บทที่ 601 พลิกกลับมานำ
“ก็ได้”
เฉินเฟิงถอนหายใจเบาๆ เขามองออกว่าหวู่เหวินโป๋พูดจากใจจริง เลยไม่ห้ามปรามอีก กลับเตือนว่า:
“ตอนแข่งต้องใจเย็นนะ ห้ามลุกลนหรือเลือดร้อนเด็ดขาด ความปลอดภัยสำคัญที่สุด!”
“อืม” หวู่เหวินโป๋พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“คุณชายโป๋ สู้ๆนะ!”
“คุณชายโป๋ ชนะให้ได้นะ!”
“คุณชายโป๋ สั่งสอนพวกกาวลี่ให้คุกเข่าขอโทษเราเลยนะ!”
ในเวลาเดียวกัน นักแข่งรถหวาเซี่ยรอบด้านพากันให้กำลังใจหวู่เหวินโป๋ไปตามๆกัน
“เจ้าพวกโง่เอ๊ย! คืนนี้วงการนักแข่งรถหวาเซี่ยของพวกแกต้องโดนพวกเราหยามหยัน กลายเป็นตลกเรื่องหนึ่งไปเลย!”
หลี่ตงชิงพูดอย่างหยามหยัน จากนั้นก้าวเท้ายาวไปหาผูชางจวู้น พูดเอาใจว่า: “ขอโทษนะครับ อาจารย์ เดิมผมคิดจะให้เขาฆ่าตัวตายล้างอายให้อาจารย์ แต่ไม่สำเร็จ จะพนันขาเขาก็ไม่กล้า เลยได้แต่ให้เขาคุกเข่าตบหน้าตัวเองเป็นการลงโทษเท่านั้นเอง”
“ต้องชนะเท่านั้น จะแพ้ไม่ได้นะ!” ผูชางจวู้นพูดเสียงต่ำ
“อาจารย์วางใจได้เลยครับ ผมชนะเขาได้ง่ายเหมือนชนะเด็กสามขวบเลย!” หลี่ตงชิงพูดอย่างมั่นใจ จากนั้นปรายตามองหวู่เหวินโป๋อย่างเย็นชา และก้าวเท้ายาวเดินไปไปที่รถKoenigsellของเขา
กรอด!
หูแว่วได้ยินเสียงหลี่ตงชิงพูดอย่างเหิมเกริม และเห็นท่าทีไม่ยี่หระของเขา หวู่เหวินโป๋โกรธจนกำหมัดแน่นทั้งสองมือ จากนั้นก็เดินไปที่รถแอสตันมาร์ตินที่ถูกเจ้าหน้าที่เอาไปขับอุ่นเครื่องมารออยู่นานแล้วด้วยท่าทีเหมือนสิงโตที่หัวฟูเพราะความโกรธ
ในเวลาเดียวกัน หลี่ตงชิงมุดเข้ารถKoenigsell จ้องเฉินเฟิงผ่านทางกระจกรถอย่างเย็นชา ความโกรธแค้นเต็มสองตา
ในสายตาเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเฟิงคอยขัดคอห้ามปราม อย่างน้อยเขาต้องชนะได้ขาหวู่เหวินโป๋ข้างหนึ่ง!”
“เหวินโป๋ จำที่พี่พูดไว้นะ”
เฉินเฟิงเอ่ยปากเตือนหวู่เหวินโป๋อีกครั้งอย่างไม่สนใจสายตามาดร้ายของหลี่ตงชิง
“ครับ พี่เฟิง!” หวู่เหวินโป๋พยักหน้า จากนั้นมุดเข้าแอสตันมาร์ติน
“หมาตัวหนึ่งทำไมพูดมากจัง?” ไม่แค่หลี่ตงชิงที่ไม่พอใจเฉินเฟิง ผูชางจวู้นเองก็แค่นเสียงเย็นชาออกมาเมื่อได้เห็นเฉินเฟิงเอ่ยปากเตือนอีกครั้ง
ชิ้ง!
เฉินเฟิงไม่ตอบอะไร เขาหรี่ตามองไปทางผูชางจวู้น
แววตานี้สั้นมาก
แต่กลับตัดสินโทษตายให้กับผูชางจวู้นแล้ว!
