บทที่ 717 ฆ่าหลี่ชางซีด้วยเวลาอันสั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถึงคิวเฉินเฟิงขึ้นแข่งขันอีกแล้ว เฉินเฟิงเดินออกมา พร้อมเสียงผู้ชมที่ตะโกนร้องกึกก้อง
หลี่ชางซีมาถึงสนามแข่งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เห็นหลี่ชางซีเดินมา สายตาหันไปมองอย่างดุเดือด
“เฉินเฟิงประเทศหวา ผมได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ หลังจากที่คุณหนีออกมาจากญี่ปุ่น ยังได้ไปประเทศของผม? ผมยังได้ยินมาว่า คุณทำให้เกิดความตื่นตระหนกในพื้นที่อีกด้วย”
เมื่อเฉินเฟิงมาถึงสนามแข่ง หลี่ชางซีได้พูดขึ้นอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจว่า “เสียดายตอนนั้นผมออกมาไม่ได้ ไม่ได้เจอกับคุณ แต่คุณควรที่จะดีใจ หากตอนนั้นได้เจอกับผม คุณคงไม่ได้มีชีวิตมาถึงวันนี้”
“โย้ ฟังความหมายของคุณ ตอนนั้นหากเจอกับผม จะต้องฆ่าผมได้แน่?”
เฉินเฟิงหัวเราะเยาะ เดิมเขาก็เดาความสัมพันธ์ระหว่างรอนกับหลี่ชางซีอยู่แล้ว เห็นทีน่าจะเป็นเช่นนั้นจริง และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่เลว
“ใช่”
หลี่ชางซีพยักหัว พร้อมพูดต่อไปว่า “แต่คุณไม่ต้องกลัว วันนี้ผมจะไม่ฆ่าคุณ ผมจะเก็บชีวิตของคุณไว้ ให้รอนจัดการคุณเองกับมือ”
“ฮ่าๆ เห็นทีผมคงมีเมตตา ถ่อมตนเกินไป ทำให้คนนิรนามอย่างพวกคุณ กล้ามาเห่าตรงหน้าผม” สายตาเฉินเฟิงฉายแววอาฆาต
เฉินเฟิงไม่ได้อยากแสดงฝีมือทั้งหมดที่มีให้คนอื่นเห็น เดิมคิดว่า นอกจากศัตรูแล้ว ปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงฝีมือออกมาอย่างเต็มที่ แล้วเขาก็หลบหลีก เช่นนี้เขาก็จะได้เรียนรู้ทักษะเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันสำหรับคนที่ได้ต่อสู้กับเขา ก็ถือเป็นการให้ความเคารพอย่างหนึ่ง
แต่ตอนนี้ แผนการนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว หลี่ชางซีคนนี้กล้ามาท้าทายเขา ด้วยนิสัยของเฉินเฟิง ไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆแน่
“อะไรนะ? คุณพูดอีกรอบสิ”
สีหน้าหลี่ชางซีเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงจะกล้าพูดแบบนี้
“คุณรนหาที่ตายหรือ? คุณวางใจ ผมจะทำให้คุณสมหวัง”
เฉินเฟิงตอบอย่างเย็นชา ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแล้ว
หลักการความเป็นคนของเฉินเฟิงก็คือ อย่าปราณีให้กับศัตรูเป็นอันขาด กับเพื่อนจะไม่มีทางเอาเปรียบ นี่เป็นหลักการที่เขายึดมั่น
การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกนี้ เดิมเฉินเฟิงมีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นก็คือแก้แค้นศัตรูที่ร่วมกันรุมทำร้ายเย่หนานเทียนในตอนนั้น ฆ่าทุกคนให้ตาย แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
อย่างเช่นหลี่ชางซีที่อยู่ตรงหน้านี้ เฉินเฟิงไม่รู้ว่าตนเองไปล่วงเกินอะไรเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเหิมเกริมมาก และท่าทีนั้นเหมือนอยากที่จะฆ่าเฉินเฟิงให้ได้อย่างเดียว
เฉินเฟิงไม่ชอบแบบนี้ บวกกับตอนนี้อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยถากถาง ทำให้เฉินเฟิงเกิดความอาฆาตอย่างที่สุด
“ฮ่าๆ ใช่หรือ?”
