วิญญาณก็ตาม
เธอก็สมควรกลับบ้าน
ตระกูลหยูก็สมควรพังพินาศ สมควรต้องชดใช้ด้วยเลือด
ดวงตาเย้นโม่หลินแดงก่ำสุดขีด จนเห็นเส้นเลือดฝอยกระจายในนั้น และจิตสังหารก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างดุเดือด
หยูฉู่สอง
ตระกูลหยู
เขาจะต้องให้พวกเขาทุกคนตายพร้อมกับเสี่ยวหว่าน!
ตระกูลหยูเกิดความโกลาหลวุ่นวาย มีกองกำลังมากมายที่มีอำนาจ ได้บุกเข้าไปฆ่าสังหารทั้งที่ลับและที่แจ้ง เพื่อของมีค่าที่อยู่ในขุมทรัพย์ เพื่อต้องการแย่งมา ในแต่ละวันจึงทำการสังหารอย่างไม่หยุดหย่อน
และที่นี่ก็เป็นฐานทัพใหญ่ของตระกูลหยู เมื่อถูกโจมตีจึงเสียหายอย่างหนัก และเกิดความโกลาหลไปทั่ว
แผนกลยุทธ์ของตระกูลหยูที่เตรียมไว้ ก็วุ่นวายยุ่งเหยิงไปหมด
ยิ่งไปกว่านั้นเพราะการแก่งแย่งทรัพยากรในขุมทรัพย์ ทำให้มีกองกำลังภายนอกมากมาย ทำให้ตระกูลหยูที่ดำเนินการขุดเพื่อช่วยคนอย่างปกติก็กระทำได้ยาก ถูกขัดขวางตลอดเวลา
เพียงพริบตา สามวันก็ผ่านไป
ก็ยังขุดหาคนไม่เจอ และโอกาสมีชีวิตรอดก็ลดลงไปเรื่อย ๆ
ผู้อาวุโสที่ยึดครองอำนาจตระกูลหยู ต่างก็เกิดความจลาจล
และในเวลานี้ เย้นโม่หลินได้พากองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเย้น ไปจู่โจมสังหารและกระชากเลือด
เย้นโม่หลินราวกับอสุรกายที่เดินออกมาจากขุมนรก ดวงตาแด่งก่ำจนแววตาดูดุร้ายน่ากลัว
เขาออกคำสั่งสังหาร
อย่าให้รอดแม้แต่คนเดียว จงฆ่าล้างโคตรตระกูลหยู
ตระกูลหยูเดิมทีก็โกลาหลวุ่นวายมากอยู่แล้ว การรับมือจึงค่อนข้างยากลำบาก ถูกกองกำลังที่แข็งแกร่งของเย้นโม่หลินเข้าโจมตีอีก จึงเหมือนประหนึ่งเป็นการหักทำลายท่อนไม้ท่อนซุงที่ผุพัง ใช้เวลาสามสิบหกชั่วโมงเต็ม ก็สังหารกวาดล้างจนไม่เหลือใครรอดสักคน
เลือดไหลนองเต็มพื้นประหนึ่งสายน้ำ
ตระกูลที่เคยยิ่งใหญ่อย่างภาคภูมิใจ ยืนหนึ่งในจุดที่สูงที่สุดในโลก ถูกประกาศว่าพินาศย่อยยับ
ล่มสลายหายไปจากโลกใบนี้อย่างลืมเลือน
ฝนที่ตกโปรยปรายจากบนฟ้า เสียงซู่ซ่าพัดพาเลือดไหลนองไปทั่ว เย้นโม่หลินเหยียบบนหยดน้ำสีแดงเข้ม เดินทีละก้าวมุ่งหน้าไปยังขุมทรัพย์
ครึ่งหนึ่งของภูเขาตรงนั้นได้ถล่มลงมาปกคลุมทางเข้าทางเดิม และขุมทรัพย์ของตระกูลหยูก็ถูกระเบิดจนเป็นรูโบ๋ เผยให้เห็นถึงทรัพย์สมบัติด้านในที่มากมายก่ายกองจนนับไม่ถ้วน
ขุมทรัพย์ของตระกูลหยูแบ่งออกเป็นของมีค่า เงินทอง และทรัพยากรทางข้อมูลที่มีค่ามากมาย และมีระบบการจัดการในตัวเอง
ระบบนี้ควบคุมข้อมูลด้านในทั้งหมด หนังสือทำได้แค่เพียงอ่าน ส่วนบันทึกนั้นไม่สามารถนำออกไปได้ และนี่ก็เป็นทรัพยากรที่ใหญ่ที่สุดในขุมทรัพย์ของตระกูลหยู
และหลังจากที่ขุมทรัพย์ถล่มพังทลายลงมา ระบบทรัพยากรก็ถูกทำลายตัวมันเองโดยอัตโนมัติ และขุมทรัพย์แห่งความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดแห่งนี้ ก็ได้หายไปพร้อมกับการตายจากไปของตระกูลหยู
มีเพียงเงินทองของมีค่าที่มากมายเหล่านั้นที่หลงเหลืออยู่
แต่ เย้นโม่หลินไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
หยดน้ำฝนไหลลงผ่านใบหน้าของเขา เขาจ้องมองตรงไปยังแผ่นหินที่พังถล่มลงมา ประหนึ่งว่าสามารถมองเห็นคนที่ถูกฝังอยู่ด้านใต้ด้วยการมองทะลุผ่านแผ่นหินเหล่านั้น
บ้านเรือนพังถล่มจากแผ่นดินไหว ยังมีพื้นที่สามเหลี่ยมชีวิตที่ช่วยให้มีชีวิตรอด บางที บางทีเย้นหว่านก็อาจจะโชคดีหลบอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมชีวิต……
เขาไม่สนใจเรื่องการระเบิดครั้งใหญ่นั้น เขาไม่เห็นศพ เขาก็จะไม่มีทางเชื่อ