เลขาหลิวบอก “เรื่องแบบนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง งั้นต้องเรียกเลขาเก่อมอบให้แล้วล่ะ”
ให้เลขาเก่อมอบอำนาจของเธอให้แก่เย้นหว่าน ฟังดูเป็นวิธีที่เป็นไปได้
ดังนั้นเย้นหว่านจึงหมุนเก้าอี้ หันไปยังมุมที่เก่อหรูซวนอยู่
เอ่ยเสียงดังชัดเจน “เก่อหรูซวน ฉันต้องการอำนาจของคุณ”
ดวงตาลึกลงไปของเก่อหรูซวนทะมึนลง “ตอนนี้งานที่ฉันรับผิดชอบมีมากเป็นพิเศษ เกี่ยวกับการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท เรื่องพวกนี้คุณไม่รู้เรื่อง จะมอบให้คุณก็คงไม่สะดวก”
“ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าเลขา คุณเป็นเพียงลูกน้องของฉัน ฉันสั่งให้คุณมอบอำนาจมาให้ คุณก็ต้องให้” เย้นหว่านเอ่ยด้วยท่าทีวางอำนาจ
เก่อหรูซวนรำคาญเมื่อเห็นท่าทางของเย้นหว่าน แต่ก็ตอบโต้กลับไม่ได้ ทำได้เพียงอดทนเอาไว้ เอ่ย “นี่เป็นอำนาจที่ท่านประธานมอบให้ฉัน ฉันก็ไม่มีอำนาจไปยกให้คนอื่น”
“ที่แท้ก็สามีฉันมอบให้หรอกงั้นหรือ” เย้นหว่านเอ่ยเสียงดัง ลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปบอกให้เขาเปลี่ยนให้ก็ได้”
เก่อหรูซวนเคยเห็นการกระทำของเย้นหว่านไปแล้วเมื่อวาน หากโห้หลีเฉินไม่ให้ในสิ่งที่เธอต้องการ เธอก็จะโวยวายร้องไห้จะกลับบ้าน สิ่งนี้ทำให้โห้หลีเฉินต้องปวดขมับ ไม่นานก็ต้องยอมตามใจเธอ
เรื่องระบบอำนาจในบริษัท แน่นอนว่าความสัมพันธ์นั้นสำคัญ แต่เธอกลับไม่หลับรับรอง ว่าโห้หลีเฉินจะให้อำนาจออกคำสั่งต่อเย้นหว่าน
เธอจะเสี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้
เก่อหรูซวนรีบเอ่ย “เรื่องอำนาจอันดับสองในบริษัทนั้นมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ไม่ใช่ว่าท่านประธานคิดอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ ต้องเป็นที่ยอมรับของคณะผู้บริหารจึงจะได้นะคะ”
“หากคุณยังดึงดันจะให้ท่านประธานเปลี่ยนให้ได้ เกรงว่าคงไม่เป็นผลดีต่อการบริหาร หากตอนนั้นพวกเขาโวยวายขึ้นมา คงจะเสียไปถึงท่านประธานและบริษัทอีกด้วย”
“คุณนาย หากคุณเอาแต่ในแบบนี้ คิดจะให้ประธานและบริษัทล่มจำหรือคะ”
เท้าของเย้นหว่านหยุดชะงัก
เรื่องนี้ต่างจากเรื่องหักหน้าทั่วไป เธอเอาแต่ใจโวยวาย เพื่อต้องการให้โห้หลีเฉินเอาอกเอาใจ
เรื่องนี้มีผลกระทบถึงลูกค้า รวมทั้งบริษัท เก่อหรูซวนสามารถเอาหัวข้อนี้มาอ้างและร่วมมือกับผู้ถือหุ้นทั้งหมดเพื่อโจมตีเธอได้
แม้โห้หลีเฉินจะปกป้องเธอได้ แต่เย้นหว่านก็ไม่ต้องการเอาเรื่องนี้ไปสร้างความลำบากให้สามีของตน
เธอคิดอยู่ชั่วครู่ หันกลับมามองเก่อหรูซวน รอยยิ้มเรียบนิ่งและเฉียบคมปรากฏขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็เปิดประชุมผู้ถือหุ้นกันเถอะ”