หลี่ชางซีเหมือนได้ยินคำพูดที่ตลกมาก มองเมินใส่เฉินเฟิงอย่างไม่ปกปิด แต่จะว่าไปแล้วเขาก็มีความสามารถพอตัว
หลี่ชางซีในฐานะที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล หลังจากที่ถูกเลือกให้เป็นทายาทของตระกูล ก็ได้รับการถ่อยทอดวิชาศิลปะการต่อสู้จากผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล โดยถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ให้กับเขาด้วยตัวเอง สามารถพูดได้ว่าเส้นทางการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ของเขานั้นราบเรียบมาก
บวกกับประมุขยอมจ่ายอย่างหนักเพื่อซื้อยาพันธุกรรมมาให้เขา ทำให้เขามาถึงแดนหั้วจิ้งชั้นต้นด้วยเวลาอันสั้น
หลังจากฉีดยาพันธุกรรม แรงต่อสู้ของเขา พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนี่ยังไม่ถึงที่สุด ที่น่ากลัวที่สุดคือเขาได้ก้าวสู่แดนหั้วจิ้งชั้นกลางไปเบื้องต้นแล้ว ทั้งหมดนี้ทำให้เขาหลงตัวเองอยู่ไม่น้อย
“ในเมื่ออยากหาที่ตาย ผมก็จะส่งคุณเอง เดิมยังคิดที่จะให้คุณได้มีชีวิตอยู่อีกสักพัก ตอนนี้เห็นทีคงไม่ต้องแล้ว วันนี้เป็นวันตายของคุณแล้ว”
คำพูดอวดดีของหลี่ชางซี ดังก้องไปทั่ว ผู้คนรอบๆต่างก็ได้ยินคำพูดอวดเก่งของเขา
“ฮู้”
“ไม่ใช่มั้ง หลี่ชางซีท้าทายเฉินเฟิง และยังเป็นการท้าทายด้วยชีวิต”
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ ความสามารถที่แท้จริงของเฉินเฟิง กับเหตุการณ์เรื่องราวที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็รู้ หลี่ชางซีไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน”
คำพูดอวดดีของหลี่ชางซี ทำให้ผู้คนรอบๆต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาในทันใด
รอบๆต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่อย่างกระซิบกระซาก
ส่วนเฉินเฟิงเขาไม่ได้พูดอะไรอีก พูดคุยกับคนไม่รู้จักความตายอย่างหลี่ชางซีแบบนี้ ไม่มีประโยชน์อะไร หันไปมองดูกรรมการตัดสินวัยกลางคน รอคอยการแข่งขันเริ่มขึ้น
อย่าว่าแต่ผู้ชมธรรมดารอบๆ แม้แต่กรรมการวัยกลางคนที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ ก็กำลังมึนอยู่ คิดไม่ถึงว่า จากที่ได้จัดการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วน การแข่งขันในวันนี้กลับกลายเป็นการประลองด้วยความตาย
แต่เขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก็พูดกับทุกคนว่า “เงียบกันก่อน เงียบกันก่อน”
“เฉินเฟิง หลี่ชางซี พวกคุณสองคนยังจะให้ผมพูดถึงกติกาการแข่งขันอีกครั้งไหม?”
