บทที่ 472 เลือกของขวัญวันเกิด
“งั้น…อย่าพึ่งพูดดีกว่า” เสี้ยเมิ่งเหยาชะงักก่อนพูด พรุ่งนี้เป็นงานวันเกิดคุณตา เรื่องเธอหย่ากับเฉินเฟิง ต่อให้จะบอกคุณตา ก็ต้องรอให้ผ่านงานเลี้ยงวันเกิดไปก่อน
“ไม่พูด…ไม่ได้มั้ง” หลินหลันมีสีหน้าลำบากใจ “ลูกน่าจะเข้าใจว่า ที่ครั้งนี้คุณตาลูกยอมใจอ่อน ไม่เพียงเพราะลูกนะ…”
“เพื่อเฉินเฟิงด้วย คุณตาลูกอยากเจอเฉินเฟิงสักครั้ง เขาอยากรู้ว่า ลูกเขยที่บ้านเราหามานี่เป็นคนยังไงกันแน่ เขาอยากดูให้แน่ใจว่าเฉินเฟิงจะให้ความสุขลูกได้จริงไหม”
“ดังนั้นงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ เฉินเฟิงต้องไปด้วย”
หลินหลันพูดอย่างระมัดระวังระหว่างที่มองเสี้ยเมิ่งเหยาไปด้วย เธอไม่ได้ใส่สีตีไข่ในประโยคนี้เลย ที่คุณตาหลินยอมใจอ่อนนี่ มีเหตุผลครึ่งหนึ่งคือเพื่อเสี้ยเมิ่งเหยา แต่อีกครึ่งคือเพื่อเฉินเฟิง
คุณตาหลินอยากทดสอบเฉินเฟิงดูสักหน่อย ดูว่าเฉินเฟิงจะให้ความสุขหลานสาวเขาได้ไหม
เสี้ยเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว สิ่งที่หลินหลันคิดได้ เธอเองก็คิดได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินเฟิงในตอนนี้…
“หรือไม่ ลูกโทรหาเฉินเฟิงดู ให้พรุ่งนี้เขาไปเป็นเพื่อนลูก ตอนนี้ในหมู่คนตระกูลหลิน มีแค่น้ารองคนเดียวที่รู้ว่าลูกหย่ากับเฉินเฟิงแล้ว คนอื่นไม่มีใครรู้กันเลย ทางด้านน้ารอง แม่กำชับพวกเขาไว้แล้วว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด”
“ดังนั้นพรุ่งนี้แค่ลูกพาเฉินเฟิงไป ก็จะไม่มีใครรู้ว่าพวกลูกหย่ากันแล้ว” หลินหลันพูดอย่างมั่นใจเต็มอก ที่จริงคำนี้ต่างหากเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเธอในวันนี้
งานวันเกิดคุณตาหลินน่ะไปไม่ไปมันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือ สามารถเป็นโอกาสดีให้เฉินเฟิงคืนดีกับเสี้ยเมิ่งเหยาได้
งานเลี้ยงวันเกิดพรุ่งนี้ ขอเพียงเฉินเฟิงไป เธอก็จะมีหนทางกล่อมให้เฉินเฟิงคืนดีกับเสี้ยเมิ่งเหยา
“หนูคิดดูก่อนละกัน” เสี้ยเมิ่งเหยานวดขมับอย่างเหนื่อยใจ ต้องยอมรับจริงๆว่า สิ่งที่หลินหลันพูดเป็นทางเดียวในตอนนี้ที่จะไม่ทำให้คุณตาหลินโกรธ
ขอแค่พรุ่งนี้เธอพาเฉินเฟิงไป ให้คุณตาได้เจอเฉินเฟิง งั้นเรื่องไม่พอใจระหว่างตระกูลเสี้ยกับคุณตาหลินก่อนหน้านี้ก็จะถือว่าหายกัน
เพียงแต่ว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินเฟิงในตอนนี้…
“เมิ่งเหยา เรื่องนี้ให้แม่จัดการเถอะ พรุ่งนี้แม่จะพาเฉินเฟิงไปไห้ได้แน่นอน” เหมือนมองออกว่าเสี้ยเมิ่งเหยาลำบากใจ หลินหลันเลยเอ่ยปากขึ้น
เสี้ยเมิ่งเหยาถอนหายใจไม่ได้พูดอะไร แต่ท่าทางแบบนี้ของเธอเท่ากับเห็นด้วยกับหลินหลันทางอ้อม
ตอนบ่ายเฉินเฟิงได้เจอหลินหลันที่หน้าบริษัทอีกครั้ง
พอเจอ หลินหลันก็วิ่งเข้าหาเขาอย่างดีใจ
“เลิกงานแล้วหรอ?” หลินหลันถามอย่างเป็นกันเอง
“อืม” เฉินเฟิงรับคำเสียงเบา ความเป็นกันเองของหลินหลันที่มีกะทันหันนี่เขาไม่ชินเอาซะเลย
“คืออย่างนี้นะ เฉินเฟิง พรุ่งนี้คุณตาของเมิ่งเหยาจะจัดงานวันเกิดที่โรงแรมจินหม่า แม่อยากให้เราไปเป็นเพื่อนเมิ่งเหยาหน่อย” หลินหลันพูดเปิดอกเลย
“คุณตาของเมิ่งเหยา?” เฉินเฟิงขมวดคิ้ว สำหรับคุณตาของเมิ่งเหยาที่หลินหลันว่า เขาจำไม่ค่อยได้ สิ่งเดียวที่จำได้คือ ตอนไปเยี่ยมคุณตาคนนี้กับเสี้ยเว่ยกั๋วเมื่อสองปีก่อนโดนขับไล่ออกมา ไม่ได้เจอตัวเลยสักนิด
“อืม พ่อของแม่เอง หลินเซียวเสียน” หลินหลันไม่ถือว่า เธอพูดชื่อพ่อตัวเองออกมาเลย
“ทำไมถึงจะให้ผมไปเป็นเพื่อนเมิ่งเหยา? คุณตาเขา…อยากเจอผม?” เฉินเฟิงถาม สำหรับหลินเซียวเสียน เขาไม่ได้รู้สึกแย่อะไรมากมาย ถึงเขาจะไม่เคยเจอคุณตาหลินมาก่อน แต่ได้ยินจากปากเสี้ยเว่ยกั๋วว่า เมื่อก่อนคุณตาหลินรักเสี้ยเมิ่งเหยามาก
เพื่อไม่ให้เสี้ยเมิ่งเหยาแต่งงานกับลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านเมียอย่างเขา คุณตาหลินถึงกับออกปากว่าห้ามคนตระกูลเสี้ยย่างเท้าเหยียบเข้าตระกูลหลินโดยเด็ดขาด
“อืม พ่อของแม่อยากเจอเรา เขาอยากดูสักหน่อยว่า สามีที่เมิ่งเหยาเลือกเองจะให้ความสุขเมิ่งเหยาได้ไหม” หลินหลันพูดตามความจริง ถึงแม้ว่าหลินเซียวเสียนจะไม่ได้เอ่ยชื่อเฉินเฟิงเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่รุ่นหลานของตระกูลหลินต่างพากันดูออกว่า หลินเซียวเสียนอยากจะเจอเฉินเฟิง
ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เพื่อความสบายใจของตัวเอง
ถ้าไม่ได้เจอเฉินเฟิง ไม่แน่ใจว่าเฉินเฟิงจะเหมาะกับเสี้ยเมิ่งเหยาไหม หลินเซียวเสียนต่อให้ลงหลุมไปแล้วก็คงนอนตายตาไม่หลับ
“ผมกับเมิ่งเหยา…”
“เรื่องที่เราหย่ากับเมิ่งเหยาน่ะพ่อของแม่ยังไม่รู้ คนที่รู้เรื่องนี้มีแค่หลินเย่น” เหมือนจะรู้ว่าเฉินเฟิงจะพูดอะไร หลินหลันรีบแย่งพูดก่อนเลย
“ได้ พรุ่งนี้ผมจะไปนะ” เฉินเฟิงพูดเสียงขรึม เขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไป ถึงเรื่องนี้หลินหลันจะเป็นคนพูดออกมา แต่สุดท้ายก็ทำเพื่อเสี้ยเมิ่งเหยา
ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ยอมเป็นเพื่อนเสี้ยเมิ่งเหยาไปงานวันเกิดคุณตาหลิน สุดท้ายคนที่จะลำบากใจที่สุดคือเสี้ยเมิ่งเหยาน่ะแหละ
ดังนั้นพรุ่งนี้เขาต้องไป
และไม่เพียงต้องไป ยังต้องไปแบบเต็มยศด้วย
