บทที่ 434 วิธีการของหลินเย่น
“ไสหัวไปซะ พวกเราไปเอง!”
หลินเย่นมองพวกยามหลายคนนั้นอย่างขยะแขยงอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็เบนมาที่เสี้ยเมิ่งเหยา พร้อมทั้งอาการหมั่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “อีนังแพศยา! มึงรอดูกูเอาไว้! ไม่ช้าเร็วกูจะทำให้มึงพ่ายแพ้ชื่อเสียงป่นปี้!”
“ได้ ฉันจะรอดู” เสี้ยเมิ่งเหยาเอ่ยปากอย่างปกติไม่มีอาการเหน็บแนมใดๆ
เมื่อพูดคำพูดที่ทุเรศออกมาแล้ว หลินเย่นก็เดินหันหลังกลับ อารมณ์ของเสี้ยเมิ่งเหยาแสดงท่าที่แบบนั้นออกมา เธอเองก็ไม่อาจขัดขืนยามหลายนั้นได้จริงๆ ถ้าขัดขืนแล้ว คนที่จะขายหน้าก็คือเธอเอง
“เมิ่งเหยา ป้าสองของแก…”
“ตอนนี้แม่พอใจหรือยัง?” เสี้ยเมิ่งเหยาพูดตัดบทหลินหลันอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้เธอก็เคยบอกหลินหลันแล้วว่า เรื่องที่เธอเป็นประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปนั้นอย่าได้แพร่งพรายบอกใครทั้งนั้น แต่คาดไม่ถึงเลย เผลอแค่ประเดี๋ยวเดียวหลินหลันกลับเอาเรื่องนี้ไปบอกสองแม่ลูกหลินเย่นซะแล้ว
“เอ่อ เมิ่งเหยา แม่ก็ไม่รู้ว่าป้าสองของแกจะทำเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา…” สีหน้าหลินหลันประดักประเดิดเล็กน้อย เธอไม่เคยเลยจริงๆ หลินเย่นจะยื่นข้อเสนอที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวแบบนี้ออกมาได้ อีกอย่างพอเสี้ยเมิ่งเหยาปฏิเสธแล้ว เธอยังทำตัวเหมือนมนุษย์ป้าที่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายอีก
“ต่อไปไม่อนุญาตให้พาใครมาอีก” เสี้ยเมิ่งเหยาส่งสายตาแข็งกร้าวมองมาที่หลินหลันอยู่แวบหนึ่ง ถ้าไม่สอนให้หลินหลันหลาบจำ ไม่แน่ผ่านไปอีกสองวัน หลินหลันก็คงพาบรรดาญาติสนิทมิตรสหายขนมาทั้งตระกูลมาที่นี่แน่
“ต่อไปแม่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” หลินหลันคอตก น้ำเสียงอ่อนลง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอเป็นแม่แท้ๆ ของเสี้ยเมิ่งเหยา ทว่าเธอก็ไม่กล้าที่ทำเหมือนแต่ก่อน ที่แสดงออกกับเสี้ยเมิ่งเหยา ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเสี้ยเมิ่งเหยานั้น ในใจลึกๆ ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
อีกฝั่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าสองแม่ลูกหลินเย่นถูกไล่ตะเพิดออกจากบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปแล้วก็ตาม ทว่าสองแม่ลูกยังไม่ล้มเลิกความคิดไปง่ายๆ แถมยังบากหน้าที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเดินเข้าไปในร้านถ่ายเอกสาร
หลังจากนั้นสิบนาที ทั้งสองคนก็หอบเอากระดาษที่ถ่ายเอกสารสีสันสะดุดตาเรียบร้อยแล้วออกจากร้าน แล้วกลับมาที่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปอีกครั้ง…
เวลาผ่านไปเร็วมากเผลอประเดี๋ยวเดียวก็เป็นเวลาพักทานข้าวเที่ยงแล้ว
หลังจากปิดคอมพิวเตอร์แล้ว เฉินเฟิงก็เดินเข้าไปในโรงอาหารของพนักงานของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป
จากนั้นก็เริ่มสั่งอาหารหลายอย่าง เมื่อเฉินเฟิงเตรียมนั่งลงกินข้าว เวลานั้นเอง หลี่เล่อก็ทำหน้าตาเลิ่กลั่กเดินเข้ามา ในมือของเขามีกระดาษที่มีข้อความสีสันสะดุดตา
“พี่เฟิง มีข่าวดังมาใหม่อยากดูไหม?” หลี่เล่อมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง จึงเห็นว่าไม่มีใครสนใจทางตัวเอง จากนั้นเลยพูดกระซิบกระซาบออกมา
“ข่าวล่ามาเร็วอะไร?” เฉินเฟิงถามกลับแบบไม่ใส่ใจ
“เรื่องเกี่ยวกับประธานเสี้ย” หลี่เล่อพูด
“ประธานเสี้ย?” เฉินเฟิงตะลึง รีบถามทันควัน “เอามาให้ฉันดูเร็ว!”
“นี่ครับ พี่เฟิง”
หลี่เล่อเอากระดาษที่มีข้อความสีสันสะดุดตายื่นให้ที่มือเฉินเฟิง
เมื่อรับกระดาษที่มีสีสันสะดุดตาแล้ว จากนั้นก็กวาดตามอง สีหน้าของเฉินเฟิงนิ่งลงไปทันที
“กระดาษนี้เอามาจากไหน?” เฉินเฟิงเงยหน้าถาม ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เก็บได้ที่ด้านหน้าประตูบริษัท” หลี่เล่อพูดออกมาทันที ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงสีหน้าที่ดูเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้ของเฉินเฟิง หลี่เล่ออดไม่ได้จึงถามกลับ “ทำไมเหรอ พี่เฟิง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เฉินเฟิงไม่ยอมตอบคำถามของหลี่เล่อ แต่เป็นฝ่ายถามซักไซ้กลับ “ตอนนี้แผ่นกระดาษพวกนี้ยังมีอยู่เยอะไหม?”
“เยอะแยะ ด้านหน้าประตูบริษัทมีตั้งเยอะแยะ ขนาดตรงป้ายโฆษณาฝั่งตรงข้ามบริษัท ก็ยังมีคนเอากระดาษนี้ไปติดอยู่เต็มไปหมด”
เมื่อฟังหลี่เล่อพูดจบ สีหน้าของเฉินเฟิงก็หม่นหมองลงไปอีก ถึงแม้ไม่รู้ว่ากระดาษนี้ใครเป็นคนทำขึ้นมา แต่เป้าหมายของอีกฝ่ายก็ชัดเจนอยู่แล้ว กำลังสร้างข่าวให้เสี้ยเมิ่งเหยาเสียหาย!
“พี่เฟิง ข้อความในนั้นที่เขียนอยู่ เห็นก็รู้ว่าเป็นข่าวปลอม ประธานเสี้ยจะเคยแต่งงานมาก่อนได้ยังไง ตลกชะมัด… เอ่อ พี่เฟิง พี่ก็อย่าเก็บมาใส่ใจเลย” หลี่เล่อยิ้มให้ตอนที่กำลังปลอบใจเฉินเฟิง แต่ในใจนั้นรู้สึกเสียใจขึ้นมา ไม่น่าจะเอากระดาษที่ถ่ายเอกสารนี้มาให้เฉินเฟิงดูเลย เฉินเฟิงชอบเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ วันนี้เมื่อรู้ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาเคยแต่งงานมาแล้ว แถมยังมีข่าวว่าหย่าแล้วด้วย ในใจของเฉินเฟิงจะรับไหวได้อย่างไร
ส่วนเฉินเฟิงก็ไม่มีทางรู้ได้ถึงความคิดที่อยู่ในใจของหลี่เล่อ แน่นอนว่า หลี่เล่อเองก็ไม่รู้ว่า ข้อความที่เขียนในกระดาษที่ถ่ายเอกสารนี้พูดถึงเรื่องอดีตสามีคนเก่าที่ไร้ประโยชน์ของเสี้ยเมิ่งเหยาที่เกาะเมียกิน ก็คือเฉินเฟิงที่อยู่ด้านหน้าของเขานี่แหละ
“รู้ไหมว่าใครเป็นคนทำเรื่องบ้าบอนี่ขึ้นมา?” เฉินเฟิงถามกลับด้วยสีหน้าเย็นชา คนที่ถ่ายเอกสารออกมานั้น เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับเขาและเสี้ยเมิ่งเหยามาก ขนาดวันเวลาที่เขากับเสี้ยเมิ่งเหยาหย่าร้างกัน คนคนนี้ยังรู้อีก
“ไม่รู้เลย” หลี่เล่อได้แต่ส่ายหน้าไปมา ทันใดนั้นเหมือนคิดอะไรออก เขาพูดอย่างทันควัน “มีข่าวซุบซิบมาว่า คนที่ทำกระดาษพวกนี้ เป็นคู่สองแม่ลูก เหมือนว่าพวกเธอกับท่านประธาน เป็นญาติกัน”
“เป็นญาติกัน?!” นัยน์ตาของเฉินเฟิงฉายแววตาความเย็นเฉียบออกมา เหมือนว่าวินาทีนั้น เขาก็ล็อกเป้าหมายเป็นหลินเย่นและถางรั่วเสวี่ยนแล้ว
เสี้ยเมิ่งเหยาไปทำเรื่องให้คนโกรธไม่ได้มีเยอะ แถมเป็นญาติด้วย ก็ต้องเป็นครอบครัวหลินเย่นแล้ว
ส่วนเรื่องที่หลินเย่นทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยนั้น เฉินเฟิงลองเดาอยู่ในใจ น่าจะเป็นเรื่องงานดูตัวในวันนั้นแหละ
“พี่เฟิง คุณรู้เหรอว่าใครเป็นคนทำ?” หลี่เล่อถามกลับอย่างอดไม่ได้ ดูสีหน้าของเฉินเฟิงแล้ว ดูเหมือนอยากออกหน้าแทนเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างนั้น
เฉินเฟิงเม้มริมฝีปาก แต่ไม่ได้พูดออกมา เวลานั้นเอง ก็มีเสียงกระซิบกระซาบ ดังเข้าโสตประสาทของเขา
“นี่ๆ แกรู้หรือเปล่า? ท่านประธานเสี้ยของเราเป็นแม่ม่ายที่เคยหย่ามาแล้ว”
“รู้สิ ตอนนี้ในบริษัทของเราใครไม่รู้บ้างล่ะ? ได้ข่าวว่า ที่ประธานเสี้ยหย่ากับสามีคนก่อน ก็เพราะว่าสามีคนก่อนเป็นลูกเขยที่แสนจะไร้ประโยชน์”
“ลูกเขยไร้ประโยชน์เหรอ? เป็นแบบมาอาศัยที่บ้านแบบนั้นนะเหรอ”
“ใช่ มาอาศัยแบบนั้นแหละ ได้ข่าวว่าสามีคนก่อนของเธอเป็นคนไร้ประโยชน์มาก ทำงานรับจ้างส่งของDelivery แบบนั้น ท่านประธานเสี้ยทนเขาไม่ไหว เลยขอหย่ากับเขาไปแล้ว”
“ว๊าย ด้วยฐานะของท่านประธานเสี้ยแบบนี้นะ ทำไมไปแต่งงานกับคนส่งของDeliveryได้ล่ะ?”
“เหอะๆ ประธานเสี้ยเหรอ? เธอกับสามีเก่าในช่วงเวลานั้น ยังไม่ใช่ประธานเสี้ยอะไรนี่”
“หมายความว่ายังไง?”
“หมายความว่ายังไงแหกตาดูข้อความในกระดาษก็เขียนไว้แล้วนี่? ประธานเสี้ยของพวกเราใช้เต้าไต่ปีนป่ายกรรมการคนใดคนหนึ่งของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป จากนั้นก็ถีบหัวส่งสามีคนเก่าที่ไร้ประโยชน์ให้ไปไกลๆ ซะ จากนั้นก็มาทำงานที่คางเหม่ย ก็ได้รับตำแหน่งเป็นท่านประธานเลยไง”
“ห๊า? มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?”
“จะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไง? เรื่องปกติ สถานการณ์ของเธอแบบนี้ ไม่สามารถมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทของพวกเราหรอก นอกจากเอาตัวเข้าแลกเท่านั้นแหละ”
“มันก็ใช่ ก่อนหน้าที่ประธานเสี้ยยังไม่มา ประธานที่อายุน้อยที่สุดก็อายุสี่สิบกว่าแล้ว ประธานเสี้ยอายุแค่ยี่สิบกว่าก็มาในตำแหน่งนี้แล้ว มันมีปัญหาจริงๆ แหละ”
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามความจริง งั้นประธานเสี้ยก็ไม่ใช่คนแล้วแหละ”
“ก็ใช่ เพื่อการไต่เต้ายกระดับตัวเองให้สูงส่งถึงกลับต้องถีบหัวส่งสามีของตนเองเลยเหรอเนี่ย”
“ฮ่าๆ ความจริงแล้วฉันก็เห็นไส้เห็นพุงผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรกว่าไม่ใช่คนดีอะไร ทำหน้าทุเรศทั้งวัน ทำเหมือนว่าใครเป็นหนี้เธออยู่แปดแสนแบบนั้น”
“เธอมาทำหน้าเคร่งเครียดต่อหน้าพวกเรา แต่พอไปอยู่ต่อหน้ากรรมการบริษัทแล้ว ไม่แน่อาจจะทำเรื่องลามกจกเปรตไปอีกก็ได้”
สีหน้าของเฉินเฟิงกำลังแผ่รัศมีเย็นเฉียบออกมา เสียงถกเถียงกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น เป็นพนักงานของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปทั้งนั้น
ท่ามกลางมรสุมที่หลินเย่นใส่ร้ายป้ายสีขึ้นมา คนเหล่านี้ก็เอาความอิจฉาริษยาความไม่พอใจที่อัดอั้นอยู่ในใจนั้นพูดออกมาทั้งหมด
ส่วนเรื่องจริงล่ะ?
พวกเธอไม่สนใจอะไรนี่!
เพราะว่าสิ่งที่ออกมาจากปากเขา มาถือว่าเป็นความจริงทั้งหมด!