บทที่ 99: ข้อเสนอจากสามสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ชั้นนํา
ในตอนบ่าย หวังเต็งมาที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดตามที่แผนที่บอก
เขามองไปรอบๆร้านอาหารและเห็นลู่ซีชิงโบกมือให้เขา เขาพยักหน้าให้เธอแล้วเดินไป
ทําไมคุณถึงมาเร็วจัง!
ก็ฉันเป็นคนนัด ดังนั้นฉันก็ต้องมาก่อนสิ ลู่ซีชิงเสยผมและยิ้ม
คุณสุภาพเกินไปแล้ว อันที่จริงคุณไม่จําเป็นต้องทําเช่นนี้ก็ได้ แค่คุณตอบคําถามแนมันก็ช่วยฉันได้มากแล้ว
หยุดขอบคุณซึ่งกันและกันได้แล้ว หากคุณมีคําถามใดๆก็ถามมาได้เลย แต่ตอนนี้เรามาดูอาหารกันก่อน ลู่ซีชิงส่งต่อเมนูให้หวังเต็ง
ทั้งสองคนสั่งอาหารคนละอย่าง
การบริการของร้านอาหารนี้รวดเร็ว อาหารที่พวกเขาสั่งมาเสิร์ฟอย่างต่อเนื่อง หวังเต็งและลู่ซีชิงคุยกันขณะที่พวกเขากินอาหารทะเล
ทันใดนั้น หวังเต็งก็ได้ยินอะไรบางอย่างและถามด้วยความประหลาดใจ คุณรู้จักสัตว์กลายพันธุ์และสัตว์อสูรดาราด้วยหรอ?
แน่นอน ตอนนี้การทําธุรกิจสัตว์เลี้ยงนั้นเป็นเรื่องยาก ผู้คนเริ่มนิยมเลี้ยงสัตว์กลายพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆเพราะพวกเขาต้องการดูดีมีระดับ ด้วยเหตุนี้เอง ฉันจึงต้องจัดการสัตว์กลายพันธุ์ และสัตว์อสูรดาราอยู่บ่อยครั้ง ลู่ซีชิงกล่าว
นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สัตว์กลายพันธุ์และสัตว์อสูรดาราอาจฆ่าคุณได้นะ คุณก็แค่คนธรรมดา มันไม่ยากเกินไปสําหรับคุณที่จะจัดการกับพวกมันหรอ? หวังเต็งขมวดคิ้ว
ฉันรู้ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่มีแผนที่จะขายสัตว์กลายพันธุ์ขนาดใหญ่ ฉันจะกําหนดเป้าหมายไปที่พวกตัวเล็กและพวกมันในตอนที่มันยังเป็นมารกเท่านั้น พูดตามความจริง สัตว์กลายพันธุ์นั้นก็คล้ายกับสัตว์ทั่วไป หากคุณเริ่มฝึกพวกมันตั้งแต่มันยังเป็นทารก พวกมันก็จะเชื่อฟังคุณ หรืออย่างน้อยก็ไม่น่าจะทําร้ายคุณ ลู่ซีชิงตอบ
บางตนก็ดุร้ายโดยธรรมชาติ ดังนั้นคุณต้องระวังนะ หวังเต็งไม่ได้พูดอะไรมากและทําเพียงแค่เตือนเธอ
โอเค ฉันจะระวังไว้ ลู่ซีชิงพยักหน้าและยิ้ม
ทั้งสองเพลิดเพลินกับอาหาร ความสัมพันธ์ของหวังเจ็งกับลู่ซีชิงนั้นใกล้ชิดกันขึ้นเล็กน้อย เมื่อก่อนพวกเขาอาจเป็นแค่คนรู้จัก แต่ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว
อย่างน้อย หวังเต็งก็รู้สึกว่าเขาสามารถมองหาลู่ซีชิงและถามสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น
ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือในอนาคต คุณก็สามารถมองหาฉันได้ หวังเต็งพูดกับลู่ซีชิงก่อนที่พวกเขาจากกัน
ตกลง ลู่ซีชิงยิ้ม
เธอได้เห็นความสามารถของหวังเต็งแล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้ดีว่าชายคนนี้มีค่าเพียงใด
หลังจากที่ทั้งสองกล่าวคําอําลา หวังเต็งก็กลับบ้านของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่คิดว่าบรรยากาศที่บ้านจะแปลกขนาดนี้
อาจารย์ใหญ่สามคนของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้สามอันดับแรกในตงไห่กําลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของเขาในตอนนี้ พวกเขาจ้องมองกันและกันอย่างเชื่องช้า