อย่างน้อยต้องให้คุณตาหลินเห็นว่า เขามีความสามารถพอจะให้ความสุขกับเสี้ยเมิ่งเหยาได้
“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ พรุ่งนี้หกโมงเย็นแม่กับเมิ่งเหยารอเราที่หน้าบริษัทนะ มารับพวกเราก่อนแล้วค่อยไปบ้านหลิน จากนั้นก็ไปที่โรงแรมจินหม่ากัน” หลินหลันบอกยิ้มๆ เฉินเฟิงรับปากคำขอร้องของเธอ แสดงว่าการคาดเดาของเธอก่อนหน้านี้ไม่ผิด เฉินเฟิงยังชอบเสี้ยเมิ่งเหยาอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเสี้ยเมิ่งเหยาแบบนี้หรอก
“ได้ครับ” เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ ดูท่าทางหลินหลันแล้ว คราวนี้ตระกูลหลินน่าจะจัดงานวันเกิดของหลินเซียวเสียนแบบยิ่งใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงไม่เลือกโรงแรมจินหม่าที่หรูสุดๆเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดหรอก
พอหลินหลันจากไป เฉินเฟิงขับรถมาที่ตลาดของเก่าอีกครั้ง
เขาต้องมาเลือกซื้อของขวัญให้หลินเซียวเสียน
ครั้งนี้เป็นงานวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของหลินเซียนเสียน คนใหญ่คนโตของตระกูลหลินต้องไปกันครบแน่
เขากับเสี้ยเมิ่งเหยาในฐานะลูกหลานไปร่วมอวยพรวันเกิดให้ผู้ใหญ่ จะไปมือเปล่าไม่ได้หรอก
ดังนั้นต้องหาของขวัญไปด้วย
ส่วนจะเป็นของขวัญอะไรนั้น เฉินเฟิงคิดไว้ในใจแล้ว อันดับแรก ของขวัญห้ามราคาแพงมาก ถ้าแพงมากเกินไป จะดูเกินหน้าเกินตาคนอื่นในตระกูลหลิน และยังไม่เหมาะกับฐานะลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียอย่างเขาด้วย
แต่จะราคาถูกมากไปก็ไม่ได้ ถ้าของขวัญราคาถูกมากไป คงส่งผลกระทบต่อทัศนคติของคุณตาหลินที่มีต่อเขาแน่ คนอื่นในตระกูลหลินก็จะดูถูกเขา สุดท้ายคนที่จะขายหน้าที่สุดคือเสี้ยเมิ่งเหยา
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ เลือกของขวัญที่ดูดีและถูกใจคุณตาหลินไปมอบให้ในงานวันเกิดนี่แหละ
พอเอารถไปจอดที่จอดรถหน้าตลาดของเก่า เฉินเฟิงก็ลงจากรถ เดินเข้าไปในซอยของเก่า
ถึงในใจจะพอคิดไว้คร่าวๆแล้ว แต่จะให้อะไรดีนั้นเฉินเฟิงเองก็ยังไม่มีไอเดียเลย
สำหรับหลินเซียวเสียน เฉินเฟิงไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไหร่ เขาไม่รู้ว่าปกติคุณตาหลินมีความชอบอะไร สิ่งเดียวที่เขารู้คือ คุณตาหลินเป็นนักธุรกิจ และยังสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยมือเปล่าด้วย
คนแบบนี้จะชอบอะไรนะ เฉินเฟิงไม่มีไอเดียเลย เลยทำให้เข้าไปหลายร้านแล้วยังไม่ได้อะไรติดมือมาเลย
เขาถอนหายใจยาว และเบนสายตาไปที่ห้างเล็กประมาณสามชั้นที่สูงราวสิบเมตร