บทที่ 31: ภาพที่ใจแคบ
หลินซัวหานหมดแรงหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน มันมีสัญญาณของความอ่อนล้าบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ
หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ และมันก็ทำให้ผมของเธอก็เลอะเหลื่อเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ไม่สามารถซ่อนความงามของเธอได้
หลินซัวหานทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านชานมไข่มุก แท้จริงแล้วมันคือร้านชานมชื่อเอ๋อร์เตียนเตียน!
การปรากฏตัวของเธอเพิ่มสีสันให้กับร้านอย่างไม่ต้องสงสัย
เถ้าแก่ของร้านชานมไข่มุกรู้สึกว่าการตัดสินใจของเขาในอดีตนั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อใดก็ตามที่หลินซัวหานมา ยอดขายของเขาก็จะสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
น่าเสียดายที่หลินซัวหานทำงานได้เฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น
ช่างน่าเสียดาย!
เถ้าแก่ได้แต่งงานแล้วและเขาก็มีภรรยาที่ใจร้ายอยู่ที่บ้าน ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดอื่นใดต่อหลินซัวหาน
อย่างไรก็ตาม พนักงานชายสองคนในร้านของเขาต่างพากันหลั่งน้ำตาให้กับสาวสวยคนนั้น พวกเขาจะมอบอาหารเช้าให้เธอในตอนเช้าหรือไม่ก็เลี้ยงอาหารกลางวันเธอ พวกเขาพยายามเอาใจใส่เธออย่างมาก
เถ้าแก่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและอยากจะพูดอะไรสักอย่าง อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของลูกจ้าง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ตั้งกฎเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาออกเดทในช่วงเวลาทำงานเท่านั้น
และกฎก็ได้ผล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลางานสิ้นสุดลง เถ้าแก่ก็จะควบคุมพวกเขาไม่ได้อีกต่อไป
ขณะนี้ลูกจ้างกำลังเก็บของและเตรียมตัวออกจากงาน ในขณะนั้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และดูสุภาพเรียบร้อยก็เดินเข้ามาและยิ้มให้หลินซัวหาน
“ ซัวหาน นี่มันดึกมากแล้ว ให้ฉันไปส่งเธอไหม?”
ชายหนุ่มอีกคนดูสดใสและดูสะอาดตาด้วยการดัดผมด้วยกระดาษฟอยล์ เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเขาช้าไปหนึ่งก้าว เขาก็พูดอย่างกังวลว่า “ ซัวหาน บ้านของเธออยู่ระหว่างทางกลับบ้านของฉัน ดังนั้นทำไมไม่ให้ฉันไปส่งเธอที่บ้านล่ะ?
หญิงสาวล้อเลียนเขาจากด้านข้าง “ ถามจริง? ‘ระหว่างทาง‘ ของนายมันอยู่ห่างจากบ้านของซัวหานตั้งประมาณสิบกิโลเมตรเลยหรอ?”
“ อย่างน้อยบ้านของฉันก็ถือว่าอยู่ใกล้กับเธอมากกว่าของเฉียนเว่ยป๋อ เขาอยู่ห่างกันอย่างน้อยก็ตั้ง 20 กม.แหนะ” ชายผู้ดัดด้วยกระดาษฟอยล์ตอบ
เฉียนว่ยป๋อที่ดูสูงส่งขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ โดยปกติแล้ว ฉันจะไปออกกำลังกายตอนกลางคืน ดังนั้นถ้าฉันไปส่งซัวหานกลับบ้านแล้วกลับบ้านของฉัน การออกกำลังกายในวันนี้ของฉันก็จะเป็นอันเสร็จสมบูรณ์”
“ ฮึ่ม ข้อแก้ตัวของนายฟังดูดีมาก” ชายหนุ่มอีกคนเย้ยหยัน
“ เอาล่ะ หยุดการต่อสู้ได้แล้ว ฉันไม่ต้องการให้พวกนายไปส่งฉันกลับหรอกนะ ฉันกลับบ้านเองได้” หลินซัวหานพูดอย่างเย็นชา เหมือนเคย เธอปฏิเสธพวกเขาในทันที
ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกหมดหนทาง พวกเขาถูกปฏิเสธตลอดเวลา อันที่จริง พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลินซัวหานอาศัยอยู่แถวไหน
หลินซัวหานต้องการที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของเธอ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะปกปิที่อยู่ของเธอไม่ให้พวกเขารู้
ชายหนุ่มทั้งสองยังคงต้องการลองเสี่ยงโชค อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ คนสวย ขอชานมไข่มุกสักแก้วสิ!”
