“มันสุกเกินไป”
โห้หลีเฉินก็เลยหยิบอีกไม้ขึ้นมาทาน มันสุกเกินไปจริงๆด้วย
รสนิยมการทานของเขานั้นสูงมาโดยตลอด และไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้เย้นหว่านทานของพวกนี้ เขายกมือขึ้นแล้วก็โยนทั้งจานทิ้ง “ผมจะย่างใหม่”
เย้นหว่านยิ้ม “อืม คุณโห้สู้ๆ”
หลังจากนั้นไม่นาน โห้หลีเฉินก็เอามาให้เย้นหว่านชิมอีกครั้ง
เขามองไปที่เธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “ลองดูสิ”
เย้นหว่านชิมอีกที ก่อนจะพูดว่า “มันแห้งเกินไป”
“ผมจะไปทำใหม่”
“มันนิ่มเกินไป ความร้อนไม่เพียงพอ”
“ผมจะไปทำใหม่”
“มันจืดเกินไป รสชาติไม่เพียงพอ”
“ผมจะไปทำใหม่”
“มันเผ็ดเกินไป”
“ผมจะไปทำใหม่”
“มันเผ็ดไม่พอ”
……
ใช้เวลาไป 3-4 ชั่วโมง ทั้งสองคนก็มีบทสนทนาเพียงแค่เท่านี้
จนกระทั่งฝ่ามืดสนิท เป็นเวลาห้าทุ่ม
เย้นหว่านทานบาร์บีคิวเสียบไม้ที่อยู่ในมือ เธอพูดชื่นชมด้วยแววตาที่เปล่งประกาย “มันอร่อยมาก สมบูรณ์แบบมากๆ คุณโห้ คุณยอดเยี่ยมมาก”
ในขณะที่เธอพูด เธอก็โน้มตัวเข้ามา ปากเล็กๆ ที่มันเยิ้มของเธอ จูบลงบนใบหน้าของเธอ
โห้หลีเฉินรู้สึกประหลาดใจ เป็นเรื่องยากมากที่เย้นหว่านจะเป็นคนจูบเขาก่อน
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะมันเยิ้ม แต่ปากเล็กๆ ก็ยังอ่อนนุ่มและดึงดูดใจเขาได้เสมอ จูบนี้ มันทำให้ความเหนื่อยล้าจากการที่ย่างมาเป็นเวลากว่า 3-4 ชั่วโมงหายไปในทันที
เขาอารมณ์ดีจึงไปย่างให้เธออีกเยอะแยะมากมาย
ทุกอย่างวางอยู่บนโต๊ะ พวกเขาทั้งสองก็ทานด้วยกัน
เย้นหว่านทานทีละไม้ ทานจนเธอรู้สึกพอใจ เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณโห้ รสชาติที่คุณย่างออกมาในตอนนี้ มันอร่อยกว่าพวกเชฟนานาชาติอีก ในอนาคตคุณอยากลองเปลี่ยนงานมาเป็นเชฟย่างบาร์บีคิวไหม?”
โห้หลีเฉินเลิกคิ้วและมองไปที่เธอ “เชฟย่างบาร์บีคิว? ย่างให้คนอื่นทานเหรอ?”
“ไม่ได้หรอก” เย้นหว่านปฏิเสธโดยทันที “คุณย่างให้ฉันทานได้แค่คนเดียว ฉันจะซื้อคุณด้วยเงินเดือนสูงๆ”
“ได้สิ งั้นผมจะเป็นเชฟบาร์บีคิวสุดพิเศษสำหรับคุณ ผมจะให้คุณจ่ายเงินเดือนให้ผมและเลี้ยงดูผม”
โห้หลีเฉินลูบผมของเย้นหว่านด้วยความรัก
คำพูดที่ติดตลก คิดไม่ถึงเลย การกระทำครั้งนั้น มันจะทำให้มาถึงจุดนี้ได้ และคำพูดของเย้นหว่าน ก็ได้กลายเป็นจริงในไม่ช้า
หลังจากที่ทั้งสองทานบาร์บีคิวกันแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว พวกเขาก็เลยกลับไปที่โรงแรมด้วยกัน
ทันทีที่เข้าไป เย้นหว่านก็ผลักโห้หลีเฉินให้ไปอาบน้ำด้วยความรังเกียจ
“กลิ่นควันมันเหม็นไปทั้งตัว รีบอาบน้ำแล้วรีบออกมา”
โห้หลีเฉินจ้องไปที่เธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “บนตัวคุณก็มีกลิ่นควันเหม็นไปทั้งตัว ไม่งั้นไปอาบน้ำพร้อมกับผมไหม? คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมนวดให้คุณได้ด้วยนะ”
เป็นการนวดแบบธรรมดาใช่ไหม?
เย้นหว่านจ้องไปที่เขาสาย “คุณโห้ คุณยุ่งกับการย่างมา 3-4 ชั่วโมงแล้ว คุณต่างหากที่เป็นคนที่เหนื่อยที่สุด ฉันจะเป็นคนที่ไร้น้ำใจ และปล่อยให้คุณนวดให้ฉันได้ยังไงกัน พอแล้ว รีบไปอาบน้ำเถอะ”
ในขณะที่พูด เย้นหว่านก็ค่อยๆ ถอดเสื้อสูทออกให้เขา จากนั้นก็เอาไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า
โห้หลีเฉินไม่รีบร้อน ค่ำคืนนี้อีกยาวนาน อยู่ด้วยกันแบบนี้ ยังไงเขาก็มีโอกาสจัดการกับเธอได้
“ผมอาบน้ำไม่นาน คุณรอผมก่อนนะ”
โห้หลีเฉินเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลดังขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเย้นหว่านก็ค่อยๆ หายไป
ใบหน้าเล็กๆ ของเธอดูตึงเครียดมาก มันดูเป็นกังวลจนอธิบายไม่ถูก
เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างเงียบๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกจากเสื้อคลุมของโห้หลีเฉิน
เมื่อเปิดออก ก็มีข้อความและสายที่ไม่ได้รับนับไม่ถ้วน
ก่อนไปเล่นน้ำทะเล เขาได้วางมือถือไว้ในห้องเก็บของ แล้วก็ได้ปิดเสียง หลังจากกินเล่นเสร็จ เย้นหว่านก็เร่งเขาให้ไปทานข้าว และปล่อยให้โห้หลีเฉินย่างบาร์บีคิวทั้งคืน จนถึงในขณะนี้เขายังไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย
เขาก็ไม่รู้ว่ามีสายโทรเข้ามาหาเขาหลายร้อยสาย
ก่อนพรุ่งนี้เช้า เขาจะไม่มีทางได้รู้เด็ดขาด
แววตาของเย้นหว่านดูมืดมน นิ้วของเธอหยุดลงตรงที่ปุ่มปิดเครื่องเป็นเวลานาน หลังจากนั้นไม่กี่วินาที โทรศัพท์ก็ดับลง และหน้าจอก็ว่างเปล่า
เธอถือโทรศัพท์ไว้แน่น และพึมพำด้วยเสียงต่ำ
“คุณโห้ ฉันขอโทษ”
ทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้ ก็เพื่อล่อโห้หลีเฉินออกไปและเพื่อให้เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทตี้เหา
ตอนที่เขากลับไป ในบริษัทตี้เหา ทุกอย่างก็คงจะเปลี่ยนไปแล้ว
ระหว่างเขากับเธอ ในวันนี้ก็เหมือนกับว่าพวกเธอได้เพลิดเพลินไปกับความสนุก และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างใกล้ชิด เธอแค่กลัวว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน
หัวใจของเย้นหว่านทุกข์ทรมานและเจ็บปวด และเธอก็รู้สึกไม่สบายตัวจนหายใจได้ลำบาก
ในตอนที่เธอทำในสิ่งที่ทำร้ายเขา
เธอใช้ความรักและความเอ็นดูของเขา เพื่อปิดหูปิดตาเขา และขโมยทุกสิ่งของเขาไป
เธอไม่ต้องการทำแบบนี้
แต่เธอก็ต้องทำ
การตัดสินใจทำทุกอย่างก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง มันเป็นทางเลือกเพียงทางเดียวของพวกเขา
“คุณโห้ คุณสัญญาว่าจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับฉัน คุณอย่าโทษฉัน และอย่าโกรธฉันนะ”
เย้นหว่านพูดออกมาด้วยความเศร้าสร้อย
เธอจับโทรศัพท์ไว้แน่นแค่ไหน มันก็หมายความว่าเธอไม่อยากจะให้วันพรุ่งนี้มาถึงมากเท่านั้น
ทันใดนั้น เสียงน้ำในห้องน้ำก็หยุดลง
โห้หลีเฉินอาจจะอาบน้ำเสร็จแล้ว
เย้นหว่านกลับมาได้สติอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ วางโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องแล้วกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของโห้หลีเฉิน จากนั้นเธอก็หันหลังเดินไปที่ประตูห้องน้ำ เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น “ตึก”
ชายในนั้นมองเธอด้วยความประหลาดใจ “คุณภรรยา คุณทำอะไรอยู่”
“คุณโห้ ฉันรู้สึกเจ็บไหล่เล็กน้อย คุณช่วยนวดให้ฉันหน่อยสิ”
เย้นหว่านก้าวเข้าไป และปิดประตูห้องน้ำ
ห้องน้ำที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เลยมีไอความร้อนระเหยอยู่ ใบหน้าของเย้นหว่านแดงก่ำ และดวงตาของโห้หลีเฉินก็ร้อนแรงมากๆ
เขามองดูเธอที่เดินมาตรงหน้าเขา ท่าทีที่ออดอ้อนแบบนั้น มันก็เหมือนกับการยื่นเนื้อมาที่ปากของเขา
เขาคงโหยหามาเป็นเวลานาน
“อืม”
โห้หลีเฉินเสียงแหบ เขากอดเย้นหว่านไว้ ก่อนจะเดินไปที่อ่างอาบน้ำ
ก่อนจะร่วมรักกันทั้งคืน
จนกระทั่งฟ้าสว่าง เย้นหว่านอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอหลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่เธอจะหลับไป โห้หลีเฉินถึงยอมปล่อยเธอไป
เขากอดเธอ และจูบที่หน้าผากของเธออย่างลึกซึ้ง
เขาลืมตาขึ้น สายตาของเขาจดจ่อไปทางตู้เสื้อผ้าอย่างลึกซึ้ง สีหน้าเขาก็ดูสับสนวุ่นวาย
หลังจากผ่านไปนาน เขาก็ถอนสายตา ก่อนจะใช้นิ้วมือลูบไปที่ผมข้างหูของเธออย่างเบามือ
น้ำเสียงเขานุ่มนวล ราวกับความฝัน “คุณต้องการอะไร ผมจะให้คุณทั้งหมด”
ถ้ามันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ และผมก็มีอยู่ในมือ
หลังจากการเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เย้นหว่านก็คงจะหมดแรงแล้ว แต่ก็ยังนอนหลับได้ไม่เพียงพอ
ไม่นานเธอก็ตื่นขึ้นมา เธอมองดูแสงอาทิตย์นอกหน้าต่าง เกือบจะเที่ยงวันแล้ว จากนั้นเธอก็มองไปยังชายที่อยู่ข้างๆ เธอ เขายังคงหลับตา และนอนหลับอย่างสงบ
เขายังคงหลับสนิท แขนของเขาวางไว้ตรงคอของเธอ เธอก็ได้หนุนมาโดยตลอด และเขาก็ไม่ได้ขยับเลย
เย้นหว่านรู้สึกโล่งใจ เธอนอนในอ้อมแขนเขาอีกครั้ง ก่อนจะหลับไป
หลังจากที่เธอผล็อยหลับไปอีกครั้ง โห้หลีเฉินก็ลืมตาขึ้น และมองดูเธอด้วยความรักและเอ็นดู
จนกระทั่งถึงเวลาพลบค่ำ ในที่สุดเย้นหว่านก็นอนจนตื่นขึ้นมา
เธออยากจะลุกไปล้างหน้าล้างตาอย่างเงียบๆ แต่เมื่อเธอขยับตัว เธอก็ได้ปลุกโห้หลีเฉินให้ตื่น
ดวงตาของเขายังคงพร่ามัวเล็กน้อยหลังจากตื่นนอน และเขาก็ดึงเธอกลับเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
“นอนพักอีกสักหน่อยสิ”
เย้นหว่านหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว “คุณโห้ ฟ้าจะมืดแล้ว คุณอยากจะเปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืนเหรอ?”
“มันเปลี่ยนไปแล้ว”
โห้หลีเฉินพูดตามความจริง แขนอันทรงพลังของเขาดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา เขากอดเธอไว้แน่น ก่อนจะเพลิดเพลินกับความอ่อนโยนในช่วงเวลานั้น
เพราะยังไง มันก็เป็นสิ่งที่ได้มาอย่างยากเย็น