ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 499

ตอนที่ 499

บทที่ 499 เฉิงโยว

“จริงสิ เสี่ยวเฟิง ที่พี่มาหานายครั้งนี้เพื่อเอาของบางอย่างมาให้นาย” สือโพ่จุนพูดประเด็นหลัก

เฉินเฟิงอึ้งถาม: “เอาของมาให้ผม? ของอะไรครับ?”

“กระบี่เล่มหนึ่ง”

“กระบี่?”

“ใช่ กระบี่ที่ผู้อันดับสูงสุดเคยใช้”

ผู้อันดับสูงสุด? งั้นก็คือเซียวกั่วจงอาจารย์ของเขาน่ะสิ

“พี่สือ ทำไมต้องเอากระบี่ที่อาจารย์ผมเคยใช้มาให้?” เฉินเฟิงยิ่งสงสัยหนักขึ้น

“อันนี้นายต้องถามประมุขหนานกง ท่านให้เอากระบี่มาให้” สือโพ่จุนบอกยิ้มๆ

ประมุขหนานกง?

เฉินเฟิงสะท้านเยือกในอก ทำไมท่านนี้ถึงให้กระบี่กับเขาล่ะ?

ถ้าเขาจำไม่ผิดล่ะก็ ประมุขหนานกงที่สือโพ่จุนพูดถึง ชื่อเต็มว่าหนานกงโสง เป็นหนึ่งในสามรองประมุขของสหพันธ์สงครามสำนักงานใหญ่ยันเจียง มีอำนาจสิทธิ์ขาดตัดสินลงโทษความเป็นความตายของสหพันธ์สงคราม เรื่องมากมายในประเทศของสหพันธ์สงครามล้วนมีหนานกงโสงเป็นผู้ตัดสินรับผิดชอบ

ครั้งก่อนที่จ้าวเชียนชิวซึ่งเป็นประมุขจินเจี่ยจงโดนเรียกตัวเข้าเมืองหลวง ก็เป็นเพราะหนานกงโสงคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง

ครั้งนี้หนานกงโสงส่งกระบี่มาให้เขา และยังเป็นกระบี่ที่เซียวกั่วจงเคยใช้ด้วย มันหมายความว่าอะไรกันแน่เนี่ย?

“ฮะฮะ เสี่ยวเฟิง นายไม่ต้องคิดมากไปหรอก ประมุขหนานกงส่งกระบี่มาให้นาย เพราะพรุ่งนี้เป็นวันประลองของสมาคมการค้าเชียสุ่ยกับสมาคมการค้าจงไห่ และนายยังไม่มีอาวุธคู่มือเลย”

“พอดีว่ากระบี่ของผู้อันดับสูงสุดวางอยู่ว่างๆไว้ที่ห้องเก็บอาวุธของสหพันธ์สงคราม ถ้าจะปล่อยให้กระบี่ขึ้นสนิม สู้ให้มันตามนายไปลิ้มรสเลือดของเจ้าพวกสมาคมการค้าเชียสุ่ยดีกว่า” สือโพ่จุนหัวเราะร่วน

กระบี่เล่มนี้ของเซียวกั่วจงวางค้างเติ่งไว้ที่ห้องเก็บอาวุธของสหพันธ์สงครามมาหลายสิบปีแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเลือด คือตอนที่เซียวกั่วจงสำเร็จขั้นมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ระหว่างไปเยือนถิ่นเสินอิ่น

ครั้งนั้นเซียวกั่วจงใช้กระบี่เล่มนี้สังหารศิษย์เสินอิ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้นำของวงการศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นซะเลือดไหลนองประหนึ่งแม่น้ำ ทำเอาปิดประตูสำนักไปสิบปีเต็ม

ตอนนี้กระบี่เล่มนี้ได้ออกมาสู่โลกอีกครั้ง แน่นอนว่าต้องใช้กับพวกเสินอิ่นสิ

“พี่สือ ผมเข้าใจพี่ แต่กระบี่ของอาจารย์ ผมกลัวว่าจะใช้ไม่ไหว…” เฉินเฟิงยิ้มขืนบอก สำหรับสหพันธ์สงครามแล้ว กระบี่ของเซียวกั่วจงเป็นเสมือนสมบัติล้ำค่าประจำตระกูล มีความหมายกับสหพันธ์สงครามมาก ถ้าเขารับกระบี่มา เท่ากับรับมรดกตกทอดของเซียวกั่วจงมา…

แต่เซียวกั่วจงเป็นใครล่ะ?

หนึ่งในเก้าปรมาจารย์ บุกตะลุยเดี่ยวไปฆ่าล้างบางญี่ปุ่นในยุคที่หวาเซี่ยเปรียบเสมือนยุคมีด และยังสังหารโหดสำนักเสินอิ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้นำของวงการศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นซะต้องปิดสำนักไม่กล้าสู้หน้าผู้คน

กระบี่ที่คนในตำนานแบบนี้เคยใช้ ตัวเองตอนนี้มีปัญญารับมาหรอ?

เกิดตัวเองทำอะไรที่เป็นการดูถูกกระบี่ไปล่ะ จะทำยังไง?

“เสี่ยวเฟิง อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น นายเป็นศิษย์ก้นกุฏิของผู้อันดับสูงสุด ไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้กระบี่ของผู้อันดับสูงสุดมากไปกว่านาย” สือโพ่จุนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เขาเข้าใจความหมายของเฉินเฟิง เฉินเฟิงกลัวตัวเองจะทำชื่อเสียงเซียวกั่วจงมัวหมอง แต่ในสายตาเขา ความกังวลนี้ของเฉินเฟิงมันไม่จำเป็นเลยสักนิด ถึงคนของสมาคมการค้าเชียสุ่ยจะเก่ง แต่เฉินเฟิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย

อย่างอื่นอย่าพึ่งพูด เอาแค่เฉินเฟิงอายุยี่สิบห้าปีก็ได้สำเร็จขั้นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ เรื่องนี้ก็ถือเป็นยอดคนรุ่นใหม่ในหมู่เก้าปรมาจารย์ได้แล้ว

การที่หนานกงโสงมอบกระบี่นี้ให้เฉินเฟิง มีสาเหตุหลักคือ ตัวเฉินเฟิงเอง ถ้าเขาไม่พอใจเฉินเฟิง อย่าว่าแต่เฉินเฟิงเป็นศิษย์ก้นกุฏิของเซียวกั่วจง ต่อให้เขาเป็นลูกชายเซียวกั่วจง หนานกงโสงก็ไม่ยอมมอบกระบี่ให้หรอก

“งั้นรบกวนพี่สือส่งกระบี่มาละกันครับ” เฉินเฟิงบอก สือโพ่จุนพูดถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเขายังไม่ยอมรับกระบี่อีก ดูจะเกินไปหน่อยละ

“ได้ รอพี่ครึ่งชม.”

ครึ่งชม.ผ่านไป เฉินเฟิงก็ได้เห็นกระบี่ที่สือโพ่จุนเอามาให้

มันเป็นกระบี่โบราณยาวสี่ฟุต ตัวกระบี่กระจ่างใสจนสามารถสะท้อนใบหน้าคนได้

ที่แปลกไปกว่านั้น ตัวกระบี่มีออร่าความเย็นแผ่กำจายออกมา ความเย็นนี้ต่อให้อยู่ห่างไปหลายเมตรยังรู้สึกได้เลย

“เฉิงโยว”

สือโพ่จุนยิ้มบอกว่า: “ตามที่ผู้อันดับสูงสุดบอกมา กระบี่นี้มีชื่อว่าเฉิงโยว เป็นผลงานของโอวหยางเหย่ปรมาจารย์ทำกระบี่โบราณ ผลงานของเขาถึงจะไม่ถึงกับเป็นกระบี่เทพ แต่ปัดทีเดียวตัดผมขาดนี่ไม่เป็นปัญหาเลย”

พูดเสร็จ สือโพ่จุนสะบัดมือทีเดียว เห็นกระบี่ตวัดไปหนึ่งที ทำเอาผึ้งที่บินมาพอดีขาดเป็นสองท่อนเลย

บาดแผลของผึ้งที่ถูกตัดเป็นสองท่อนเรียบสนิท

ที่แปลกไปกว่านั้นคือ ต่อให้โดนตัดขาดเป็นสองท่อนแล้ว ผึ้งตัวนั้นยังคงบินอย่างทุลักทุเลด้วยปีกไม่สมประกอบ เหมือนไม่รู้สึกว่าตัวเองโดนฟันขาดเป็นสองท่อนแล้ว

เฉินเฟิงหรี่ตาลง สายตาระดับเขาต้องมองออกอยู่แล้วว่า ไม่ใช่เพราะผึ้งมีพลังชีวิตแรงกล้า แต่เป็นเพราะเฉิงโยวคมมากเกินไป!

คมจนถึงระดับที่ ต่อให้ผึ้งโดนฟันเป็นสองท่อน ผึ้งยังรับรู้ไม่ได้ถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด

“กระบี่ดี!”

เฉินเฟิงถอนหายใจอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำ เขาเคยฝึกกระบี่มา แต่ไม่เคยมีกระบี่เป็นของตัวเอง ไม่ใช่เขาไม่อยากมี แต่เป็นเพราะกระบี่ที่เคยเจอมาล้วนมีคุณภาพแย่เกินไป

ถ้าเขาใช้แรงเต็มที่ ตัวกระบี่ที่คุณภาพแย่ไม่มีทางรับแรงเขาไหว ยังไม่ทันฟาดฟันใส่ศัตรู ตัวกระบี่จะแตกละเอียดซะเอง

ยังไม่ทันทำร้ายศัตรู ก็ทำร้ายตัวเองก่อน!

นี่เป็นเหตุผลที่เฉินเฟิงยังไม่เคยมีกระบี่เป็นของตัวเองเลย

เฉิงโยวนี่…

คุณภาพถือว่าผ่านละ อย่าพึ่งพูดถึงว่าวัตถุดิบที่ใช้สร้างเฉิงโยวคือหินอุกกาบาตนอกโลก เอาแค่ผู้สร้างเฉิงโยว โอวหยาวเหย่ นั่นน่ะปรมาจารย์สร้างกระบี่ที่มีชื่อเสียงเลยนะ

กระบี่โบราณที่เขาสร้างขึ้นมา ไม่มีเล่มไหนแย่เลย หยิบมาสักเล่มวางไว้ที่นี่ ก็สามารถประมูลขายได้หลายร้อยล้านเลยนะ

กระบี่โบราณมีชื่ออย่างเฉิงโยวนี่ อย่าว่าแต่หลายร้อยล้านเลย ต่อให้หลายพันล้านยังไม่แน่ว่าจะประมูลได้เลย

ของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง!

“พี่สือ ฝากขอบคุณประมุขหนานกงให้ผมด้วย” เฉินเฟิงรับเฉิงโยวมาจากมือสือโพ่จุนอย่างเคารพ ถึงจะไม่เคยได้เจอหนานกงโสง แต่เขาติดค้างน้ำใจหนานกงโสงใหญ่มากจริงๆ

“ประมุขหนานกงรู้อยู่แล้วว่านายต้องพูดแบบนี้ เขาให้พี่บอกนายว่า ขอบคุณน่ะไม่ต้องหรอก นายแค่ใช้เฉิงโยวไปลิ้มรสเลือดพวกสมาคมการค้าเชียสุ่ยก็พอแล้ว” สือโพ่จุนยิ้มบอก หนานกงโสงเป็นหนึ่งในประมุขหลักของสหพันธ์สงคราม ปกติเขาไม่ชอบหน้าพวกวงการศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นที่สุด ดังนั้นถ้ามีคนของวงการศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่นปรากฏตัว เขาก็จะคิดหาทางหาเรื่องพวกวงการศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่น

ครั้งนี้การประลองของสมาคมการค้าเชียสุ่ยกับสมาคมการค้าจงไห่ ถ้าสมาคมการค้าเชียสุ่ยไม่ให้ศิษย์เสินอิ่นกับนักบุญมีดเข้าร่วมด้วยยังพอทำเนา ถ้าสมาคมการค้าเชียสุ่ยให้ศิษย์เสินอิ่นกับนักบุญมีดเข้าร่วมด้วยจริงๆ หนานกงโสงไม่มีทางนั่งดูเฉยๆแน่

“จริงสิ ประมุขหนานกงฝากฉันบอกนายอีกคำหนึ่ง การประลองของสมาคมการค้าเชียสุ่ยกับสมาคมการค้าจงไห่ครั้งนี้ ถึงจะบอกว่าเป็นกิจกรรมการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีกันในนาม แต่ที่จริงแล้ว กลับเกี่ยวเนื่องถึงหน้าตาของวงการศิลปะการต่อสู้ของทั้งสองประเทศด้วย”

“ดังนั้นวงการศิลปะการต่อสู้ของสองประเทศ จะมีคนมากมายสนใจผลแพ้ชนะของการประลองครั้งนี้ อีกอย่าง ทางการเองก็ให้ความสำคัญกับการประลองนี้มาก ถึงเวลานั้น สหพันธ์บูโดอาจจะส่งผู้อาวุโสระดับสูงซักหลายคนมาคุมการประลองด้วยเหตุผลการดูแลความสงบเรียบร้อย

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท