ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 747

ตอนที่ 747

บทที่ 747 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส

ทว่าเฉินเฟิงประกาศแล้วว่าจั่วจู้จะต้องชดใช้ดังนั้นจะปล่อยไปแบบนี้ก็ไม่ได้ จั่วจู้อาจจะรอดชีวิตทว่าต้องได้รับบทเรียน

ตอนเพิ่งเริ่มการแข่งขัน ความสามารถของจั่วจู้เกินความคาดหมายของเฉินเฟิงไปมาก อีกฝ่ายอาศัยพลังของตัวเองในการใช้ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นซึ่งอานุภาพก็ส่งผลต่อความปลอดภัยของเฉินเฟิงได้พอสมควร ตอนหลังอีกฝ่ายกระตุ้นยาพันธุกรรมในร่างกายให้ออกฤทธิ์จนทำให้พลังการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด

เฉินเฟิงไม่ใช่คนโง่ที่จะพุ่งชนอย่างเดียว ทว่าเขาเลือกที่จะลดทอนกำลังของอีกฝ่าย รอจนกระทั่งพลังภายในของจั่วจู้ค่อยๆอ่อนแอลง เฉินเฟิงจึงใช้โอกาสนั้นในการโจมตีอย่างดุร้ายราวกับสัตว์ป่า เพียงชั่วครู่ก็พลิกสถานการณ์ในสนามได้

“ตายซะเถอะ!”

ขณะนั้นเองจั่วจู้ก็ตะโกนขึ้นพลางพุ่งเข้ามาหาเฉินเฟิง เขายกดาบในมือขึ้นแล้วใช้ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นอีกครั้ง

ถึงแม้เมื่อสักครู่เขาจะถูกหมัดของเฉินเฟิงชกจนถอยหลัง อีกทั้งพลังลมปราณในร่างกายก็ไม่คงที่ ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว

การแข่งขันดำเนินมาจนถึงตอนนี้เขาเสียสติไปแล้ว ตอนเพิ่งเริ่มการแข่งขันเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าผ่าคลื่นลมจะฆ่าเฉินเฟิงได้ ทว่าคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นก็ยังไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

เช่นนี้เขาจะยอมรับได้อย่างไร สิ่งที่น่าโมโหกว่าก็คือหลังจากที่เขากระตุ้นยาพันธุกรรมในร่างกายให้ออกฤทธิ์เพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ให้สูงที่สุดแล้วเฉินเฟิงก็ยังคงหลบหลีกได้

การต่อสู้ของทั้งสองคนดำเนินมาถึงตอนนี้จั่วจู้งัดท่าไม้ตายทั้งหมดที่มีออกมาใช้แล้วก็ยังคงทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ นี่เป็นการทำลายความมั่นใจของเขาอย่างสาหัส ตอนนี้พลังการต่อสู้ของเขาค่อยๆลดลงเรื่อยๆ

ดังนั้นตอนนี้เขาลืมสิ้นทักษะทั้งหมด คิดเพียงแค่ว่าต้องฆ่าอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุดเท่านั้น เขาจึงใช้ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นอีกครั้งโดยไม่ได้สนใจพลังภายในของตน

เมื่อต้องเผชิญกับท่าไม้ตายแบ่งคลื่นของจั่วจู้ในครั้งนี้ เฉินเฟิงไม่ได้หลบหลีกแล้วทว่าเขากำหมัดแน่นดึงหมัดกลับเตรียมตัวที่จะตอบโต้

เห็นได้ชัดว่าเฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังที่ลดลงไปกว่าครึ่งจากจุดสูงสุดของจั่วจู้ อีกทั้งพลังก็ยังคงลดลงเรื่อยๆและจะตกอยู่ในสภาพความสามารถเดิมในไม่ช้า

สำหรับเฉินเฟิงแล้ว ความสามารถขนาดนั้นไม่มีผลอะไรกับเขามากนัก

กระบวนท่าของทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้ง จั่วจู้หลุดเสียงอู้อี้ ร่างของเขาถูกดันถอยหลัง มีเลือดไหลออกมาจากปาก แขนชาจนแทบจะสูญเสียการรับรู้

ด้านเฉินเฟิง เขายืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่มีการขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ซึ่งแตกต่างจากจั่วจู้ที่กำลังล่าถอยอย่างเห็นได้ชัด

ความแตกต่างนี้คนในวงการล้วนดูออก ทว่าคนระดับสูงนอกวงการเหล่านั้นกลับดูไม่ออก พวกเขาไม่เข้าใจว่าการแข่งขันดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ทำไมบทบาทของทั้งสองจึงสลับกัน กลับกลายเป็นเฉินเฟิงที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ

“อืม เฉินเฟิงสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ชัยชนะคงตกเป็นของเฉินเฟิงแล้วล่ะ!”

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างวิลเลียม อาเธอร์หรือเติ้งนีล้วนมีความคิดนี้โผล่ขึ้นมา

พลังภายในของจั่วจู้ไม่คงที่ ความสามารถกำลังถดถอย อีกทั้งไม่มีท่าทีจะหยุดยั้งได้ เช่นนั้นการแข่งขันในรอบนี้เฉินเฟิงคือผู้ชนะแน่นอน ถือว่าจั่วจู้แพ้อย่างราบคาบแล้ว

ในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก ทุกคนล้วนอยากเห็นการแข่งขันที่น่าตื่นตาตื่นใจ

การแข่งขันในช่วงแรกพูดกันตามความจริงแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจ เนื่องจากความสามารถของผู้อ่อนแอมีจำกัด สิ่งที่ผู้แข็งแกร่งต้องการคือการท้าทายความสามารถ ดังนั้นการแข่งขันจึงมักจะจบลงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่อาเธอร์และวิลเลียมกำจัดคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ พวกเขาสะใจแล้วทว่าผู้ชมยังดูไม่สะใจ ดังนั้นการแข่งขันรอบก่อนหน้าจึงมีผู้ชมน้อยมาก กระทั่งถึงรอบการแข่งขันระหว่างเฉินเฟิงและหลี่ชางซีถึงพลิกสถานการณ์กลับมาได้

ต้องรู้ก่อนว่าการแข่งขันระดับโลกนั้นหากไม่มีคนดูจะเป็นยังไง? มันคือเรื่องตลกดีๆนี่เอง ซึ่งในตอนนั้นเองหลี่ชางซีก็ประกาศว่าจะฆ่าเฉินเฟิง ฉับพลันก็สามารถดึงดูดสายตาของทุกคนมาได้

เดิมทีวีรกรรมของเฉินเฟิงก็เป็นที่คาดหวังจากทุกคนอยู่แล้ว บทที่ดวลกับหลี่ชางซีการแข่งขันของพวกเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว เพราะเป็นการแข่งขันที่ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

การแข่งขันในครั้งนั้นทำให้ทุกคนรู้จักเฉินเฟิงใหม่ และการแข่งขันรอบที่สองเฉินเฟิงก็ได้เผชิญหน้ากับรอน รอนนั้นแข็งแกร่งกว่าหลี่ชางซีทว่าสุดท้ายก็ยังพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ

และการแข่งขันรอบที่สามเฉินเฟิงก็ได้เผชิญหน้ากับหงอี้ หงอี้คนนี้คือความหวังในการลบล้างความอัปยศในอดีตของหงเทียนป้า ซึ่งการแข่งขันของทั้งสองคนนั้นก็น่าตื่นตาตื่นใจมากไม่แพ้กัน เพียงแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับเฉินเฟิงและถูกเฉินเฟิงกำจัดอยู่ดี จากการแข่งขันในรอบนั้นสายตาของทุกคนล้วนจับจ้องอยู่ที่เฉินเฟิง คนที่เคยมองเฉินเฟิงในแง่ร้ายก็เปลี่ยนความคิดเพราะการแข่งขันในรอบนั้น

เรียกได้ว่าเฉินเฟิงกลายเป็นจุดเด่นของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ความสามารถของอาเธอร์และวิลเลียมจะแข็งแกร่งมาก ทว่ารูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาไม่มีความน่าสนใจสำหรับผู้ชม นี่คือความแตกต่างระหว่างเฉินเฟิงและพวกเขาทั้งสองคน

และผู้ชมจำนวนมากของการแข่งขันในครั้งนี้คือผู้ชมที่ชมการแข่งขันรอบก่อนหน้าและที่มาในวันนี้ก็เพื่อชมการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นในรอบนี้

เดิมทีประเทศหวาและประเทศญี่ปุ่นไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้เฉินเฟิงก็บุกประเทศญี่ปุ่นตัวคนเดียวเพื่อช่วยคนรักของตน แถมยังฆ่าจอมยุทธ์ไปมากมาย เรียกได้ว่าสร้างความอลหม่านให้แก่ประเทศญี่ปุ่นก็ว่าได้ ผู้แข็งแกร่งอันดับเทพลงมือเองก็ไม่มีประโยชน์ จนสุดท้ายต้องถึงมือของสำนักจัานถัง

โดยคิดว่าอาศัยอำนาจและหน่วยข่าวกรองของสำนักจัานถังแล้วเฉินเฟิงจะไม่สามารถหลบหนีไปได้ ทว่าใครจะไปคิดว่าเฉินเฟิงจะสามารถออกจากประเทศญี่ปุ่นไปได้อย่างไร้ร่องรอย

เรื่องปาฏิหาริย์เหล่านี้จึงถูกบอกเล่าต่อกันมา จอมยุทธ์รุ่นเยาว์บางส่วนจึงมีเฉินเฟิงเป็นมาตรฐานในการฝึกฝนการต่อสู้

บทที่อัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่หาตัวจับยากของประเทศญี่ปุ่นอย่างจั่วจู้มาร่วมการแข่งขันที่นี่ ทุกคนจึงรู้ดีว่าจั่วจู้ไม่มีทางปล่อยเฉินเฟิงให้รอดไปได้

บทที่การแข่งขันเพิ่งเริ่ม ทั้งสองฝ่ายยังดูสูสีกัน ทว่าตอนช่วงกลางของการแข่งขันที่จั่วจู้ใช้ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นทุกคนต่างก็คิดว่าครั้งนี้เฉินเฟิงคงต้องไปเยือนยมโลกแล้ว

ทว่าคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตร เฉินเฟิงอาศัยความสามารถและประสบการณ์การต่อสู้ของตัวเองพลิกสถานการณ์กลับมาได้ อีกทั้งยังคว้าชัยชนะในการแข่งขันมาได้

เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่มีใครไม่นับถือ พูดกันตามความจริงในชั่วพริบตานั้นแม้แต่อาเธอร์เองยังใจกระตุกครั้งหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“แพ้แล้ว แย่แล้ว!”

กงปุ่นเหย่อู่ที่ดูอยู่เกิดอาการหน้าซีดราวกับสูญเสียพลังทั้งหมดไปแล้วจนนั่งตัวเปลี้ยอยู่บนเก้าอี้ จากความสามารถของเขาเขาดูออกว่าตอนนี้จั่วจู้ไม่ไหวแล้วแค่กัดฟันฝืนทนอยู่เท่านั้น

อีกทั้งเขารู้จักท่าไม่ตายแบ่งคลื่นดี จำนวนครั้งในการใช้ท่านี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพลังภายในของผู้ใช้ จากพลังของจั่วจู้สามารถใช้ท่านี้ได้แค่สี่ครั้งเท่านั้น

และจั่วจู้ก็ใช้ครบสี่ครั้งแล้ว โดยการใช้ครั้งสุดท้ายลมปราณก็ไม่คงที่ อานุภาพก็ไม่เท่าครั้งก่อนหน้านี้ ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นคือไม้ตายของจั่วจู้ ตอนนี้ท่าไม้ตายก็ใช้ไปหมดแล้วทว่าศัตรูก็ยังไม่ตาย เช่นนั้นก็เดาจุดจบของเขาได้เลย

“นี่……มันเป็นไปได้ยังไง!”

กงปุ่นเหย่อู่รู้ ฉะนั้นคนที่อยู่บนเวทีอย่างจั่วจู้นั้นรู้ดียิ่งกว่า ตอนนี้เขาไม่เหลือพลังภายในเลยแม้แต่น้อย ณ ตอนนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งชั้นต้นก็สามารถฆ่าเขาได้

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท