บทที่ 532 เหตุการณ์ไม่คาดคิด
ชั่วพริบตาก็เข้าใกล้ตัวเฉินเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ!
สีหน้าของเฉินเฟิงเปลี่ยนไปทันที พิจารณาจากพลังที่แผ่ออกมาจากตัวของชายทั้งหกคนก็พบว่าชายทั้งหกคนนี้อยู่ในขั้นอ้านจิ้งชั้นกลาง
อ้านจิ้งชั้นกลางหกคนรุมฆ่าเขา เล่นใหญ่พอสมควรเลยล่ะ
“อาหวาง ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
เฉินเฟิงเอ่ยเสียงดุดันโดยไม่หันไปมอง ขณะนั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่ายาพิษในร่างกายเริ่มแผ่กระจายไปทั่วและผลของมันก็คือทำให้พลังของเขาเชื่องช้า
ความจริงแล้วพลังของเขาอยู่ในขั้นหั้วจิ้งชั้นต้น ทว่าตอนนี้พลังที่เขาสามารถแสดงออกมาได้นั้นไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
พลังเท่านี้ต้องรับมือกับอ้านจิ้งชั้นกลางทั้งหกคนนั้นกินแรงพอสมควร
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถดูแลหวางหงอี้ไปพร้อมกันได้
“เสี่ยวเฟิงไม่ต้องสนใจฉัน แกรีบหนีไป!” หวางหงอี้ตะโกนออกมา
หนีงั้นหรือ?
ในใจของเฉินเฟิงนั้นปฏิเสธ เขาไม่เคยคิดที่จะหนีอยู่แล้ว ทั้งหกคนนี้ปิดทางหนีของเขาไว้หมดแล้ว เขาไม่มีทางให้หนี
และถึงแม้เขาจะหนีได้แต่เขาจะไม่หนี
หวางหงอี้เพิ้งเย้นฟางและคนอื่นๆยังอยู่ที่นี่ หากเขาหนีคนพวกนี้ต้องถูกคนชุดดำกลุ่มนี้ฆ่าปิดปากแน่
เมื่อตัดสินได้เฉินเฟิงก็ปล่อยหมัดเข้าสู้
พลังอันน่ากลัวถูกปลดปล่อยภายในห้องอาหารเล็กๆจนทำให้กำแพงสั่นสะเทือนและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
คนพวกนี้ฝีมือโหดเหี้ยมราวกับจะฆ่าเฉินเฟิงให้ได้ในคราเดียว
คนที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มคนชุดดำถือดาบยาวพุ่งเข้ามา
เฉินเฟิงหลบไม่ทันจึงจำเป็นต้องยกสองแขนขึ้นมาบัง
“ฉึก”
แขนของเฉินเฟิงถูกคมดาบเฉือนจนมีเลือดกระเซ็นออกมา
เรื่องที่สำคัญกว่านั้นก็คือยาพิษในร่างกายของเขาเริ่มออกฤทธิ์อีกครั้ง
แขนขาของเขาเริ่มไม่มีแรง
“คิดว่าแกจะจัดการยากกว่านี้เสียอีก ใครจะไปคิดว่าจะอ่อนแอแบบนี้”
เมื่อเห็นว่าตนทำร้ายเฉินเฟิงได้อย่างง่ายดาย ฉับพลันหัวหน้าคนชุดดำก็ได้ใจ
“พวกแกเป็นคนหวาเซี่ย?”
เวลานี้เฉินเฟิงเริ่มสับสน ในตอนแรกเขาคิดว่าสมาคมการค้าเชียสุ่ยเป็นคนส่งคนพวกนี้มาแต่หลังจากคนชุดดำคนนี้เอ่ยปากพูดเขากลับเริ่มไม่มั่นใจ
จากเสียงของคนชุดดำมีติดสำเนียงสุขุมของหวาเซี่ย!
ชายคนนี้ต้องเป็นคนหวาเซี่ยแต่กำเนิดแน่นอน
“มาถามตอนนี้มีประโยชน์อะไร? ยังไงแกก็จะต้องตายแล้ว”
หัวหน้าคนชุดดำหัวเราะเสียงเย็นโดยไม่ปิดบังความต้องการที่จะฆ่าเฉินเฟิงเลยสักนิด
เฉินเฟิงหัวเราะอย่างขมขื่น “ยังไงก็ควรให้ฉันตายอย่างไร้ความข้องใจไหมล่ะ”
“อยากตายอย่างไร้ความข้องใจงั้นหรือ?”
“ได้ ฉันจะบอกให้ พวกเราเป็นคนหวาเซี่ย!”คนชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับทำทาน
“ทำไมพวกแกต้องฆ่าฉัน?” เฉินเฟิงเอ่ยถามฉับพลัน
“ทำไม?” คนชุดดำเอ่ยราวกับสมเพช “ไอ้นี่คำถามเยอะจริง แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกกำลังถ่วงเวลา”
เฉินเฟิงสีหน้าเปลี่ยนทันที คนชุดดำคนนี้ฉลาดกว่าที่เขาคิดอยู่หน่อย แม้แต่แผนถ่วงเวลาของเขามันก็ดูออก
“ยังไงแกก็รู้ว่าฉันกำลังถ่วงเวลา แล้วทำไมยังไม่ลงมือล่ะ?” เฉินเฟิงเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมถึงยังไม่ลงมือน่ะหรือ?”
“เพราะว่าพวกเราก็กำลังถ่วงเวลาอยู่น่ะสิ ”
“แกรู้สึกไหมว่าตอนนี้ร่างกายของแกไม่มีแรงเลยสักนิด”
คนชุดดำหน้าผีหัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจ
สีหน้าของเฉินเฟิงเปลี่ยนอีกครั้ง เป็นอย่างที่มันพูดจริงๆตอนนี้ยาพิษกระจายเร็วกว่าเดิมแล้ว
ตอนแรกเขาวางแผนจะใช้การถ่วงเวลาเพื่อขับพิษในร่างกายออก แต่คิดไม่ถึงว่ายาพิษชนิดนี้จะเป็นศัตรูตัวฉกาจกับพลังในร่างกายขนาดนี้ เมื่อโดนพิษแล้วพลังก็จะถูกทำลาย
“เอาล่ะ จัดการมันซะ”
คนชุดดำโบกมือพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ราวกับหมดสนุกกับการหลอกเฉินเฟิงแล้ว
เพิ่งเอ่ยจบคนชุดดำสองคนที่อยู่ด้านหลังก็เดินเข้าหาเฉินเฟิงด้วยรอยยิ้มมาดร้าย
ในสายตาของคนชุดดำทั้งสองคนตอนนี้เฉินเฟิงเป็นเหมือนแกะที่กำลังจะถูกเชือด
จะบอกว่าเฉินเฟิงไม่เหมือนแม้แต่แกะที่กำลังจะถูกเชือด เพราะว่าแกะที่กำลังจะถูกเชือดก่อนตายยังดิ้นรนขัดขืนได้ ทว่าเฉินเฟิงที่โดนยาพิษไปถึงสามเท่า ตอนนี้แม้แต่นิ้วมือยังขยับไม่ได้
ทั้งสองคนมาถึงหน้าเฉินเฟิงก่อนจะยกดาบแล้วฟันทันที
ขณะนั้นเองเฉินเฟิงก็ถอนหายใจทันที
เสียงถอนหายใจลอยเข้าสู่ใบหูของทั้งสองคน ฉับพลันก็ทำให้ทั้งสองคนเกิดความระแวงก่อนจะรีบเพิ่มความเร็วในการสะบัดดาบ
“ผลั่ก!”
“ผลั่ก!”
สิ่งที่ตอบแทนชายทั้งสองคนคือมัดไฟอันเหี้ยมโหดคนละหมัด
วินาทีต่อมาทรวงอกของชายทั้งสองคนก็ยุบลงและอาเจียนออกมาเป็นเลือด ก่อนที่ร่างกายจะปลิวไปกระแทกผนังของห้องอาหาร แรงกระแทกอย่างแรงทำให้ผนังห้องอาหารแตกออกจนดูเหมือนใยแมงมุมสองรัง
“ซี๊ด”
คนชุดดำอีกสี่คนที่เหลือพร้อมใจกันสูดหายใจ เป็นครั้งแรกที่มีความหวาดกลัวปรากฏในแววตา
“นี่แกไม่โดนยาพิษหรือ?!”หัวหน้าคนชุดดำเบิกตากว้างด้วยแววตาเหลือเชื่อ
เฉินเฟิงหัวเราะในลำคอ ยาพิษหรือ แน่นอนว่าเขาโดน!
ทว่าลำดับขั้นของเขาคือหั้วจิ้งชั้นต้น!
ไม่ใช่อ้านจิ้งชั้นสุดอย่างที่พวกมันคิด!
ถึงแม้ยาพิษที่พวกมันใช้จะมีฤทธิ์แรง ทว่าอยากให้เขาซึ่งเป็นจอมยุทธ์ในขั้นหั้วจิ้งไร้แรงขัดขืนยังอีกยาวไกลนัก!
ส่วนอาการอ่อนแรงก่อนหน้านี้แน่นอนว่าเขาแกล้งแสดง แสดงให้พวกมันเห็นเพราะเขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนส่งพวกมันมา
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือคนพวกนี้ปากหนักมาก ขนาดจะฆ่าเขาอยู่แล้วพวกมันก็ยังไม่ยอมเผยข้อมูลที่มีประโยชน์
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้อะไรเลย สองคนที่โดนเขาชกกระเด็นไปก่อนหน้านี้คือสิ่งที่เขาได้
หากเขาไม่แกล้งทำตัวอ่อนแรงสองคนนั้นก็คงไม่เดินอาดๆเข้ามาหาเขาและแสดงจุดอ่อนให้เขาเห็นเหมือนเมื่อสักครู่
“รีบไปจัดการมันเร็ว!”
แววตาของคนชุดดำฉายแววตกตะลึง ตอนนี้เรื่องราวมันอยู่เหนือการควบคุมของเขาแล้ว
หากไม่รีบจัดการเฉินเฟิงอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นได้
คนชุดดำเอ่ยจบทั้งสี่คนก็กรูเข้าไปล้อมเฉินเฟิงไว้
เฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พลังภายในร่างกายพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง
สองหมัดของเขาชกออกไปราวกับระเบิดก่อนจะเริ่มต่อสู้กับสี่คนนั้น
ภายใต้ฤทธิ์ยาพิษ แน่นอนว่าเฉินเฟิงในขั้นหั้วจิ้งชั้นต้นไม่สามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่
ความสามารถของเฉินเฟิงในตอนนี้เทียบได้กับขั้นอ้านจิ้งชั้นสุดเท่านั้น
อ้านจิ้งชั้นสุดแต่ต้องต่อกรกับอ้านจิ้งชั้นกลางสี่คนก็ถือว่ากินแรงพอสมควร
ทว่าแต่ก็แค่กินแรงเท่านั้น
ในเวลาอันรวดเร็ว เฉินเฟิงก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ
คนชุดดำทั้งสี่คนถูกเฉินเฟิงเอาคืนจนกระอักเลือดไม่หยุด
ขณะนั้นเองก็มีคนชุดดำคนหนึ่งพุ่งเป้าไปที่หวางหงอี้ ราวกับกับต้องการเอาหวางหงอี้มาเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่เฉินเฟิง
“รนหาที่ตาย!”
สีหน้าของเฉินเฟิงเย็นยะเยือก เดินหน้าไปหนึ่งก้าวเพื่อที่จะช่วยเหลือ
ทว่าคนชุดดำอีกสามคนก็ล้อมเขาไว้
“แก……แกจะทำอะไร?!”
เมื่อเห็นคนชุดดำพุ่งเข้ามา หวางหงอี้ก็ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว
ก่อนที่เขาจะหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะแล้วโยนไปทางคนชุดดำ
“เพล้ง”
ขวดเหล้าแตกกระจายทว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคแก่คนชุดดำเลยสักนิด
มันจับคอเสื้อของหวางหงอี้ ก่อนจะมันบีบคอหวางหงอี้แล้วยกร่างของเขาขึ้นราวกับยกไก่ตัวเล็กๆ
ขณะเดียวกันก็แสยะยิ้มใส่เฉินเฟิง “หยุด! ถ้าแกขยับ ไอ้นี่ตาย!”