หลินซัวหานพบว่าน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งนี้ฟังดูคุ้นมาก
“ ฉันต้องขอประทานโทษด้วย แต่เราปิดร้านแล้ว”
ทันทีที่เฉียนเว่ยป๋อพูดจบ หลินซัวหานก็หันกลับไปและพบกับชายคนหนึ่ง จากนั้นมันก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจและถามว่า “ นายมาที่นี่ทำไม?”
“ ดูที่เธอพูดสิ? ทำไมฉันถึงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้” หวังเต็งยิ้มและตอบ
เฉียนเว่ยป๋อและชายหนุ่มที่ดัดผมด้วยกระดาษฟอยล์รู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างมากเมื่อได้ฟังการโต้ตอบที่คุ้นเคยของคนสองคนนี้
นอกจากนี้ ผู้ชายคนนี้ก็ยังหล่อกว่าพวกเขาเล็กน้อย!
อืม… ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น!
เฉียนเว่ยป๋อถามว่า “ ซัวหาน ชายคนนี้คือใครกัน?”
“ ซัวหาน?”
“ ฮึ่ม” หวังเต็งมองไปที่เธออย่างมีนัยยะ
“ เขาเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันเอง” หลินซัวหานตอบ
“ เพื่อนร่วมโต๊ะ!”
สายตาของเฉียนเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคนได้หยุดนิ่ง จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน
พวกเขาสามารถบอกได้จากการจ้องมองของกันและกันว่านี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และพวกเขาก็จะไม่สามารถเอาชนะชายคนนี้ได้หากพวกเขาไม่ร่วมมือกัน
“ เนื่องจากเขาเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของหลินน้อย งั้นเราก็มาทำชานมไข่มุกแก้วสุดท้ายให้เขากันเถอะ” เถ้าแก่พยักหน้าให้หวังเต็งและกล่าว
เฉียนเว่ยป๋อถามว่า “ คุณเพื่อนร่วมชั้นอยากดื่มอะไรดีครับ?”
“ คุณมียอดดอยไหม” หวังเต็งถาม
เฉียน เว่ยป๋อ: …
มึงหมายถึงอะไรที่พูดถึงยอดดอย!
นี่คือร้านชาไข่มุก ไม่ใช่ซุปเปอร์มาร์เก็ต!
หากคุณต้องการดื่มยอดดอย คุณก็ควรจะไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อมาชงเองที่บ้าน!
เฉียงเว่ยป๋อกรีดร้องในใจ
เถ้าแก่ร้านชานมไข่มุกและลูกจ้างคนอื่นๆก็พูดไม่ออกเช่นกัน พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรดี
ในทางกลับกัน หลินซัวหานก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เธอทำสูตรที่ง่ายที่สุด ชานมดำไข่มุก เธอเตรียมถ้วยที่ใหญ่ที่สุดสำหรับหวังเต็งและรีบทำให้เสร็จโดยไว จากนั้นเธอก็วางมันลงตรงหน้าเขา
“ 12 หยวน!”
“ แพงมาก!” หวังเต็งไม่สนใจว่ามันเป็นชานมไข่มุกแบบไหน เขาบ่นอยู่ครู่หนึ่งและหยิบโทรศัพท์ออกมาจ่ายค่าเครื่องดื่ม
หลินซัวหานไม่สนใจหวังเต็ง หลังจากเก็บของเรียบร้อย เธอก็บอกลาเถ้าแก่และเดินออกจากร้านชานมไข่มุก
เธอผลักสกู๊ตเตอร์สีชมพูออกจากที่จอดรถด้านข้าง
จากนั้น เธอก็สวมหมวกฮัลโหลคิตตี้ทรงกลม และกำลังจะขี่สกู๊ตเตอร์ออกไป
“ ซัวหาน รอฉันด้วย”
เฉียงเว่ยป๋อและชายอีกคนรีบเก็บของและไล่ตามเธอไป
การปรากฏตัวของหวังเต็งนั้นทำให้พวกเขารู้ตัวว่าพวกเขาจะรอช้าอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว คืนนี้ไม่ว่าหลินซัวหานจะปฏิเสธพวกเขายังไง พวกเขาก็วางแผนที่จะไปส่งเธอกลับบ้านอย่างไร้ยางอายให้ได้
หลินซัวหานขมวดคิ้วอย่างไม่มีความสุขเมื่อเห็นพวกเขาสองคนรบกวนเธอเหมือนพลาสเตอร์ยาจีน
“ คุณหัวหน้าห้อง ให้ฉันไปส่งคุณที่บ้านเอาไหม” ในเวลาเดยวกัน หวังเต็งก็เดินเข้าไปพร้อมกับถือชานมของเขา
“ ไม่จำเป็น!” หลินซัวหานกล่าวอย่างเย็นชา
“ เราเป็นเพื่อนร่วมชั้น เธอไม่จำเป็นต้องเกรงใจฉันหรอก”
หวังเต็งคว้าสกู๊ตเตอร์ตัวน้อยของหลินซัวหานและยกมันขึ้นด้วยมือข้างเดียว
“ โอ้ พระเจ้า ความแข็งแกร่งของเขา!”
สีหน้าของชายหนุ่มทั้งสองเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลง เมื่อหวังเต็งเดินไปที่รถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างถนน ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างมากขึ้น
“ บี๊บ!”
ท้ายรถเปิดออก และหวังเต็งก็ยัดสกู๊ตเตอร์ของหลินซัวหานเข้าไปในรถ อย่างไรก็ตาม ฝาก็ไม่สามารถปิดได้อย่างถูกต้อง
สกู๊ตเตอร์สีชมพูถูกวางไว้ทายรถโดยมีส่วนหัวของมันโผล่ออกมาให้เห็น
O_o…
“ น่าทึ่ง!”
“ นี่มันน่าทึ่งจริงๆ!”
“ การบรรจุสกู๊ตเตอร์ในรถสปอร์ต ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!”
การกระทำนี้ทำให้เถ้าแก่ร้านชานมไข่มุกและลูกจ้างคนอื่นๆรู้สึกตกตะลึง
“ นี่คือระยะห่างระหว่างเราอย่างงั้นหรอ?”
เฉียงเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคนเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตของพวกเขา
หวังเต็งเดินไปเปิดประตูรถและกระตุ้นให้หลินซัวหานขึ้นไป
“ ไปกันเถอะ. เธอกำลังรออะไรอยู่?”
หลินซัวหานกัดริมฝีปากของเธอและกระทืบเท้าของเธอ ท้ายที่สุดเธอก็ต้องยอมขึ้นไปบนรถ
เพล้ง!
ชายหนุ่มที่มองดูอยู่ทั้งสองรู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขาได้แตกสลาย!
และชายหนุ่มทั้งสองก็เอามือจับหน้าอกของพวกเขาทันที
หวังเต็งช่วยหลินซัวหานปิดประตูรถ ขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้และเดินเข้าไปหาเฉียงเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคน
“ ไอ้หนุ่ม พวกนายสนิทกับเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันมากใช่ไหม?” เขายิ้มและถาม
ทั้งสองคนต้องการที่จะพยักหน้า อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันหวังเต็งก็ได้เอามือวางลงบนไหล่ของพวกเขา…
วินาทีถัดมา ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวก็ได้แล่นผ่านพวกเขา!
“ เนื่องจากนายไม่ได้สนิทกับเธอ เพราะงั้นคราวหน้าก็อย่าลืมเรียกเธอด้วยชื่อเต็มของเธอหรือไม่ก็เรียกเธอว่าคุณหญิง เข้าใจไหม?”
หวังเต็ง!
ใจแคบจริงๆ!
หวังเต็งพ่นลมออกมาและปล่อยมือของเขา ใบหน้าของเฉียงเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคนหน้าแดงเพราะกลั้นหายใจ
ปวด~
พวกเขารู้สึกราวกับว่ากระดูกของพวกเขาได้ถูกบดขยี้
ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์ เขาจะต้องเป็นศิษย์นักสู้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้เขาก็ยังขับรถสปอร์ต นั่นหมายความว่าเขาร่ำรวยมาก!
พวกเขาไม่สามารถยั่วยุเขาได้! และพวกเขาก็ใควรทำด้วย!
ตัวสั่น~
ทั้งสองคนรีบพยักหน้า หลินซัวหาน? เธอเป็นใคร? เธอสวยขนาดไหน? เธอเกี่ยวอะไรกับพวกเขา?
ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือส่งมารตัวนี้ออกไป
หวังเต็งขับรถของเขาออกไปในตอนกลางคืนด้วยเครื่องยนต์ที่ดังของเขา เฉียงเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคนจ้องไปที่ไฟท้ายของรถสปอร์ตด้วยความงุนงง
เช่นเดียวกับสกู๊ตเตอร์ตัวน้อยที่โผล่ออกมาด้านนอก…
พวกเขารู้สึกถึงความอัปยศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน!