กล้าหาญ หยิ่งยโส เหมือนสาวโจรไม่มีผิด
โห้หลีเฉินเห็นเธอเป็นแบบนี้ แววตาของเขาก็เปล่งประกาย หลงใหลจนเวียนหัวไปหมด
เมื่อก่อนเย้นหว่านที่อ่อนแอเหมือนกระต่าย ทำให้เขาชอบมาก ตอนนี้เย้นหว่านที่หยิ่งยโสและเร่าร้อนเล็กน้อย ทำให้เขาชอบยิ่งขึ้นไปใหญ่
ไม่ว่าเธอจะเป็นแบบไหน เขากลับรักเธอเหมือนเดิม
เขาชอบทุกๆอย่างที่เป็นเธอ
เย้นหว่านเลือกเดรสยาวสีแดง ตรงกระโปรงมีเพชรห้อยอยู่ด้วย ดูหรูหราอลังการมาก ดูสง่างามอย่างมีระดับ
โห้หลีเฉินก็คุมโทนใส่สูทสีแดงกับเธอ ทั้งสองยืนคู่กัน ผู้ชายหล่อผู้หญิงสวย ดูน่าจับตามองมาก
ทำให้ตอนที่พวกเขาเดินเข้าไปในงานเลี้ยง ก็กลายเป็นจุดเด่นของงานเลี้ยงนี้ทันที
คนถ่ายรูปก็ถ่ายไป คนชมก็ชมไป คนตะลึงก็ตะลึงไป
“เมื่อก่อนรู้สึกว่าเก่อหรูซวนสวยและมีระดับ เป็นผู้หญิงคนเดียวที่สามารถยืนข้างกายคุณโห้ได้ แต่มาวันนี้ฉันได้เปิดโลกอีกครั้งแล้วล่ะ คุณเย้นยืนอยู่ข้างคุณโห้ ไม่เพียงแต่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังสวยตระการตามาก เธอยืนอยู่ข้างคุณโห้ ทำให้คนที่เห็นแล้วรู้สึกว่าทั้งคู่เหมาะสมกันมาก”
“นี่ไงความแตกต่างระหว่างตัวจริงกับตัวปลอม โลกนี้ ก็คงมีเพียงเย้นหว่านที่มีสิทธิ์เป็นคุณนายโห้”
“ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
……
โห้หลีเฉินหันหน้าไปมองเย้นหว่านอย่างอ่อนโยน เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างอบอุ่น
“คุณนายโห้ของฉัน โตขึ้นเยอะเลยนะ”
เติบโตกลายเป็นผู้หญิงที่ยืนขนาบข้างเขาได้
เย้นหว่านกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วกระซิบพูดว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง”
เมื่อก่อนคงเป็นเพราะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าที่หรูหรามาก เลยทำให้ไม่มีออร่า “ฉันคิดว่า ถ้าฉันใส่เสื้อผ้าให้ดูหยิ่งยโสโอหังกว่านี้ พวกเขาอาจจะคิดว่า นายไม่เหมาะสมกับฉันแล้ว”
“งั้นไม่ได้นะ” โห้หลีเฉินตอบโต้ไปอย่างจริงจัง “ฉันก็จะเปลี่ยนสไตล์เสื้อผ้าเหมือนกัน”
เขารอเธอเติบโตได้ จากนั้นก็ค่อยเดินหน้าไปพร้อมกับเธอ
แต่เขาจะไม่ยอมตกท้ายขบวนเด็ดขาด
ทั้งสองพูดหยอกล้อกัน ภาพนั้นทำให้คนที่เห็นแล้ว ต่างก็อิจฉากันไปใหญ่
“คุณโห้ ขอต้อนรับนะครับ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่คุณมางานเลี้ยงได้”
ฟีเจ๊กมอนถือแก้วไวน์ไว้ แล้วเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เขาเดินมาสองก้าวก็หยุดลง จากนั้นก็มองไปที่เย้นหว่าน “คุณนายโห้ ได้ยินชื่อเสียงมานาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอตัวจริงสักทีนะครับ คุณสวยกว่าคำเล่าลืออีกนะครับ”
คำพูดตามมารยาท เขาทำได้อย่างดีสมกับที่เป็นเจ้าของงาน อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เธอต้องอึดอัด
เย้นหว่านก็ไม่โจมตีกลับหรอก เธอตอบกลับอย่างมีมารยาทว่า “คุณฟีเจ๊กมอนก็หล่อและหนุ่มกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะคะ”
“ไม่หรอกครับๆ ต่อหน้าคุณโห้ คำว่าหล่อคำนี้ไม่ควรใช้กับตัวผมจริงๆ”
ฟีเจ๊กมอนกวักมือเรียกให้บริกรส่งไวน์มาสองแก้ว เขาก็พูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ได้ร่วมงานกับคุณโห้ ตอนแรกก็รู้สึกเสียดายมาก แต่วันนี้พอได้เห็นคุณนายโห้ เห็นพวกคุณสองสามีภรรยารักกันดี ผมก็คิดว่าคุ้มแล้วครับ ถ้าผมมีภรรยาที่สวยขนาดนี้ ต้องทิ้งทั้งบริษัทผมก็ยอมครับ”
เขาพูดแล้วก็ยกแก้วขึ้น “ผมขอให้คุณโห้กับคุณนายโห้รักกันตลอดไป มีความสุข รักกันจนแก่เฒ่า”
เขาพูดอวยพรเสียงดังมาก จนกลายเป็นผู้นำที่ให้แขกคนอื่น ต่างก็ยกแก้วขึ้นอวยพรให้โห้หลีเฉินกับเย้นหว่าน
ทำแบบนี้เหมือนกำลังอวยพรครบรอบแต่งงานของโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านเลย
ตอนนี้เย้นหว่านทำมารยาทได้ดีมาก เธอยิ้มกว้างอย่างอ่อนโยน แล้วคล้องแขนโห้หลีเฉิน มืออีกข้างก็ถือแก้วไวน์
เธอยื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณทุกท่าน พวกเราจะรักกันอย่างดีเลยค่ะ”
เธอสบตาโห้หลีเฉิน จากนั้นก็ดื่มไวน์ลงไป
พอได้ลิ้มลองรสไวน์ เย้นหว่านก็ชะงักสักพัก รสชาติของไวน์แปลกมาก ต่อมาเธอก็ดื่มลงไปทั้งหมด
ฟีเจ๊กมอนมองดูเธอดื่มจนหมด เห็นเธอหมดแล้ว เขาก็ยิ้มกว้างเข้าไปอีก
“คุณโห้เป็นผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับความรักมากที่สุดที่ผมเคยเจอมา คุณนายโห้หายไปสามปี เขาก็ไม่ไปไหนเอาแต่รอคุณกลับมา หลายปีมานี้ผู้หญิงที่ปรากฏอยู่ข้างเขา ก็เป็นเพียงแค่คู่ผู้หญิงที่มางานเลี้ยงเท่านั้น ขนาดเลขาเก่อหรูซวน ผมก็ยังรู้จักหล่อนดี คุณโห้เพียงแค่ทำงานกับหล่อนเท่านั้น ไม่มีความคิดระหว่างชายหญิงเลย”
ฟีเจ๊กมอนมองเย้นหว่านแล้วยิ้ม จากนั้นก็พูดต่อว่า “คุณนายโห้ คุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากที่สุดในโลกนี้เลยนะครับ คุณจะต้องรักษาคุณโห้ไว้ให้ดีนะครับ”
คำพูดนี้พูดเหมือนกับว่าเธอไม่หวงแหนโห้หลีเฉินงั้นแหละ?
เย้นหว่านยิ้มอ่อนๆ “แน่นอนค่ะ”
โห้หลีเฉินมองฟีเจ๊กมอนที่วันนี้ดูพูดมากแปลกๆแถมเสียงยังดังมากด้วย ในใจก็แอบครุ่นคิด ต่อมาเขาก็ยกแก้วไปทางฟีเจ๊กมอน
“ขอบคุณที่ต้อนรับอย่างดี ขอให้คืนนี้คุณมีความสุขเช่นกันนะครับ”
นี่เป็นคำพูดจบบทสนทนา
ฟีเจ๊กมอนเป็นคนฉลาดในงานเลี้ยง เขาไม่รบกวนพวกเขาต่อไป หลังจากยิ้มแล้วชนแก้วกับโห้หลีเฉินเสร็จแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาสองคนไป จากนั้นเขาก็กลับหลังหันไปต้อนรับแขกคนอื่นๆต่อ
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉิน “ฉันคิดว่านายอยากคุยอะไรกับเขาเสียอีก”
อย่างเช่นคุยเรื่องธุรกิจหรือคำพูดเป็นทางการอะไรทำนองนั้น
โห้หลีเฉินเอียงหัว ประชิดหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเย้นหว่านว่า:
“คืนนี้ระวังหน่อย ฟีเจ๊กมอนอาจจะทำอะไรเธอก็ได้”
“มีนายอยู่ ฉันไม่กลัวหรอก”
เย้นหว่านเอียงหัว ทำหน้าไม่สนใจใดๆ
โห้หลีเฉินยิ้ม ในใจก็คิดว่า คืนนี้จะต้องตัวติดกับเธอตลอด เขาจะไม่ปล่อยให้คนอื่นมีโอกาสทำอะไรเด็ดขาด
แต่เรื่องกลับเลยการควบคุมของเขาไปมาก
ผู้คนมากมายต่างก็มาดื่มเหล้ากับเขาไม่หยุดหย่อน บ้างก็พูดคุย บ้างก็คุยเรื่องธุรกิจ ตอนแรกเขาอยากปฏิเสธ แต่เย้นหว่านกลับบอกให้เขารับหน้าดีๆ
ตอนแรก เธอยังยืนอยู่ข้างเขา เขาเลยไม่รู้สึกอะไร
แต่ต่อมา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาคุยกับเย้นหว่าน พูดแล้วก็ลากเย้นหว่านออกไป
โห้หลีเฉินไม่ยอม “เธออยู่กับฉันดีแล้ว”
พวกผู้หญิงหัวเราะและพูดหยอกว่า “คุณโห้กับคุณนายโห้รักกันมาเลยนะคะ แยกกันแป๊บเดียวก็ไม่ได้เลยเหรอคะเนี้ย”
“พวกเราก็แค่ไปคุยกันเอง เดี๋ยวก็เอาคุณนายโห้มาคืนแล้วค่ะ”
“ไม่งั้น คุณโห้ไปคุยกับพวกเราด้วยเลยดีไหมคะ?”
โห้หลีเฉินสีหน้ามืดมนลง เขายังคงจับมือเย้นหว่านไว้ไม่ปล่อย กำลังจะพูดไล่พวกเธอ
แต่ไม่คิดว่า เย้นหว่านจะพูดว่า “นายคุยธุรกิจกับพวกเขาไปเถอะ ฉันก็เริ่มเบื่อแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันไปคุยกับพวกเขาแป๊บนึง แล้วนายค่อยมาหาฉันก็ได้”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว กระซิบพูดไปว่า “เย้นหว่าน เธอจะเป็นอันตรายได้นะ”
“ฉันรู้แล้วน่า” เย้นหว่านกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วก็พูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า “คุณโห้ คุณต้องเชื่อใจฉันนะ ตอนนี้ฉันมีสิทธิ์ยืนข้างคุณแล้ว”
งั้นเธอก็มีความสามารถในการปกป้องตัวเองได้แล้ว
แววตาโห้หลีเฉินมืดมนลง เขาจับมือเย้นหว่านไว้ไม่ยอมปล่อย เขาไม่ได้ไม่เชื่อเธอ แต่เขาแค่ไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว
เย้นหว่านพูดหยอกว่า “คุณโห้ ถ้าคุณยังตัวติดหนึบกับฉันอยู่แบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นจะหัวเราะได้นะ”
หัวเราะแล้วยังไง เขาไม่กลัวสักหน่อย
แต่พอเห็นแววตาที่เด็ดเดี่ยวของเย้นหว่าน มือของเขากลับปล่อยออกช้าๆ