บทที่ 599 เตรียมตัวมา
เพราะว่าการแข่งขันพึ่งเริ่ม พวกนักแข่งรถกาวลี่ก็จัดการข่มนักแข่งรถหวาเซี่ยซะเต็มที่เลย!
เฉินเฟิงไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ เขามองไปทีเดียวและดึงสายตากลับ พลางเดินไปขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นสามพร้อมกับหวู่เหวินโป๋และจี้หง จากนั้นก็เข้าไปในห้องวีไอพีที่จองไว้ล่วงหน้าแล้ว และเป็นห้องวีไอพีที่หรูหราที่สุดในบรรดาห้องวีไอพีที่นี่ด้วย พื้นที่เท่ากับโรงหนังขนาดย่อมเลยทีเดียว
“คุณชายเฉิน คุณชายจี้ คุณชายโป๋!”
ภายในห้องวีไอพี เจ้าหน้าที่อธิบายสาวสวยคนหนึ่งกับพนักงานเสิร์ฟสาวสวยในชุดกี่เพ้าสองคนมารออยู่นานแล้ว พอเห็นทั้งสามคนเข้าห้องวีไอพีมา ก็พากันโค้งคำนับทักทาย
“เหวินโป๋ ให้พวกเธอออกไปเถอะ” เฉินเฟิงยิ้มบางให้ทั้งสามคน ก่อนหันมาบอกหวู่เหวินโป๋
“ได้ครับ พี่เฟิง”
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมเฉินเฟิงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่อธิบายสาวสวยคนหนึ่งกับพนักงานเสิร์ฟสาวสวยในชุดกี่เพ้าสองคนอยู่ที่นี่ แต่หวู่เหวินโป๋ก็รับคำในทันที และโบกมือให้ทั้งสามคนออกไป
ในขณะเดียวกัน จอยักษ์ก็ฉายภาพขึ้นอีกครั้ง รถมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีป้ายทะเบียนรถกาวลี่พุ่งผ่านจุดตรวจอีกครั้ง
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด การแข่งรอบแรกพวกนายแพ้แน่” พอเห็นฉากนี้ เฉินเฟิงก็พูดขึ้น
“เล่นมอเตอร์ไซค์เรื่องนี้ พวกเราสู้พวกกาวลี่ไม่ได้อยู่แล้ว” หวู่เหวินโป๋พยักหน้า เขาเองก็มองออกว่าการแข่งครั้งนี้แพ้แน่
“ยอดพนันของการแข่งรอบนี้เท่าไหร่?” เฉินเฟิงถาม
“ไม่มากครับ หนึ่งล้านดอลลาร์”
หวู่เหวินโป๋ตอบ: “การแข่งรถที่เหลืออีกห้ารอบ สี่รอบแรกจะแบ่งเป็นสามล้าน หกล้าน แปดล้านและสิบล้านดอลลาร์ รอบสุดท้ายอาจารย์ผมจะสู้กับผูชางจวู้นราชานักแข่งรถกาวลี่ครับ เงินพนันคือหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์”
“ดูท่ารอบสุดท้ายต่างหากที่เป็นไคลแมกซ์สินะ” เฉินเฟิงบอก
“ใช่ครับ คุณชายเฉิน ไม่ว่าจะเป็นยอดพนัน หรือความหมาย การแข่งรอบสุดท้ายถือว่าสำคัญมาก”
คนที่พูดคราวนี้คือจี้หง เขาพยักหน้าและเสริมทับว่า: “แต่ว่า การแข่งหลายรอบก่อนหน้านั้นถึงจะพนันไม่เยอะ แต่ก็เกี่ยวพันถึงหน้าตาของโลกแข่งรถใต้ดินของทั่วทั้งหวาเซี่ยเราด้วย”
“อืม”
เฉินเฟิงพยักหน้า จากนั้นก็รับแก้วไวน์จากหวู่เหวินโป๋มา พลางหมุนแก้วไวน์เบาๆ
เพราะเดี๋ยวจะต้องลงแข่งขัน หวู่เหวินโป๋และจี้หงเลยไม่ดื่มเหล้า แต่ดื่มแชมเปญแทน
เหมือนกับที่พวกเฉินเฟิงทั้งสามคนคาดเดาเป๊ะ การแข่งรอบแรก หวาเซี่ยแพ้ราบคาบ
นักแข่งรถมอเตอร์ไซค์กาวลี่สามคนขี่รถตัวเองเข้าเส้นชัยไปตามๆกัน และครองที่หนึ่งถึงสามไป ส่วนนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์หวาเซี่ยที่เหลืออีกสามคนพากันเข้าเส้นชัยวินาทีที่ 30 52 และ84ตามลำดับ เว้นระยะห่างกันไม่น้อยเลย
“เสี่ยวหู่ รอบที่สองชนะให้ได้นะ!”
พอการแข่งจบลง จี้หงก็หยิบมือถือโทรไปหานักแข่งรถหวาเซี่ยที่จะแข่งรอบสอง เขาเป็นสมาชิกหวาเสี้ยซุปเปอร์คาร์คลับ
“ประธานวางใจได้ครับ ผมชนะแน่!”
ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมาด้วยความมั่นใจเต็มร้อย
จี้หงไม่พูดอะไรอีก วางสายลงเลย
ในเวลาเดียวกัน จอภาพของห้องวีไอพีก็ปรากฏข้อมูลนักแข่งรถสองคนขึ้นมา
นักแข่งหวาเซี่ย: อู๋หู่ ชาย อายุ22ปี สมาชิกหวาเสี้ยซุปเปอร์คาร์คลับ เคยเข้าร่วมการแข่งรถใต้ดินที่ปูซานและหนานกัง ได้อันดับที่สิบสองและสิบหก ไม่เคยเข้าบอร์ดดำ แต้มต่อที่จะชนะ: 9
นักแข่งกาวลี่: เฉาเหย่โย่เอ้อ ชาย สมาชิกกาวลี่ซุปเปอร์คาร์คลับ จนถึงปัจจุบันเคยเข้าร่วมแค่การแข่งในประเทศกาวลี่ ไม่เคยเข้าบอร์ดดำ แต้มต่อที่จะชนะ: 9
“พวกนายมีข้อมูลพวกนักแข่งกาวลี่ไหม?” พอเห็นข้อมูลที่ฉายบนจอ เฉินเฟิงก็เอ่ยปากถาม
“ไม่ถือว่ารู้นะครับ”
หวู่เหวินโป๋ตอบอย่างลังเลก่อนว่า: “เพราะว่า นักแข่งรถกาวลี่ที่มาร่วมการแข่งครั้งนี้ นอกจากผูชางจวู้นและหลี่ตงชิงลูกศิษย์เขาแล้ว คนอื่นเคยเข้าร่วมแต่การแข่งในประเทศกาวลี่ทั้งนั้น แทบจะไม่มีข้อมูลและคลิปการแข่งเลย”
“งั้นอีกฝ่ายมีข้อมูลนักแข่งเราไหม?” เฉินเฟิงถามอีก
“น่าจะมีมากกว่าที่พวกเรามีของเขานะครับ”
หวู่เหวินโป๋ได้ยินอย่างนั้น เหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จี้หงขมวดคิ้วพูด : “เพราะนักแข่งรถกาวลี่คราวนี้ไม่มีชื่อเสียงทั้งนั้น ของพวกเราทางนี้นอกจากอาจารย์และผมแล้วไม่ได้เรียกนักแข่งรถสิบอันดับแรกของหวาเซี่ยมาเลย ที่มาร่วมแข่งเป็นสมาชิกหวาเสี้ยซุปเปอร์คาร์คลับทั้งนั้น และพวกที่เป็นสมาชิก ปกติเคยไปเข้าร่วมการแข่งเมืองนอกทั้งนั้นครับ”
“เหวินโป๋ ดูท่าพวกนายจะโดนพวกกาวลี่เล่นเข้าให้แล้วล่ะ ถ้าพี่เดาไม่ผิด พวกเขาเตรียมการมาอย่างดี พวกนักแข่งกาวลี่นั่นน่ะถึงจะไม่มีชื่อเสียง แต่ฝีมือใช่ย่อยเลยล่ะ”
พอได้ยินจี้หงตอบ และคิดถึงท่าทางกร่างเหิมเกริมของพวกผูชางจวู้น เฉินเฟิงสรุปออกมาได้แบบนี้เลย
ซี๊ด!
หวู่เหวินโป๋กับจี้หงสีหน้าเปลี่ยนทันที แต่ไม่ได้พูดอะไร
เรื่องมันเป็นไปตามที่เฉินเฟิงคาดการณ์
การแข่งขันสองรอบต่อมา นักแข่งรถหวาเซี่ยแพ้หมด แถมเวลาห่างไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าแพ้ราบคาบ!
แต่ฝีมือคู่แข่งก็แกร่งมาก—ครึ่งแรก พวกนักแข่งหวาเซี่ยยังพอเร่งเครื่องตามได้ทัน แต่พอถึงครึ่งหลัง พวกนักแข่งรถกาวลี่เล่นใช้ประโยชน์จากทางเลี้ยวโค้งรูป U & S สลัดนักแข่งรถหวาเซี่ยห่างไม่เห็นฝุ่น!
รวมกับการแข่งรถมอเตอร์ไซค์แล้ว สรุปแพ้สี่รอบติด!
ผลแบบนี้ทำให้สีหน้าหวู่เหวินโป๋และจี้หงย่ำแย่มาก
“เหวินโป๋ รอบต่อไปนายลงแข่งล่ะสิ?” เฉินเฟิงเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยปากถาม
“ใช่ครับ พี่เฟิง”
หวู่เหวินโป๋พยักหน้าอย่างเซ็งๆ ต่อให้ฝันเขาก็ไม่เคยคิดว่า การแข่งขันสี่รอบก่อนหน้านี้จะลงเอยแบบนี้
“งั้นพวกเราลงไปกันเถอะ นายทำใจให้สงบ เตรียมตัวให้พร้อมซะ” เฉินเฟิงตบบ่าหวู่เหวินโป๋แผ่วเบาเป็นเชิงปลอบใจ ในใจกลับกังวล
ดูจากท่าทีหวู่เหวินโป๋ในตอนนี้แล้ว ไม่เหมาะจะลงแข่งเลย แต่เฉินเฟิงเองก็รู้ว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว คงจะห้ามให้หวู่เหวินโป๋ลงแข่งไม่ได้—มันคงทำเขาเสียใจซะยิ่งกว่าฆ่าเขาซะอีก!
“ครับ พี่เฟิง”
หวู่เหวินโป๋พยักหน้า จากนั้นลุกขึ้นยืน เดินข้างจี้หงตามเฉินเฟิงลงไป
ณ จุดสตาร์ท เวทีที่พึ่งจัดทำขึ้นชั่วคราวโดนเก็บกวาดไปเรียบร้อยแล้ว สปอร์ตไลท์ยังสว่างอยู่ เพลงมันส์ก็ยังดังอยู่ แต่ความตื่นเต้นของผู้ชมทั้งสองข้างทางแทบระเบิดออกมาแล้ว
พวกเขามาที่นี่ นอกจากมาเพื่อรับรู้ความตื่นเต้นของรถแข่ง ยังอยากดูนักแข่งรถหวาเซี่ยเอาชนะนักแข่งรถกาวลี่ แต่ในขณะที่พวกเขาคิดแบบนี้ กลับได้เห็นนักแข่งรถหวาเซี่ยแพ้สามรอบติด ถ้าแพ้รอบที่สี่อีก พวกเขายังจะตื่นเต้นอะไรอีกล่ะ?
ในตอนที่ผู้ชมและนักแข่งรถหวาเซี่ยกำลังเซ็ง ผูชางจวู้นก็พานักแข่งรถกาวลี่มายืนที่สองข้างทางของจุดสตาร์ท พากันร้องเพลงกาวลี่เพื่อฉลองชัยชนะของการแข่งขัน
“โว้ว—“
จากนั้นไม่รอพวกเฉินเฟิงเดินเข้ามา เสียงแตรรถแข่งปรี๊ดดังมาแต่ไกล รถลัมโบว์กินีป้ายทะเบียนกาวลี่คันหนึ่งพุ่งเข้ามาที่จุดสตาร์ทก่อน
“เย้!”
“เยี่ยมมาก!”
“พวกนักแข่งรถหวาเซี่ยมันห่วยมากเลย!”