เก่อหรูซวนตกใจจนเกือบรักษาท่าทีเอาไว้ไม่ได้ “เย้นหว่านคุณบ้าไปแล้วเหรอ จะเรียกรวมผู้ถือหุ้นทุกคนเพื่อเรื่องเล็กน้อยของคุณคนเดียวเนี่ยนะ ถึงแม้คุณจะเป็นภรรยาของท่านประธาน แต่จะมาเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“ใครบอกว่าฉันทำเรื่องไร้สาระกันล่ะ”
เย้นหว่านยิ้ม “อีกสักพักจะมีการประชุมใหม่ไม่ใช่หรือ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่างก็อยู่ใช่ไหม พอดีเลย ฉันจะพูดมันในการประชุมครั้งนี้เลย”
เก่อหรูซวนขมวดคิ้ว “อีกหน่อยเขาจะประชุมเรื่องสำคัญ มีการวางกำหนดการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
“เมื่อคุยเรื่องสำคัญเสร็จแล้ว เรื่องรองลงมาก็คุยเรื่องอำนาจบ้าง ทำไมจะไม่ได้” เย้นหว่านเชิดหน้า ท่าทางเย่อหยิ่ง “ภรรยาท่านประธานจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้ามายุ่งกับผู้ถือหุ้นเลยหรืออย่างไร”
เก่อหรูซวนพลันอ้ำอึ้ง ราวกับพูดอะไรไม่ออก
แน่นอนว่าภรรยาท่านประธานมีสิทธิ์ แถมยังมีคนอีกมากมายคอยถือหางเธออีก
แต่ นี่มันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งก็เท่านั้นล่ะ
ดวงตาของเก่อหรูซวนทะมึน ในเมื่อเย้นหว่านอยากเข้าไปร่วมในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้มาก งั้นเธอก็จะให้หล่อนได้สมหวัง ให้เย้นหว่านได้รู้ว่าบริษัทไม่ใช่ที่ที่หล่อนจะเอาสิทธิ์ของการเป็นภรรยาท่านประธานมาใช้ไร้สาระได้
ถึงตอนนั้นเย้นหว่านจะต้องถูกหักหน้าต่อหน้าผู้ถือหุ้นทั้งหลาย หล่อนก็จะถูกกดหัวเอาไว้ สำหรับเก่อหรูซวนแล้ว ทำไมจะไม่ใช่เรื่องดีกันล่ะ
เมื่อคิดอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว เก่อหรูซวนจึงเอ่ยปาก “ในเมื่อคุณต้องการจะเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ฉันก็จะจัดการให้ค่ะ”
เย้นหว่านพยักหน้า หมุนเก้าอี้หันกลับไปอีกครั้ง
เก่อหรูซวนมองแผ่นหลังของหล่อน ดวงตาวาววับ เย็นเยียบราวกับมีน้ำแข็งพาดผ่าน
การประชุมผู้ถือหุ้นอย่างนั้นหรือ เย้นหว่านหาเรื่องตายเองทั้งนั้น
เธอจะทำให้เย้นหว่านขายหน้า
……
บ่ายสาม การประชุมใหญ่เริ่มต้นขึ้น
ในห้องประชุมใหญ่ที่มีผู้เข้าประชุมกว่าห้าร้อยคน บรรยากาศตอนนี้นั้นตึงเครียด ในความตึงเครียดยังมีความแปลกประหลาดแฝงอยู่ด้วย
คณะผู้ถือหุ้นต่างพากันนั่งนิ่งด้วยท่าทางหวาดระแวง สายตาสอดส่องไปมองหญิงสาวสองคนด้านข้างโห้หลีเฉินอยู่เป็นระยะ
ยืนซ้ายขวาประกบข้าง อีกทั้งยังสวยจนดวงตาแทบพร่ามัว
คนที่ยืนอยู่ด้านขวาคือเก่อหรูซวน เลขาเก่อที่ผู้บริหารต่างรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ยังคงอยู่ในท่าทางสุภาพเรียบร้อยงดงาม ไม่ต่างไปจากปกติเลยแม้แต่น้อย
แต่ปกติจะมีเพียงหล่อนที่ยืนอยู่ด้านข้างของท่านประธาน รับผิดชอบการประชุมทั้งหมด