กรรมการตัดสินมองดูทั้งสองคนแล้วถามขึ้น
“ไม่ต้องแล้ว นี่เป็นการประลองด้วยความตาย เขาจะมีชีวิตเดินลงไปจากเวทีไม่ได้” หลี่ชางซีพูดขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
กรรมการตัดสินวัยกลางคนได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าหลี่ชางซีที่ยังไม่ได้เริ่มการแข่งขัน ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่กรรมการตัดสินก็ไม่พูดอะไร หันไปมองดูเฉินเฟิง รอคอยคำตอบของเขา
เฉินเฟิงไม่ได้ตอบ ส่ายหัวด้วยสายตาที่เงียบขรึม
“ได้ งั้นการแข่งขันเริ่มขึ้น ณ บัดนี้”
กรรมการตัดสินพูดเสร็จแล้วก็ก้าวถอยหลังไป
“ลิงประเทศหวา เอาชีวิตมา”
หลี่ชางซีตะโกนพูดเสียงดัง ท่าทางอวดดี ความอาฆาตเต็มเปี่ยม แต่ยังไม่ทันรอให้เขาได้พูดจบ เฉินเฟิงก็โจมตีมาแล้ว
เฉินเฟิงไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับเขา ลงมือด้วยท่าตายทันที ต้องรู้ว่าพลังกายบวกกับพลังภายในของเฉินเฟิง ความรวดเร็วได้พุ่งถึงสุดขีด
ทันใดนั้น ผู้ชมธรรมดามองไม่เห็นเงาร่างของเขา แม้แต่นักสู้ธรรมดาพวกนั้น ตอนนี้ก็เห็นเพียงเงาร่างรางๆเท่านั้น
หนามมังกร นี่เป็นหนึ่งในกระบวนท่าไม้ตายของเฉินเฟิง ณ ตอนนี้เขาโกรธอย่างที่สุดแล้ว ฆ่าหลี่ชางซีเพื่อจะได้ให้พวกคนอวดดีพวกนั้นรู้ตัว
เพราะเฉินเฟิงมีความตั้งใจที่จะฆ่าหลี่ชางซี ตอนนี้หมัดนี้บวกกับความแข็งแกร่งของร่างกาย แรงหายใจที่ลึกลับ หลายๆชั้นถมทับกัน หมัดนี้จะต้องฆ่าหลี่ชางซีได้แน่
เพราะหมัดนี้เฉินเฟิงได้ใช้กำลังภายในของตนเอง ตอนนี้หมัดนี้เต็มไปด้วยพลัง เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งไปยังหัวสมองของหลี่ชางซี
ต้องรู้ว่าเฉินเฟิงกับฉู่เหอก็เคยประลองกันด้วยความตาย ฉู่เหอเผชิญกับหมัดนี้ ก็ไม่สามารถรับมือได้ ฉู่เหอเป็นถึงนักสู้หั้วจิ้งชั้นกลาง เขายังขนาดนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงหลี่ชางซี ที่อาศัยการฉีดยาพันธุกรรม เพื่อเพิ่มแดนของตน
“ไม่ดีแล้ว”
หมัดลอยมาอย่างดุเดือด ในใจหลี่ชางซีสั่นไหว ความอันตรายพุ่งสูงขึ้น เดิมเขาไม่ได้เห็นเฉินเฟิงอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้กลับสัมผัสได้ถึงความอันตรายของหมัดนี้อย่างแท้จริง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาไม่ได้เตรียมใจไว้ เผชิญหน้ากับหมัดนี้ บวกกับความอันตรายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้จิตใจเขากระสับกระส่าย กลางฝ่ามือออกรับอย่างไม่รู้ตัว
“ปัง”
ฝ่ามือกับหมัดกระทบกัน ฝ่ามือของหลี่ชางซีแตกเป็นชิ้นจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เผยให้เห็นถึงสภาพที่น่ากลัวอย่างที่สุด
“อ้า”
หลี่ชางซีตะโกนร้องอย่างเจ็บปวด ร่างกายถอยหลัง แต่เฉินเฟิงจะยอมให้โอกาสเขาหรือ ในเมื่อเกิดความอาฆาตแล้ว งั้นอีกฝ่ายก็ไม่มีทางรอด เวลาต่อมา เฉินเฟิงกระโดดขึ้น ใช้เท้าเตะไปที่หัวสมองของหลี่ชางซี
หลี่ชางซีเบิกตาทั้งคู่กลมโต หัวสมองแตกสลาย แล้วก็ตายในทันที