แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 451 ไม่มีบัตรเชิญเหรอ
“จำได้สิ” หลี่เล่อมองมาที่เฉินเฟิงอยู่แวบหนึ่งด้วยแววตาที่ซาบซึ้ง พฤติกรรมเช่นนี้ของเฉินเฟิง ก็เพื่อจะได้สั่งสมความกล้าหาญให้เขา เวลาในเดียวกัน เขาเองก็มั่นใจว่า ฐานะที่แท้จริงของเฉินเฟิงนั้น ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
อย่างน้อยไม่ใช่คนอย่างหวู่เหวินโป๋จะเอามาเทียบได้
หลังจากตบหน้าหวู่เหวินโป๋ไปสองที ความกล้าหาญชาญชัยของหลี่เล่อก็เพิ่มขึ้นมากไม่น้อยเลย ทีเดียว เขาเดินไปยืนตรงหน้าของหวู่เหวินโป๋ จากนั้นก็แย่งเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋าเสื้อของหวู่เหวินโป๋อย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็เอารถลัมโบร์กีนีของหวู่เหวินโป๋ขับออกไป จากนั้นก็เอารถออดี้ของเฉินเฟิงเข้าไปจอดแทน
หลังจากทำการจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็เดินวางมาดออกมาจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน
ทางเข้าคฤหาสน์ฉู่ แขกผู้มีเกียรติต่างมายืนรอเข้าแถวกันอย่างรู้ตัว จากนั้น ก็ยื่นบัตรเชิญให้ด้านหน้าประตู หลังจากที่ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และมั่นใจว่าบัตรเชิญไม่มีความผิดปกติใดๆ ถึงอนุญาตให้เข้าไปด้านในได้
เมื่อเห็นว่าคนอื่นต่างมีบัตรเชิญกันทั้งนั้น ทว่าตนเองกับเฉินเฟิงเดินมามือเปล่า หลี่เล่อรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
“พี่เฟิง…..”
หลี่เล่อเตรียมจะถามเฉินเฟิงอยู่พอดีว่าจะเข้าไปด้านในอย่างไร แต่เห็นว่าเฉินเฟิงพลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว แล้วกดโทรศัพท์ออกไป
“คุณฉู่ ผมมาถึงแล้ว”
“พี่เฟิง ขอโทษด้วย ทางนี้ฉันเกิดเรื่องขึ้นพอดี ปลีกตัวไม่ได้เลย ฉันให้พ่อบ้านโจวออกไปรับคุณได้ไหม?” ปลายสายอีกฝั่ง ฉู่ชีงฉือเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอโทษ
“ได้สิ ฉันกับเพื่อนของฉันรออยู่ด้านหน้าประตู เมื่อพ่อบ้านโจวออกมาก็จะเห็นแล้ว” เฉินเฟิงพลางยิ้มให้เวลาที่ตอบไปด้วย
“งั้นพี่เฟิงรอสักประเดี๋ยว พ่อบ้านโจวจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“โอเค”
เฉินเฟิงวางสายเสร็จเรียบร้อย หลี่เล่อถึงได้ถอนหายใจโล่งอก การที่พ่อบ้านของฉู่ชีงฉือเป็นคนออกมารับเอง บัตรเชิญอะไรพวกนั้น มันก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
หลายนาทีผ่านไป ชายชราใส่สูท หวีผมเรียบแปล้ ท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสมีชีวิตชีวาปรากฏกายขึ้นที่ตรงประตูในเวลานี้
“พ่อบ้านโจว”
หลังจากที่ชายชราปรากฏกายขึ้น ผู้รักษาความปลอดภัยที่ยืนออกกันทีหน้าประตูต่างโค้งคำนับให้อย่างพร้อมเพรียง เพื่อเป็นการทักทายชายชราด้วยความเคารพ
หญิงชราพยักหน้าให้เล็กน้อย ภายใต้สายตาที่คมกริบของบอดี้การ์ดทุกคน เขาเดินก้าวเล็กๆ ไปยังด้านหน้าของเฉินเฟิงและหลี่เล่อ จากนั้นก็โค้งคำนับเล็กน้อย “คุณเฉิน คุณหนูเธอยังไม่สามารถปลีกตัวมาได้ ดังนั้นเธอให้ผมมารับท่านเข้าไป”
“ต้องรบกวนพ่อบ้านโจวแล้ว” เฉินเฟิงยิ้มให้เล็กน้อย ตระกูลฉู่เป็นตระกูลใหญ่ ตำแหน่งของพ่อบ้านภายในตระกูลนั้นถือว่าเป็นตำแหน่งที่สูงส่ง การที่ฉู่ชีงฉือให้พ่อบ้านโจวออกมารับด้วยตนเองนั้น นั่นก็หมายถึงความจริงใจของเธอ
“คุณเฉินเกรงใจเกินไปแล้ว”
พ่อบ้านโจวยิ้มให้เล็กนั้น จากนั้นก็เบนสายตาไปที่หลี่เล่อ พร้อมทั้งลองถามดู “คุณเฉิน ท่านนี้คือ…”
“หลี่เล่อ เพื่อนของฉันเอง”
