บทที่ 67: มองหน้าหาอะไรวะ?
หลังจากที่รถบัสนําโดยหลิวเหวินซีมาถึงสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน รถบัสอีกสองกลุ่มก็เข้ามาทีละคน
ประมาณหนึ่งในสามของผู้เข้าสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้จากตงไห้มารวมกันที่นี่
ผู้เข้าสอบลงจากรถบัสและรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆพวกเขามีเสียงดังมาก
“ ฉันไม่คิดมาก่อนว่าพวกเราจะได้รับมอบหมายให้มาคุมสอบที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน!”
“ มันจะต้องมีผู้เข้าสอบหลายคนที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้เล่ยติงและสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ไปเหลียง สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้สามอันดับแรกเหล่านี้ให้ความสําคัญกับการสอบศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก ทุกปีพวกเขาจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิทธิที่จะเป็นสถานที่สอบเพื่อที่พวกเขาจะได้มองหาผู้เข้าสอบที่มีศักยภาพและเอามาเข้ามาอยู่เคียงข้างพวกเขา”
“ ไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่ฉันยังได้ยินมาว่านี่เป็นวิธีที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จะแสดงความแข็งแกร่งของพวกเขา”
“ ผู้เข้าสอบจะสามารถเห็นความสามารถของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้เมื่อพวกเขาทําการสอบ ดังนั้นเมื่อพวกเขาจะต้องตัดสินใจเลือกในอนาคต พวกเขาก็จะพึ่งพาสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ที่พวกเขาสอบเข้า”
ในขณะนี้ ผู้นําทางของรถบัสทั้งสามก็ได้มาพบกัน พวกเขาทั้งหมดมาจากกระทรวงศึกษาธิการและรู้จักกัน พวกเขามีภารกิจที่แตกต่างกันในวันนี้
“ เข้าแถวแล้วตามฉันมา!”
หลังจากที่พวกเขาพูดจบ ผู้เข้าสอบก็เข้าแถวอย่างรวดเร็ว และแบ่งเป็นสามแถวหลัก
จากนั้นแต่ละแถวก็จะถูกแบ่งออกเป็นแปดหรือเก้าทีมเล็กๆตามจํานวนนักเรียน ซึ่งแต่ละทีมก็จะนําโดยครูผู้สอน
ผู้นําทางทั้งสามนํากลุ่มของพวกเขาไปยังอาคารฝึก
การสอบยังไม่เริ่มต้น ดังนั้นมันจึงไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอาคารฝึก พวกเขาทําได้แค่รอข้างนอก
“ พวกนั้นเป็นนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมเอกชนฮุ่ยหยิงใช่ไหม?”
“ น่าจะใช่ ดูเครื่องแบบของพวกเขาสิ”
“ แม้ว่าจะเป็นโรงเรียนมัธยมเอกชน แต่โรงเรียนของพวกเขาก็มีชื่อเสียงในด้านความเข้มงวดของนักเรียน สังเกตได้จากที่แม้จะเป็นวันสอบ แต่พวกเขาก็ยังใส่ชุดเครื่องแบบมาสอบ”
“ ฉันได้ยินมาว่าฮุยหยิงนั้นน่าประทับใจมาก พวกเขามีศิษย์นักสู้ขั้นสูงมากถึงแปดคน”
“ ชิ มีอะไรน่าประทับใจกัน? ยังไงซะห้าในแปดก็ถูกซื้อตัวมาจากโรงเรียนอื่น”
บทสนทนาระหว่างนักเรียนคนอื่นๆลอยเข้ามาในหูของหวังเต็ง เขาจ้องมองพวกเขาและมองไปยังกลุ่มนักเรียนที่อยู่ด้านข้าง
ผู้เข้าสอบกลุ่มหนึ่งสวมเครื่องแบบสีน้ำเงินและสีขาวยืนเป็นเส้นตรง ดูเหมือนพวกเขาจะมีกันไม่กี่คน
ผู้เข้าสอบยืนอยู่ที่นั่นโดยยกหน้าอกขึ้นและเหยียดออก ทุกคนต่างก็แสดงท่าทางหยิ่งผยองอย่างเต็มที่
นักเรียนแปดคนที่อยู่แถวหน้าดึงดูดความสนใจของคนส่วนใหญ่ และแม้แต่นักเรียนคนอื่นๆ จากโรงเรียนเดียวกันก็ยังบ่นเกี่ยวกับพวกเขา
แน่นอน เนื่องจากโรงเรียนมัธยมตงไห่นั้น เป็นโรงเรียนมัธยมชั้นนํา ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาสําหรับผู้เข้าสอบจากโรงเรียนอื่น
“ ผู้เข้าสอบจากโรงเรียนมัธยมตงไห่ดูอ่อนแอกว่าผู้เข้าสอบของฮุยหยิ่งจริงๆ”
“ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขามีศิษย์นักสู้ขั้นสูงห้าคนเท่านั้น และทุกคนก็ที่นั่นก็มาถึงขั้นนี้ด้วยตนเอง ซึ่งแตกต่างจากฮุยหยิงที่ซื้อตัวนักเรียนมา”
“ นอกจากนี้ จํานวนผู้เข้าสอบจากโรงเรียนมัธยมตงไห้ก็ยังใกล้เคียงกับฮุยหยิง…”
โรงเรียนมัธยมตงไห่และโรงเรีนมัธยมขี่ยหยิ่ง หนึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมของรัฐชั้นนํา ส่วนอีกแห่งหนึ่งก็เป็นโรงเรียนมัธยมเอกชนที่แข็งแกร่ง มันเป็นที่เข้าใจกันได้ว่าทําไมผู้คนจึงมักจะเปรียบเทียบระหว่างทั้งสอง
และสิ่งนี้ก็ทําให้ผู้เข้าสอบจากโรงเรียนมัธยมตงไห้รู้สึกภาคภูมิใจในทันที
ในช่วงเวลาที่ทั้งสองโรงเรียนได้สบตากัน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมีประกายไฟเกิดขึ้นจากการเขม็นกันและกัน
” มองหาแม่แกหรอวะ”
” ทําไมฉันจะมองแกไม่ได้
” กล้าดียังไงมามองมาที่ฉัน!”
” ฉันจะฆ่าแกถ้าแกยังมองมาที่ฉัน…”
นักเรียนจากโรงเรียนอื่นๆกลายเป็นพื้นหลังเท่านั้นเมื่อทั้งสองโรงเรียนมองหน้ากัน พวกเขาได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ และคิดเพียงแค่อยากจะสอบให้ผ่าน
หากพวกเขาสามารถแซงหน้าโรงเรียนมัธยมตงไห่และชุ่ยหยิงได้ นั่นก็จะเป็นอะไรที่ดีมาก!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า ทางเข้าหลักของอาคารฝึกก็เปิดออกอย่างช้าๆ และพนักงานสองสามคนก็ยืนอยู่ที่ทางเข้า
“ พวกเขามาจากสํานักงานผู้ตรวจการ!”
มีคนรู้จักตัวตนของพนักงานที่ประตูและอุทานด้วยความประหลาดใจ
การแสดงออกของหวังเต็งเปลี่ยนไปเมื่อจ้องมองไปที่พนักงาน เขาเคยได้ยินเรื่องสํานักงานผู้ตรวจการมานานแล้ว
ในอดีต ย้อนไปตอนที่เขากําลังค้นคว้าข้อมูลทางออนไลน์ เขาก็ได้บังเอิญไปพบกับสํานักงานผู้ตรวจการ
เช่นเดียวกับสํานักงานคุ้มครองเมือง สํานักงานผู้ตรวจการนั้นก็เป็นแผนกที่ปกครองโดยนักสู้ พวกเขามีหน้าที่ตรวจสอบสิ่งผิดปกติ และอาชญากรที่ตกเป็นเป้าของพวกเขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากแม้ว่าพวกเขาจะไม่ตาย
เจ้าหน้าที่หลายคนที่เป็นนักสู้สั่นด้วยความกลัวเมื่อได้พบกับผู้คนจากสํานักงานผู้ตรวจการ พวกเขาเป็นเหมือนหนูที่อยู่ข้างหน้าแมว
“ แผนกที่ทรงพลังเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นที่สถานที่สอบของการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้?” หวังเต็งรู้สึกสงสัย
“ ฉันได้ยินมาว่าในช่วงแรกๆมันมีการโกงเกิดขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเที่ยง พวกเขาเลยจัดให้มีคนจากสํานักงานผู้ตรวจการมาคอยเฝ้าระวังและแทรงแซง” หยางเจี้ยนกระซิบข้างเขา
หวังเต็งพยักหน้าเข้าใจ
พวกเขาติดตามกลุ่มและเข้าสู่สถานที่สอบ เจ้าหน้าที่สํานักงานผู้ตรวจการตรวจสอบบัตรประจําตัวประชาชนและบัตรประจําตัวผู้เข้าสอบที่ละคน นอกจากนี้พวกเขาก็ยังสแกนร่างกายของผู้เข้าสอบ กระบวนการทั้งหมดนั้นเข้มงวดมาก
เมื่อถึงตาของหวังเต็ง เขาก็ได้ผ่านการสแกนได้สําเร็จโดยไม่มีเรื่องใดๆ และเข้าสู่สถานที่สอบ
“ ฉันจะเข้าไปข้างในก่อน แล้วเจอกันใหม่หลังสอบ!”
“ เข้าใจแล้ว!” หลินซัวหานและหยางเจี้ยนพยักหน้า
หวังเต็งเคยมาที่อาคารฝึกนี้หลายครั้งแล้ว ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าไปในอาคารในครั้งนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าภายในมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
อุปกรณ์ต่างๆถูกย้ายออกไปหมด มันเหลือเพียงอุปกรณ์ตรวจสอบความแข็งแกร่ง อุปกรณ์วัดความเร็ว และอุปกรณ์ตรวจสอบร่างกาย
นอกจากนี้มันก็ยังไม่ใช่แค่อุปกรณ์หนึ่งหรือสองเครื่องเท่านั้น แต่มมีเต็มทั้งห้องเลย
แต่ละกลุ่มจะประกอบด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบความแข็งแกร่ง 1 เครื่อง อุปกรณ์วัดความเร็ว 1 เครื่อง และอุปกรณ์ตรวจสอบร่างกาย 1 เครื่อง และมันก็จะมีเจ้าหน้าที่สองคนยืนอยู่ข้างๆเพื่อช่วยในการตรวจสอบ
มันมีตัวเลขอยู่เหนืออุปกรณ์สามชุด ผู้เข้าสอบจําเป็นต้องค้นหาชุดอุปกรณ์ที่ตรงตามหมายเลขในบัตรประจําตัวผู้เข้าสอบของตน
หวังเต็งมองไปที่บัตรประจําตัวผู้เข้าสอบของเขา หมายเลข 8!
มันมีคิวยาวอยู่หน้าอุปกรณ์ตรวจสอบหมายเลข 8 จากนั้นเขาก็เดินไปเข้าแถวหลังฝูงชน
มันมีผู้เข้าสอบหลายคน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเหตุการณ์สําคัญ ทุกคนจึงมีสติเป็นอย่างดี ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหา และภายในเวลาอันสั้น พวกเขาก็จัดคิวเสร็จ
เสียงประกาศเริ่มการตรวจสอบดังขึ้นบนระบบออกอากาศ
พนักงานทุกกลุ่มมีรายชื่ออยู่ในมือ พวกเขาเริ่มเรียกชื่อผู้เข้าสอบทีละคน
“หวังจุนหมิง!”
“ เฉียนเจิ้งเซียง!”
ผู้เข้าสอบที่ถูกเรียกชื่อเดินเข้าไปและเริ่มทําการตรวจสอบ
สําหรับศิษย์นักสู้ขั้นกลาง ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จําเป็นจะต้องอยู่ระหว่าง 300-700 กิโลกรัม การวิ่ง 100 เมตรของพวกเขาก็จะต้องอยู่ระหว่าง 5-7 วินาที และร่างกายของพวกเขาก็จะต้องอยู่ระหว่าง 50 ถึง 80 คะแนน
หลังจากผู้เข้าสอบเสร็จสิ้นการตรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะประกาศผลในทันที ปละพนักงานอีกคนก็จะใส่รายละเอียดลงในแล็ปท็อปของเขา
“ หวังจุนหมิง ความแข็งแกร่ง 362 ความเร็ว 6.8 วินาที ร่างกาย 56 ผ่าน!”
“ เฉียนเจิ้งเซียง ความแข็งแกร่ง 411 ความเร็ว 6.2 วินาที ร่างกาย 61 ผ่าน!”
“ XXX ความแข็งแกร่ง 298 ความเร็ว 6.9 วินาที ร่างกาย 51 ไม่ผ่าน!”
เมื่อเขาได้ยินประกาศนี้ ใบหน้าของผู้เข้าสอบก็ซีดเผือด เขาเศร้าโศกราวกับพ่อแม่ของเขาเพิ่งเสียชีวิต เขายังคงพึมพําโดยไม่รู้ตัว “ เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง? ฉันตรวจสอบความแข็งแกร่งของฉันเมื่อสองสามวันก่อน มันยังเกิน 300 กก.อยู่เลย ทําไมตอนนี้มันลดลง 2 กก.”
ผู้เข้าสอบคนอื่นๆมองเขาด้วยความสงสาร เป็นเรื่องปกติที่จะมีความผันผวนในความแรงและความเร็วของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดนี่ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของบุคคล
ยิ่งไปกว่านั้น การประหม่าก็ยังทําให้ผู้คนไม่สามารถดึงอาประสิทธิภาพสูงสุดของเร่างกายมาใช้ได้
“ ไม่มีทาง ฉันต้องการตรวจสอบอีกครั้ง ฉันยังไม่ได้ปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดของฉัน ฉันเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางนะ ฉันจะต้องการทําการทดสอบอีกครั้ง!”
ผู้เข้าสอบเริ่มออกอาการบ้าเล็กน้อย เขารีบตรงไปหาผู้ตรวจสอบและอ้อนวอนขอโอกาสอีกครั้ง
“ ลากเขาออกไป” ผู้ตรวจสอบกล่าวอย่างใจเย็น
ผู้เข้าสอบทุกคนมีโอกาสเพียงครั้งเดียวในการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ และการแสดงออกของพวกเขาก็นับเป็นการทดสอบความคิดของพวกเขาด้วยเช่นกัน หากพวกเขาทําได้ไม่ดี พวกเขาก็จะสอบไม่ผ่าน
นอกจากนี้ เกณฑ์ในปีนี้ก็ลดลงอย่างมากแล้ว ดังนั้นหากผู้เข้าสอบรายนี้ยังไม่สามารถทําได้ตามข้อกําหนดอีก เขาก็ไม่มีความหวังที่จะผ่านการประเมินการต่อสู้จริงในภายหลังแล้ว และมันก็จะเสียเวลาสําหรับทั้งสองฝ่ายไปโดยเปล่าประโยชน์
หลังจากที่ผู้ตรวจสอบพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนที่ดูเคร่งขรึมและเย็นชาก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขายกผู้เข้าสอบคนนั้นขึ้นและลากเขาออกจากสถานที่สอบ
“ ไม่ ฉันไม่อยากไป โปรดให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง ให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง…”
ผู้เข้าสอบไม่เต็มใจที่จะยอมรับชะตากรรมของเขา เขาดิ้นรนอย่างโกรธจัดและปฏิเสธที่จะจากไป
“ ถ้าคุณยังโวยวายต่อไป สิทธิ์ในการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ของคุณก็จะถูกเพิกถอน!” เสียงที่ไม่แยแสดังขึ้นจากระบบออกอากาศ
ผู้เข้าสอบชะงักไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาหมดหวังในทันทีและไม่กล้าทําเสียงใดๆอีก
ผู้เข้าสอบคนอื่นๆรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะ ความเข้มงวดและไร้มนุษยธรรมของการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้นั้นทําให้พวกเขาเครียด พวกเขาไม่กล้าที่จะหย่อนยานหรือทําตัวบ้าๆแต่อย่างใด