หาเรื่องตาย!
พอได้ยินผูชางจวู้นพูดอย่างไม่กลัวตาย และเห็นสายตานั้นของเฉินเฟิง พวกจี้หงแล่นคำนี้พรวดขึ้นมาในใจทันที ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ฐานะของเฉินเฟิงเลย แต่สามารถทำให้หวู่เหวินโป๋เคารพนอบน้อมด้วยได้ถึงขนาดนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาง่ายๆแน่ ผูชางจวู้นกล้าหาเรื่องคนระดับนี้ ไม่ใช่หาเรื่องตายเรียกว่าอะไรล่ะ?
ในเวลาเดียวที่สรุปได้แบบนี้ นักแข่งรถหวาเซี่ยโดยมีจี้หงเป็นแกนนำก็เริ่มกังวล
พวกเขากังวลว่า เฉินเฟิงจะเข้าไปสั่งสอนผูชางจวู้น
ถ้าเป็นจริง ได้ระบายความโกรธแน่ แต่ก็จะโดนหาความต่อแน่
ใช้คำพูดก่อนหน้านี้ของหลี่ตงชิงมาพูดคือ พอเรื่องแพร่ออกไป วงการนักแข่งรถต่างชาติจะดูถูกวงการแข่งรถหวาเซี่ย หาว่าพวกเขาแพ้ไม่เป็น
ดังนั้น ในตอนที่พวกจี้หงกำลังทั้งรอคอยและสับสน เฉินเฟิงไม่ได้ลงมือ และไม่ได้สนใจผูชางจวู้นอีก เขากลับหันไปมองที่จุดสตาร์ทของลู่แข่ง
ที่เวทีหน้าจุดสตาร์ทของลู่แข่ง เจ้าหน้าที่สาวหุ่นเซ็กซี่เอามือเดียวกันไว้หน้าหน้าอกและถอดบิกินี่ออกเหมือนรอบก่อนหน้านี้
“บรื้น-“
“บรื้น-“
เสียงรถวิ่งแล่นปราดทันทีที่บิกินี่หล่นลงพื้น
แอสตันมาร์ตินสีขาวและKoenigsellสีดำบีบแตรใส่กันราวสัตว์ป่าสองดำห้ำหั่นกัน
ภายใต้ท้องฟ้ามืดมิด รถแข่งสองคันตอนแรกยังเคียงข้างกัน พริบตาเดียว รถแอสตันมาร์ตินแล่นปราดนำไปหายไปจากสายตาผู้ชม
ชิ้ง!
ในขณะเดียวกัน สปอร์ตไลท์ส่องไปที่ตึกสามชั้น
วินาทีต่อมา ตึกสามชั้นก็กลายเป็นเหมือนจอภาพLCD ฉายภาพหลายสิบช่องขึ้น—มันเป็นภาพจากจุดตรวจแต่ละจุด
นี่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของสนามแข่งรถใต้ดิน ใช้ตึกเป็นจอภาพ และใช้เทคนิคLCD ฉายภาพการแข่งขันปรากฏสู่สายตาผู้ชม ทำให้ผู้ชมสามารถชมการแข่งขันตลอดรายการอยู่ที่จุดสตาร์ทของลูแข่ง
“คุณชายโป๋วิ่งเข้าสู่จุดตรวจแรกก่อน!”
“สุดยอด ในที่สุดก็นำได้แล้ว!”
“หวังว่าคุณชายโป๋จะสามารถทนได้ถึงตอนจบนะ ทำให้พวกเราได้ชัยชนะซักที!”
….
สักพักจอภาพช่องแรกก็ปรากฏภาพรถแอสตันมาร์ตินแล่นผ่านไป ทำเสียงเฮลั่น
ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถหวาเซี่ยหรือผู้ชมก็พากันโห่ร้องดีใจ
รวมถึงจี้หง เขาเองก็คลายคิ้วขมวดลง เผยให้เห็นรอยยิ้ม
มีแต่เฉินเฟิงที่ไม่ได้โห่ร้องไปด้วย
ตรงกันข้าม เขากลับคิ้วขมวดมุ่น
เพราะเขามองออกจากจอภาพว่า หวู่เหวินโป๋เลี้ยวโค้งไม่สมบูรณ์เท่าไหร่เพราะขับเร็วเกินไป แถมยังเกือบชนเข้ากับรั้วกั้นขอบในตอนเลี้ยวโค้งแรก
พอหันไปดูทางหลี่ตงชิง เขาควบคุมความเร็วของรถได้ดีมาก เขาเลี้ยวโค้งได้เพอร์เฟคส์เสมือนว่าสำเนาจากหนังสือคู่มือมาเลย
“พวกหน้าโง่เอ๊ย!”
ในเวลาเดียวกัน ทางพวกนักแข่งรถกาวลี่ สีหน้าพวกเขาไม่ได้มีความเศร้าหรือเซ็งเลย แต่กลับยิ้มเจ้าเล่ห์ บางคนยังเอ่ยปากเลย เหมือนเห็นพวกนักแข่งรถหวาเซี่ยและผู้ชมที่โห่ร้องดีใจเป็นพวกหน้าโง่
หือ?
หูแว่วได้ยินคำพูดดูถูกของนักแข่งรถกาวลี่ และมองเห็นสีหน้าเยาะหยันบนใบหน้านักแข่งรถกาวลี่ที่มีผูชางจวู้นเป็นหัวหน้า ความรู้สึกหวาดหวั่นในใจเฉินเฟิงยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่องๆ เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ
สติบอกเขาว่า หวู่เหวินโป๋อยากเอาชนะมาก สมาธิไม่นิ่ง แบบนี้ไม่เพียงจะแพ้การแข่งขัน ยังเป็นไปได้มากว่าจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตด้วย
“คุณชายโป๋นำตลอดเลย!”
ในตอนที่เฉินเฟิงกำลังกัลวล รถแอสตันมาร์ตินก็นำเข้าจุดตรวจที่สองต่อ ทำนักแข่งรถหวาเซี่ยและผู้ชมเฮกันอีกยกหนึ่ง
พวกเขาที่กำลังโห่ร้องไม่ได้สังเกตเรื่องหนึ่งเลยว่า—–ตอนรถKoenigsellตามรถแอสตันมาร์ตินมาติดๆ และขับใกล้แอสตันมาร์ตินมาเรื่อยๆ แทบจะขับแซงไปได้ทุกเมื่อ
“พวกหวาเซี่ยน่าสงสารเอ๊ย ถ้าพวกเขารู้ว่าตงชิงแกล้งยอมให้คนหวาเซี่ยนั่นนำไปก่อนในสองจุดตรวจแรก ไม่รู้ว่าพวกมันจะยังหัวเราะกันออกไหม?”
“ตงชิงนี่เจ้าเล่ห์จริงๆน้า แกล้งยอมให้เจ้าคนหวาเซี่ยนั่นนำไปก่อน และทำเกินเวลา ใช้วิธีนี้ทำให้เจ้าหวาเซี่ยนั่นสมาธิไม่นิ่ง ถ้ามันสมาธิหลุดเมื่อไหร่ ตายแน่นอน!”
“ใช่ ถ้าตงชิงไม่ได้อยากเอาชีวิตเจ้าหวาเซี่ยนั่น มีหรือจะยอมให้มันนำก่อน?!”
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านพวกนักแข่งรถกาวลี่ รอยยิ้มหยันบนใบหน้าพวกเขาไม่ได้ลดลงเลย มีหลายคนในนั้นยังวิพากษ์วิจารณ์กันเมามันส์
ถึงเสียงพวกเขาจะเบา แต่เฉินเฟิงก็ยังได้ยินด้วยประสาทการฟังที่เหนือคนธรรมดา
นี่มัน…ทำให้เฉินเฟิงยิ่งเป็นห่วงหนักขึ้น!
“พระเจ้า นี่เจ้านักแข่งรถกาวลี่มันแซงคุณชายโป๋ในจุดตรวจที่สามได้!”
ไม่นาน ภาพจุดตรวจที่สามก็ปรากฏขึ้น หลี่ตงชิงใช้เทคนิคเลี้ยวโค้งขั้นเทพแซงหน้ารถแอสตันมาร์ตินที่หวู่เหวินโป๋ไปได้ และนำหน้าขึ้นมา