บทที่ 497 ตบปาก
“ไม่ได้!”
พอได้ยินหลี่หงบอกให้หลี่อี้หักขาตัวเอง หลินหลันร้อนใจขึ้นมาทันที
“ลูกเขยฉันร้ายกาจมากนะ ถ้าพวกแกกล้าหักขาฉันกับเหล่าเสี้ย เขาต้องฆ่าพวกแกแน่”
“ฆ่าพวกเรา? เอาอะไรมาฆ่า?” หลี่อี้ยิ้มเย็น หลินหลันตกอยู่ในเวลาอย่างนี้แล้วยังกล้าข่มขู่เขาอีก ช่างไม่รู้ว่าคำว่าตายสะกดยังไงจริงๆ
“เขาเป็นคนตระกูลเฉิน!” ด้วยความร้อนใจ หลินหลันเลยโพล่งออกไป
เสี้ยเว่ยกั๋วอีกด้านสีหน้าเปลี่ยนตะคอกว่า: “หลันหลัน! อย่าพูดซี้ซั้วนะ!”
“พูดซี้ซั้วอะไร? มาถึงขั้นนี้แล้วนะ! ฉันจะพูดซี้ซั้วอะไรได้อีก?!” หลินหลันถลึงตาใส่เสี้ยเว่ยกั๋ว จากนั้นเธอก็มองหลี่อี้: “ฉันไม่ได้พูดซี้ซั้ว ลูกเขยฉันเป็นคนตระกูลเฉินจริงๆ”
“ตระกูลเฉิน?” หลี่อี้ขมวดคิ้ว: “ตระกูลเฉินไหน?”
“จะมีตระกูลเฉินไหนอีก?” หลินหลันแค่นเสียงหึ พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า: “ก็ต้องตระกูลเฉินแห่งยันเจียงสิ”
“ตระกูลเฉินแห่งยันเจียง?!”
หลี่อี้สะท้านเยือกในอก: “เป็นไปไม่ได้!”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?” หลินหลันถามยิ้มๆ
“คนตระกูลเฉินแห่งยันเจียงจะมาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียได้ยังไง?” หลี่อี้พูดด้วยสีหน้าตะลึง ลางสังหรณ์บอกเขาว่า หลินหลันไม่ได้โกหก แต่คนตระกูลเฉินแห่งยันเจียงจะยอมมาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียได้ยังไง?
“ฉันรู้ว่าแกไม่เชื่อ แต่แค่แกรอสิบนาที สิบนาทีหลังจากนั้นลูกเขยฉันก็จะมา ถึงเวลานั้นแกจะได้พิสูจน์ฐานะเขาด้วยตัวเองเลย” หลินหลันพูดด้วยสีหน้าสงบ หลี่อี้ดูตกใจกับชื่อเสียงตระกูลเฉินมาก ตอนนี้ยิ่งเธอสงบเท่าไหร่ หลี่อี้ก็จะยิ่งระแวงเธอมากขึ้นเท่านั้น
“ได้ ฉันจะรอสิบนาที” หลี่อี้มองหลินหลันอย่างเย็นชา: “สิบนาทีให้หลัง ถ้าลูกเขยเธอยังไม่ปรากฏตัว หรือเขาไม่ใช่คนตระกูลเฉิน ฉันจะให้เธออยากตายก็ตายไม่ได้ อยากอยู่ก็อยู่ไม่รอด!”
แววตาหลี่อี้ส่อแววมาดร้าย สิบนาทีเขารอไหว
ถ้าสิบนาทีผ่านไปแล้ว เขาพบว่าหลินหลันหลอกเขา งั้นเขาจะให้หลินหลันรู้สึกเลย!
ไม่ถึงสิบนาที เอาแบบเป๊ะๆคือ แปดนาที เฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องพักคนไข้
ตอนเห็นใบหน้าเสี้ยเว่ยกั๋วและหลินหลันที่อยู่ในห้องพักมีรอยฝ่ามือและเปื้อนเลือด เฉินเฟิงมีสีหน้าเย็นชาทันที
ตอนนี้เสียงแหลมปรี๊ดเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหู:
“พี่ ไอ้ขยะนั่นมาแล้ว!”
เฉินเฟิงหันไปมองที่มาของเสียง แต่กลับเห็นหลี่หงมองตัวเองด้วยสายตามาดร้าย
“ดูท่าเมื่อกี้จะสั่งสอนเธอไม่พอนะ!” สายตาเฉินเฟิงส่อประกายเย็นเฉียบ เดิมคิดว่าเขาหักขาหลี่หงจะทำให้เธอได้รับบทเรียน ใครจะรู้ว่าหลี่หงมาหาเรื่องอีกแล้ว
“พี่ ฆ่ามันเลย! ไอ้ขยะนี่แหลละที่หักขาฉัน!” หลี่หงมองเฉินเฟิงด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว เธอไม่รู้จักตระกูลเฉินอะไร เธอรู้เพียงแต่ว่า เฉินเฟิงที่ยืนตรงหน้าหักขาเธอหนึ่งข้าง ทำให้เธอกลายเป็นคนพิการ
“พี่ ลงมือซะทีสิ”
เห็นหลี่อี้ไม่ขยับเขยื้อน หลี่หงทนไม่ไหวเร่งเข้าอีก
น้ำเสียงเร่งเร้านี่ทำให้หลี่อี้ได้สติหลุดจากภวังค์ขึ้นมา
“หุบปากซะ!” พอได้สติกลับมา สิ่งแรกที่หลี่อี้ทำคือตะคอกใส่หลี่หงให้หุบปากซะ
ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่เชื่อว่า คนที่หักขาหลี่หงคือเฉินเฟิงที่พึ่งเจอที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่เมื่อหลายวันก่อนนี้เอง!
“พี่…” หลี่หงสีหน้างุนงง ทำไมหลี่อี้ถึงให้ตัวเองหุบปาก?
“คุณเฉิน มาได้ยังไงครับนี่?” หลังจากสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่ง หลี่อี้ก้าวขึ้นหน้าและเปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มประชด
ตอนนี้เขามั่นใจเต็มร้อยเลยว่า เฉินเฟิงเป็นคนตระกูลเฉินจริงๆ!
หลินหลันไม่ได้โกหก!
แค่ความจริงที่ว่าเฉินเฟิงเป็นคนตระกูลเฉิน ถึงจะสามารถอธิบายความไม่สมเหตุสมผลทั้งหมดที่เขาสืบมาก่อนหน้านี้ได้
“บาดแผลบนหน้าพ่อหน้าแม่ฉัน ฝีมือนาย?!”
เฉินเฟิงสีหน้าเย็นยะเยือก เขาไม่คิดเลยว่า ตัวช่วยที่หลี่หงหามาจะเป็นหลี่อี้ที่เขาพึ่งเจอเมื่อหลายวันก่อน
พอเห็นเฉินเฟิงเปิดฉากมาก็ถามเอาความผิดเลย หลี่อี้ชะงักกึก และมันยังทำให้ตาเขากระตุกไปด้วยอีก
“คุณเฉิน ระหว่างผมกับคุณอาคุณน้า อาจจะเข้าใจผิดกันนิดหน่อย…”
“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดอะไร?” หลินหลันแค่นหัวเราะเดินมายืนหน้าหลี่อี้ เธอมองหลี่อี้อย่างล้อเลียน: “คนบางคนเมื่อกี้คิดจะหักขาฉันกับเหล่าเสี้ยเลยนะ บอกจะฆ่าฉันกับเหล่าเสี้ยด้วย ทำไมตอนนี้บอกว่าเรื่องเข้าใจผิดล่ะ?”
“คุณน้าหลิน ฟังผมอธิบายก่อนนะครับ…”
หลี่อี้ยิ้มประจบพยายามอธิบาย แต่กลับโดนหลินหลันตัดบทไม่ไว้หน้า: “ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย ตอนนี้ฉันอยากถามแกว่า เรื่องที่แกให้คนตบปากฉันน่ะจะเคลียร์ยังไง?”
“คุณน้าหลิน อยากเคลียร์ยังไงครับ?” หลี่อี้ยิ้มประจบ หลินหลันเห็นได้ชัดว่าเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าวันนี้เขาทำให้หลินหลันพอใจไม่ได้ เฉินเฟิงคงไม่ปล่อยเขาไปแน่
“ตบปาก”
หลินหลันเหล่หลี่อี้ ยิ้มมุมปากว่า: “ตบปากตัวเอง”
“ตบปาก?” หลี่อี้อึ้ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าหลินหลันจะร้องขอแบบนี้
“ทำไม ไม่ยอม?” หลินหลันขมวดคิ้ว
หลี่อี้รีบส่ายหน้ารัวๆ: “ยอมครับ ยอม”
ระหว่างพูด หลี่อี้ก็ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างแรง
เห็นได้ชัดเลยว่า หลี่อี้ไม่ได้ยั้งมือไว้เลย เขาใช้แรงเยอะมาก ตบหนึ่งฉาดไป ใบหน้าด้านซ้ายก็แดงเถือกไปเลย
แต่หลินหลันกลับไม่คิดจะยกโทษให้หลี่อี้ง่ายๆ เธอยิ้มบอก: “ตบเดียวไม่พอหรอก”
ตบเดียวไม่พอ?
สายตาหลี่อี้ฉายประกายวาบขึ้น ก่อนกัดฟันกรอด และยกมือขึ้นอีก
เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ…
ไม่ถึงหนึ่งนาที หลี่อี้ก็ตบหน้าตัวเองไปหลายสิบฉาด หน้าเขาบวมฉุอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
“พี่…”
หลี่หงตะลึงงงตาแตกไปแล้ว เธอไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันหนึ่งที่หลี่อี้ยอมอ่อนข้อต่อหน้าคนอื่นขนาดนี้ เพื่อเอาตัวรอด แม้แต่เรื่องน่าอายอย่างตบหน้าตัวเองก็ยังทำออกมาได้
ผ่านไปอีกหนึ่งนาที หลี่อี้หยุดมือลง เขาหันมาทางหลินหลัน พยายามยิ้มมุมปากถามว่า:
“คุณน้าหลิน แบบนี้โอเคไหมครับ?”
“เหอะ โอเคละ” หลินหลันแค่นเสียงหึ การรู้จักยอมของหลี่อี้ดูเหนือความคาดหมายของเธอมาก เดิมเธอคิดว่าจะถลกหนังหลี่อี้ลงมา แต่หลี่อี้ก็แสดงทีท่าอ่อนข้อให้ เธอจะไปเรียกร้องให้หลี่อี้ทำอะไรอีก ก็ดูจะเกินไปหน่อย
“คุณเฉิน…” หลี่อี้หันมายิ้มประจบใส่เฉินเฟิง ถึงด่านหลินหลันจะผ่านแล้ว แต่สุดท้ายแล้วต้องดูเฉินเฟิง ถ้าเฉินเฟิงไม่พูดอะไร ต่อให้เขาตบหน้าตัวเองจนเละก็ไม่มีประโยชน์
“ไสหัวไปซะเถอะ”
เฉินเฟิงพูดเสียงเนิบ คนอย่างหลี่อี้เป็นแบบฉบับของหมาที่กัดคนจะไม่ร้อง อย่ามองว่าตอนนี้เขาดูอ่อนน้อมใส่หลินหลันมาก วันหนึ่งที่เขามีกำลังพอจะแก้แค้นหลินหลัน เขาจะเอาคืนหลินหลันร้อยเท่าพันทวีคูณเพื่อตอบแทนความอัปยศในวันนี้แน่