“คุณหลี่ สวัสดีครับ” พ่อบ้านโจวทักทายอย่างมีน้ำใจ หลี่เล่อที่อยู่ตรงหน้านั้น ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่ว่าการที่เฉินเฟิงพามาที่นี่ด้วยนั้น ต้องเป็นบุคคลที่เฉินเฟิงให้การยอมรับอย่างแน่นอน
เฉินเฟิงให้การยอมรับแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป เขาก็ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน
“พ่อบ้านโจว สวัสดีครับ” การแสดงออกของหลี่เล่อมีความตกใจที่ได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ราวกับไม่คิดเลยว่าพ่อบ้านโจวเกรงใจกับเขาได้มากมายถึงเพียงนี้
“คุณเฉิน คุณหลี่ พวกเราเข้าไปด้านในกัน งานเลี้ยงเริ่มแล้ว”
“ได้”
พ่อบ้านโจวเป็นคนพาไปด้วยตนเอง บรรดาบอดี้การ์ดด้านหน้าประตูต่างไม่กล้าเอ่ยปากถามเรื่องบัตรเชิญแต่อย่างใด แม้กระทั่งการตรวจสอบความปลอดภัยบนตัวของทั้งเฉินเฟิงและหลี่เล่อต่างงดไปแล้ว
พ่อบ้านโจวเป็นคนพาเฉินเฟิงกับหลี่เล่อเข้าไปในห้องโถงด้วยตนเอง แขกคนอื่นๆ ที่กำลังยืนรอต่อแถวด้านหน้าประตูต่างเริ่มซุบซิบกันทั่ว แล้วเริ่มพูดถึงที่มาของเฉินเฟิงและหลี่เล่อ
คืนนี้แขกเหรื่อที่เข้างานเลี้ยงของตระกูลฉู่ประมาณสี่ถึงห้าร้อยคนได้ แต่คนที่พ่อบ้านของตระกูลฉู่เป็นคนออกมารับด้วยตนเองนั่น มีเพียงเฉินเฟิงและหลี่เล่อเท่านั้น
สองคนนั้น เป็นใครกันแน่?
“คุณเฉิน คุณหนูทำธุระนิดหน่อย ผมต้องขอตัวไปดูก่อน ตอนนี้รบกวนคุณกับคุณหลี่รออยู่ที่นี่สักประเดี๋ยว หากมีเรื่องอะไรให้ช่วย สามารถเรียกพนักงานในห้องโถงได้เลย”
หลังจากที่พาตัวเฉินเฟิงกับหลี่เล่อเข้าไปด้านในห้องโถงแล้ว พ่อบ้านโจวเหมือนมีธุระเร่งด่วน หลังจากพูดกำชับไว้แล้วก็รับหันหลังจากไปทันที
ไม่มีใครเดินตาม เฉินเฟิงกับหลี่เล่อเริ่มปล่อยตัวตามสบาย จากนั้นก็เดินดูห้องโถงไปเรื่อยๆ
การได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ ต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่มีฐานะอภิมหาเศรษฐี ยังไงก็ตาม ต่างไม่ธรรมดาทั้งนั้น
การที่พวกเขามาอยู่ด้วยกัน การมาอวยพรวันเกิดให้ฉู่ชีงฉือก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นที่สำคัญมากกว่าก็คือ การมารู้จักพบปะผู้คนเพื่อหาแนวทางในการทำธุรกิจร่วมกัน
เฉินเฟิงกับหลี่เล่อเดินเข้ามาพร้อมกัน เมื่อเห็นกลุ่มคนสามถึงห้าคนมีมากมาย และเห็นชายหนุ่มหญิงสาวอีกหลายๆ กลุ่มสี่ถึงห้าคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้สวมใส่เสื้อผ้าดูหรูหรา การพูดคุยเสวนารวมถึงการดูแลตนเองนั้น มันห่างไกลจากคนธรรมดามากนัก
เมื่อเอามาเปรียบเทียบแล้ว เฉินเฟิงกับหลี่เล่อรู้สึกเจ็บจี๊ดทันที
“สื้อผิง ฉันเหมือนเห็นไอ้ไร้ค่าคนนั้น…”
ท่ามกลางบรรดาคนมากมายตรงมุมห้องใดมุมห้องหนึ่ง หวางซือหยวนดึงชายเสื้อหลี่สื้อผิงไว้ แล้วพูดอย่างไม่มั่นใจ
“ไอ้ไร้ประโยชน์คนนั้นเหรอ?” หลี่สื้อผิงหวางตะลึงไปพักหนึ่ง หลังจากที่ดึงสติกลับมาได้ซือหยวนก็บอกว่าเป็นเฉินเฟิง
“เป็นไปไม่ได้! ที่รัก คุณคงมองผิดคนแล้ว สถานที่แบบนี้ ไอ้ไร้ประโยชน์คนนั้นมันเข้ามาไม่ได้หรอก” น้ำเสียงของหลี่สื้อผิงมั่นใจเป็นอย่างมาก ที่นี่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของฉู่ชีงฉือที่มีชื่อเสียงโด่งดังหรูหรามีระดับที่สุดของเมืองจงไห่ ส่วนเขาเอง ยังต้องอาศัยปู่กับย่าที่ใช้เส้นสายใหญ่มากยังไม่ง่ายเลยที่เข้ามาที่นี่ได้ เฉินเฟิงเหรอ? เป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน เขามีสิทธิอะไรที่เข้ามาได้?
“ไม่นะ ฉันไม่ได้ดูผิดคนเลย เหมือนกับไอ้ไร้ประโยชน์นั่นจริงๆ” หวางซือหยวนยังคงตกใจและลังเลไปพร้อมกัน ถึงแม้ว่าจะห่างกันมากนัก แต่ท่าทางประดักประเดิดไม่เข้าพวกของเฉินเฟิง มันช่างเห็นได้ชัดจริงๆ แขกเหรื่อคนอื่นยืนถือแก้วไวน์ พร้อมทั้งยืนถือแก้วไวน์อย่างสง่างาม ส่วนเฉินเฟิงนั้นเหมือนคนไม่เคยกินมากนั้น ยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะอาหาร พร้อมทั้งโกยเค้กอันประณีตบรรจงทุกชนิดเข้าปากเต็มปากเต็มคำ
“เป็นไปไม่ได้ ที่รัก คุณต้องตื่นเต้นแน่ๆ ตาคงพร่ามัว ไอ้ไร้ประโยชน์นั่นมันไม่มีบัตรเชิญ มันเข้ามาไม่ได้…” หลี่สื้อผิงอยากจะพูดปฏิเสธต่อ แต่เมื่อพูดได้แค่ครึ่งประโยคเท่านั้น เขาก็ตกตะลึงทันที “หลี่เล่อ!”
“หลี่สื้อผิง?”
เสียงอันตกอกตกใจของหลี่สื้อผิง มันดังเข้าหูหลี่เล่อทันที หลี่เล่อเองก็เห็นหลี่สื้อผิงในเวลานั้น
“แกเข้ามาได้ยังไง?!” เมื่อมั่นใจแล้ว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าไม่ใช่คนอื่น เป็นพนักงานต๊อกต๋อยในบริษัทของตนเอง สีหน้าของหลี่สื้อผิงก็ขรึมลงทันที ในเวลาเดียวกัน เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นั้น ถ้าหลี่เล่ออยู่ที่นี่ งั้นที่หวางซือหยวนพูดก่อนหน้านี้ เกรงว่าก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย
“เดินเข้ามาไง”
มุมปากหลี่เล่อกระตุกรอยยิ้มหยอกล้อขึ้นมาทันที ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ การที่หลี่สื้อผิงมาถามเขา เขาก็คงจะตอบตามนั้นไป แต่ในเวลานี้ หลังจากที่เมื่อครู่เขาเพิ่งตบหน้าหลี่สื้อผิงหวู่เหวินโป๋ไปสองทีแล้ว ความกล้าบ้าบิ่นของเขากลับเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ไม่สนว่าหลี่สื้อผิงจะเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย แต่ในสายตาเขา เขาก็แค่เท่านั้นเอง
“แกมีบัตรเชิญหรือเปล่า?” สีหน้าของหลี่สื้อผิงยิ่งเคร่งขรึมหนักกว่าเก่า
“ไม่มีแล้วจะทำไม?”
หลี่เล่อยิ้มให้เล็กน้อย
“ไม่มีแล้วจะทำไม?” หลี่สื้อผิงหัวเราะแห้งๆ ออกไป จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงให้ดังทันที “หลีเล่อ แกนี่มันช่างกล้ามาก! ถึงขนาดแอบปีนหน้าต่างเข้ามาในงานเลยเหรอ!”
หลังจากที่หลี่สื้อผิงตวาดเสียงดัง คนที่อยู่ในงานต่างเงียบสงบ
จากนั้น ผู้คนเริ่มส่งเสียงกระซิบกระซาบกันขึ้นมา
“มีคนแอบปีนหน้าต่างเข้ามาในงานจริงๆ เหรอ?”