การโจมตีของหานจื่อหยุดลง
เธอมองไปที่ป่ายฉีด้วยศรัทธาที่เย็นชา แล้วค่อยๆ พูดออกมาทีละคำ ทำเย็นชาไร้ความปรานี “แกจำเป็นต้องตาย คนตายไม่มีความจำเป็นต้องรู้เรื่องอะไรพวกนี้”
เจตนาฆ่าของเธอที่มีต่อเขานั้นชัดเจนมาก
ไม่ได้ดูมีความใจอ่อน เพราะว่าอดีตเคยคบค้าสมาคมกันมาเลยหมายถึงเดียว
ทันใดนั้นป่ายฉีก็รู้สึกว่า ตรงที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่แผลที่ท้อง แต่ว่าเป็นที่หัวใจของเขา
ความเจ็บปวดที่เหมือนกับแตกเป็นเสี่ยง ทำให้เขารู้สึกหายใจลำบาก
กล่าวว่าความเจ็บปวดนี้มันแปลกประหลาดเกินไป ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกและตื่นตระหนก
เขากัดฟันแล้วพูดว่า “เธอคิดว่าเธอฆ่าฉันได้จริงๆ เหรอ? ”
“แกเจ็บหนักอยู่แล้ว”
หานจื่อกำลังพูดข้อเท็จจริงแล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาป่ายฉีทีละก้าว
มีดในมือของเธอสะท้อนแสงที่เย็นยะเยือก แล้วเลือดก็ไหลหยดลงมา
ออร่าของเจตนาฆ่าที่ชัดเจน พุ่งมาที่ป่ายฉี
หัวใจของป่ายฉีเย็นยะเยือกจนกลายเป็นน้ำแข็ง แต่ว่ามุมปากของเขากลับยกขึ้นตามอำเภอใจ
เขากำลังยิ้มอยู่ “หานจื่อ ถ้าเธอไม่ต้องมาพูดจาไร้สาระกับฉัน ฉันก็คงจะตายไปนานแล้วยังไม่ต้องสงสัย”
พอเขาพูดประโยคนี้ออกมา หานจื่อก็เหมือนจะตระหนักอะไรได้ในทันที เธอรีบพุ่งเข้าไปโจมตีป่ายฉีอย่างรวดเร็ว
และแน่นอน ทันใดนั้นตรงหน้าของเธอนั้น ก็มีเสียงระเบิดดัง”ปัง” ควันสีขาวแผ่กระจายออกมาบดบังสายตาของทุกคน
หานจื่อฝ่าควันสีขาวพวกนั้น ไปถึงจุดที่ป่ายฉีอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ว่าตรงนั้นก็ว่างเปล่า เหลือเพียงแต่กองเลือดเท่านั้น มีร่างของป่ายฉีอยู่ตรงนั้นที่ไหนกัน
เขาหนีไปแล้ว
นี่คือสัญชาตญาณของนักฆ่า เรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลย
หานจื่อกำมีดในมือของตัวเองนั่น ชั้นของน้ำค้างแข็งปกคลุมที่ใบหน้าที่เฉยเมยของเธอ
……
โห้หลีเฉินไม่ได้นอนติดต่อกัน 2 วันแล้ว
นอกจากเวลาที่เขาไปประชุมกับคนอื่น เย้นหว่านก็คอยเฝ้าเขาไม่ห่างเลยแม้แต่ก้าวเดียว ถ้าเกิดว่าง่วงเธอก็หลับไปตรงโซฟา
ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหลับอย่างเพียงพอ แต่ว่าการนอนบนโซฟามันก็ไม่สบายเท่าไหร่ นอนไม่ค่อยหลับ หรือบางทีก็ถูกคนอื่นรบกวน ทำให้สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เหี่ยวเฉามาก ใต้ตาก็ดำเป็นหมีแพนด้า
โห้หลีเฉินเคยพูดอย่างเย็นชาว่า ให้เธอกลับไปที่คฤหาสน์ แต่ว่าเย้นหว่านก็ดื้อรั้นไม่ยอมฟัง
โห้หลีเฉินทำอะไรเธอไม่ได้ ก็เลยได้แต่ปล่อยเธอไปแบบนี้
ยังไงซะความสัมพันธ์ของพวกเขาตอนนี้ก็กำลังตกอยู่ในความเจ็บปวด แม้แต่ความสงบเพียงผิวเผินก็ยังแทบจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นความเป็นห่วงที่มากเกินไปมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
การที่ให้เธอกลับไปนอนที่บ้าน ถือว่าเป็นความอดทนสูงสุดของโห้หลีเฉินแล้ว
เช้าวันนี้ เย้นหว่านแบกใต้ตาหมีแพนด้าทั้งสองข้างออกมากินข้าว เราก็ได้เจอกับเว่ยชีที่รอเธออยู่ข้างนอก
เย้นหว่านเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของเขา ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
เธอถาม”เกิดเรื่องขึ้นเหรอ?”
เว่ยชีพยักหน้า
ถ้าเกิดว่าไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เว่ยชีไม่มีทางทำสีหน้าแบบนี้เด็ดขาด และเรื่องใหญ่เพียงเรื่องเดียวของเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็มีแค่การที่ป่ายฉีไปฆ่าคนอื่น
ถ้าอย่างนั้นมันก็หมายความได้อย่างคลุมเครือว่า คนที่เกิดเรื่องขึ้น น่าจะเป็นเขา
เย้นหว่านเริ่มรู้สึกเป็นกังวล แล้วก็รีบลากเว่ยชีออกมาจากบริษัทในทันที
ตอนแรกก็วางแผนจะไปในที่ที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ แต่ว่าเว่ยชีกลับพาเธอขึ้นรถ ไม่พูดอะไรและก็ขับรถออกไปทันที
เย้นหว่านรู้สึกสงสัย แต่ว่าก็ปิดปากสนิท ไม่ทำอะไรแล้วก็ไม่พูดอะไรด้วย
เว่ยชีเป็นคนที่ทำเรื่องอะไรเชื่อถือได้ เขารู้ว่าเธอต้องอยู่เฝ้าโห้หลีเฉินที่บริษัท ไม่มีทางให้เธอออกจากบริษัทง่ายๆ และทำให้เก่อหรูซวนได้มีโอกาสได้หรอก แต่ว่าตอนนี้เขาพาเธอออกมา แสดงว่าเรื่องมันต้องใหญ่กว่าการคอยจับตามองเก่อหรูซวนอย่างแน่นอน
ทางด้านนี้
เก่อหรูซวนเห็นว่าเย้นหว่านออกไป และก่อนที่จะไปก็ดูรีบร้อน ไม่พูดไม่จาอะไรเลย
เธอมีความสุขที่รู้ว่าโอกาสมาแล้ว แล้วก็รีบเดินไปที่ห้องทำงานของประธานในทันที
และแล้ว เธอเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว เลขาหลิว ก็เดินตามหลังของเธอมา อยู่ห่างกันเพียงแค่ก้าวเดียว เหมือนกับว่าเป็นเงาของเธอ
เก่อหรูซวนถลึงตาใส่เธอด้วยความรำคาญ “แกจะตามฉันมาเพื่อ? ออกไปเลยนะ”
เลขาหลิวตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “คุณนายให้ฉันคอยตามทำงานกับคุณ แน่นอนว่าคุณไปไหนฉันก็ต้องไปที่นั่นสิ”
เก่อหรูซวนโมโห “ไร้สาระ เมื่อกี้ตอนที่เธอไป ไม่ได้พูดอะไรกับแกสักคำเดียว”
เลขาหลิว:”เมื่อคืนคุณนายบอกไว้ ก็ถือว่ามีผลวันนี้เหมือนกัน”
เก่อหรูซวน:”……”
เมื่อวานเธอได้เห็นฝีมือในการก่อกวนคนของเลขาหลิวแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงหยุดยั้งไม่ให้เธอกับโห้หลีเฉินได้อยู่ด้วยกันเพียง 2 คนเท่านั้น แม้แต่ทำให้เธอไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเลยด้วยซ้ำ
ในทางตรงกันข้าม เห็นได้ชัดว่าเลขาหลิวเป็นคนของเย้นหว่าน ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่สามารถแตะต้องคนของเย้นหว่านได้
เก่อหรูซวนโกรธจนเกือบตาย แต่ว่าเธอทำได้แค่ต้องจำใจกลืนความโกรธรองท้องไป
เว่ยชีพาเย้นหว่านมาที่ย่านใจกลางเมืองและจอดรถลง
เย้นหว่านมองดูคนเดินผ่านไปผ่านมานอกหน้าต่างรถ เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเว่ยชีเท่านั้น
เว่ยชีหันหน้ามา แล้วก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เย้นหว่าน
“ป่ายฉีได้รับบาดเจ็บ นี่คือที่อยู่ของเขา เขากำลังรอให้คุณไปรักษาบาดแผลให้อยู่ ที่นี่คนเยอะ คุณต้องใช้โอกาสนี้หลีกเลี่ยงคนที่ติดตามคุณ หลังจากแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้วค่อยไปหาเขา”
เว่ยชีหยุดไป ค่อนข้างรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ “คุณนายครับ วิธีนี้มันอันตรายมาก แต่ว่าผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ คุณทำได้ไหม? ”
“วางใจเถอะ ฉันทำได้”
เย้นหว่านพยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว เธอมองกระดาษแผ่นนั้น หลังจากแน่ใจที่อยู่แล้ว ก็ฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลังจากนั้นเธอก็เปิดประตูรถออก แล้วก็เดินเข้าไปภายในกลุ่มคน
เว่ยชีก็ลงจากรถพร้อมกัน แล้วก็เดินไปพร้อมกับเย้นหว่าน
แต่ว่าหลังจากเขาเดินไปได้ไม่ไกล ในสถานที่ลับ ก็ได้เปลี่ยนมาใส่เสื้อคลุมตัวเดียวกับเย้นหว่าน พร้อมกับเดินไปทางอื่น
หลายปีมานี้ เย้นหว่านไม่ใช่คนเดียวกับในตอนแรกอีกแล้ว
ถึงแม้ว่าหลังจากแข็งแกร่งขึ้นแล้วเธอก็ยังไม่สามารถจัดการกับฉู่หยุนซีได้ หนีไม่พ้นเขา แต่ว่าหลังจากการที่ได้หลบหนีครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็ได้มีฝีมือเพิ่มขึ้นในด้านการหลบหนีและการซ่อนตัวจากผู้อื่น
ผ่านไปไม่นาน เก่อหรูซวนก็ได้รับข้อความ
[เย้นหว่านหายไปแล้ว เว่ยชียังอยู่ภายใต้การดูแล]
เก่อหรูซวนโกรธจนปาโทรศัพท์ทิ้ง “พวกขยะ!ขยะ!ขยะทั้งหมด แม้แต่ผู้หญิงคนเดียวก็ตามไม่ได้ เลี้ยงพวกแกไว้มันเสียข้าวสุกจริงๆ ”
หลังจากโกรธ เธอก็ยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้น
เย้นหว่านคือไพ่ใบที่ใหญ่ที่สุดขององค์กร การมีเธอไว้ในมือ มันยังสำคัญกว่าการมีโห้หลีเฉินอีก ถ้าเกิดว่าเธอหายไป การสูญเสียเธอคือการสูญเสียไพ่ใบใหญ่ที่สุดอย่างแท้จริง
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ จะไม่รอบคอบไม่ได้ เธอรีบโทรหาเบื้องบนในทันที
“ท่านขา เย้นหว่านหายตัวไปแล้ว ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เธอน่าจะหนีไปแล้ว พวกเราควรรีบใช้แผนB ควบคุมโห้หลีเฉินเอาไว้ไหมคะ?”
ในอดีต เก่อหรูซวนเคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กับโห้หลีเฉิน เธอคือคนที่ไม่ยอมเห็นคนในองค์กรลงไม้ลงมือกับโห้หลีเฉินมากที่สุดแล้ว เธอแค่อยากรักษาความสัมพันธ์ระหว่างโห้หลีเฉินกับองค์กรเอาไว้ ให้ยาวนาน มีผลประโยชน์ร่วมกัน
แต่ว่าตอนนี้ น่าจะเป็นเพราะรักจนกลายเป็นเกลียด เธอกลับมีความคิดที่จะลงไม้ลงมือกับโห้หลีเฉินแล้ว
อยากจะดำเนินการแผนB ควบคุมตัวโห้หลีเฉินเอาไว้ ทำให้เขาเป็นนักโทษ เธอก็จะสามารถทำอะไรกับเขาก็ได้ในฐานะผู้ควบคุม
ตามความเป็นจริงแล้ว ต่อให้ไม่ได้หัวใจของเขา แต่ว่าสุดท้าย ได้ตัวเขาก็ดีแล้ว
เก่อหรูซวนเต็มไปด้วยหัวใจที่ชั่วร้าย รอให้เสียงปลายสายออกคำสั่งที่ทำให้เธอพึงพอใจ