แต่วันนี้ ด้านข้างนั้นมีหญิงสาวสวยงามราวกับดอกไม้ยืนอยู่ ดูสูงส่ง เป็นภรรยาของท่านประธานของพวกเขาเอง เย้นหว่าน
วันนี้ทั้งวัน คนในบริษัทต่างร่ำลือ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าภรรยาของท่านประธาน กลับมาในระดับสูง
แต่พวกเขายังคงแปลกใจ ภรรยาของท่านประธานสูงส่งจน แม้แต่การประชุมใหญ่ของบริษัทก็ต้องเข้าร่วมด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ
ได้ยินว่าเมื่อก่อนเธอเป็นสถาปนิก ไม่สนใจเลขาหรือแม้แต่บริษัท แม้บอกว่ามาทำงานเป็นเลขาที่บริษัท ความเป็นจริง ก็คือมาคอยเฝ้าท่านประธานพลอดรักกัน
คิดว่า การที่เธอมาร่วมการประชุมก็คงอยากจะโผล่หน้ามาให้เห็นเพียงเท่านั้นสินะ
คณะผู้บริหารยังรักษาท่าทีสุภาพอ่อนน้อมต่อเธอ แต่คนอื่นนั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก และไม่เอามาใส่ใจ
การประชุมดำเนินต่อไปเป็นปกติ
หากเป็นดังที่พวกเขาคิด ภรรยาของท่านประธานนั้นไม่รู้เรื่องใดๆ เกี่ยวกับบริษัทเลย เอกสารทุกอย่าง รายงาน งานทุกอย่าง เป็นหน้าที่ของเก่อหรูซวน
แม้จะยืนอยู่เคียงข้างโห้หลีเฉินทั้งคู่ เก่อหรูซวนนั้นยุ่งและเป็นมืออาชีพ เมื่อเทียบกับเย้นหว่านที่ไม่ทำอะไร เห็นได้ชัดว่าไม่ไหวเลยจริงๆ
ในสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งทำให้เห็นว่าเย้นหว่านนั้นไร้ความสามารถ
เก่อหรูซวนได้ใจ การทำงานในวันนี้มีความกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่เอ่ยปากเป็นราวกับดาราเปล่งประกายที่สุด
ตอนนี้ เธอกำลังรายงานอย่างมืออาชีพ ผู้บริหารทั้งหมดต่างพากันฟังเธอด้วยความตั้งใจ
ทั่วทั้งห้องประชุมนั้นเคร่งเครียด
ไม่มีใครสนใจเย้นหว่านแล้ว
มุมปากของเก่อหรูซวนยกยิ้ม สายตาท้าทายถูกส่งไปให้เย้นหว่าน
เย้นหว่านที่ฟังด้วยท่าทางสะลึมสะลือ เมื่อสบเข้ากับสายตาท้าทายของเธอ ความง่วงงุนก็กลายเป็นความโกรธ
ท้าทายเธองั้นเหรอ
เธอเพียงไม่ต้องการรบกวนการทำงานของโห้หลีเฉินเพียงเท่านั้น คิดว่าเธอไม่มีความสามารถจริงๆ สินะ จะเป็นหญ้าต้นเล็กๆ ที่ถูกเก่อหรูซวนวางไว้ในมุมผนังอย่างนั้นหรือ
เย้นหว่านกลับมาครั้งนี้ ไม่คิดจะยอมแพ้หรอกนะ
“ตึก”
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น ดังขึ้นในห้องประชุมใหญ่
เย้นหว่านเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโห้หลีเฉินโดยไม่สนใจอะไรใดๆ กระตุกแขนเสื้อของเขา ยู่ปากเอ่ยไม่พอใจ น้ำเสียงงอแงดังขึ้น “ที่รัก ฉันยืนจนปวดขาไปหมดแล้ว”
โห้หลีเฉินที่กำลังตั้งใจอ่านเอกสารรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เขาทั้งตระหนกทั้งประหลาดใจทั้งรู้สึกแปลกใหม่มองหญิงสาวที่กำลังออดอ้อนอยู่ตรงหน้า มุมปากยกยิ้มด้วยความเอ็นดู เอ่ยขึ้น