หวังเฉินกั๋วและหลี่ซิ่วเหม่ยนั่งอยู่ข้างๆและมองหน้ากันอย่างเงียบๆ
ตงไห่เป็นหนึ่งในเมืองสําคัญไม่กี่แห่งในประเทศจีน ผู้นําของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้สามอันดับแรกนั้นไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้น แต่พวกเขายังทรงอิทธิพลอย่างมากอีกด้วย
คุณสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของตงไห่
คุณสามารถพูดได้ว่าพวกเขามีอํานาจเหนือเมือง
สถานะของตระกูลหวังนั้นไม่มีอะไรเทียบได้กับพวกเขาเลย มันเหมือนกับความแตกต่างระหว่างช้างกับมด
ด้วยเหตุนี้เอง หวังเฉินกั๋๋วจึงอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่สามารถยั่วยุคนใดคนหนึ่งในพวกเขาได้
เมื่อพวกเขาเห็นหวังเต็งกลับมาถึงบ้าน ทั้งสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หวังเฉินกั๋วกล่าวว่า ลูกชายของผมกลับมาแล้ว ทําไมพวกคุณไม่ไปหาเขาล่ะ?
เขาผลักภาระออกไปอย่างราบรื่นโดยไม่ลังเล
หวังเต็งสามารถสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของอาจารย์ใหญ่ที่จ้องมาที่เขาในทันที การจ้องมองของพวกเขาดุเดือดราวกับจะจ้องทะลุวิญญาณของเขา
แค่กๆ
คือผมไม่ใช่เกย์!
หวังเต็ง วันนี้เราสามคนมาหาเธอ และเธอสามารถดูเงื่อนไขของเราและตัดสินใจได้ อาจารย์ใหญ่ของเหล่ยติงเป็นคนใจร้อน เขาไม่สามารถยอมรับในความครึ่งๆกลางๆได้ ดังนั้นเขาจึงชอบพูดอย่างตรงไปตรงมา
ถูกต้อง นักสู้ควรเป็นผู้ชี้ขาด ลองดูข้อเสนอของเราและเลือกสถาบันที่เธอต้องการเถอะ ฝูเทียนเต๋าเห็นด้วยและกล่าว
เขาไม่ได้พูดถึงว่าหวังเต็งนั้นเป็นศิษย์ของจีซินแล้ว ท้ายที่สุด ศิษย์นักสู้และนักสู้ก็ต่างกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อสร้างความสับสนให้กับหวังเต็งได้
แม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ของจีซิน แต่เขาก็ยังสามารถถูกสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้อื่นแย่งชิงไปได้อยู่ดี ด้วยเหตุนี้เอง สุดท้ายแล้วมันจึงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทุกคน
ผู้ที่สามารถให้เงื่อนไขที่ดีกว่าจะเป็นผู้ชนะ
หวังเต็งเป็นปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้และเขาก็ได้กลายเป็นนักสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นอาจารย์ใหญ่ทั้งสามจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะจับตัวเขาไว้
พรสวรรค์เป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคของนักสู้
และพรสวรรค์ที่น่าเหลือเชื่อนั้นก็หายากยิ่งกว่า
มันมีคนน้อยกว่าสิบคนในประเทศจีนที่สามารถกลายเป็นนักสู้ได้ตั้งแต่อายุเท่าเขา และนี่คือ จํานวนที่นับมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจุบัน
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือคนหนุ่มสาวเหล่านี้ส่วนใหญ่นั้นมาจากตระกูลนักสู้ ดังนั้นพวกเขาจึ งมีทรัพยากรเพียงพอและเพรียบพร้อมไปด้วยคําแนะนําส่วนตัวจากนักสู้
ซึ่งหวังเต็งก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขาได้เลย นอกจากนี้เขาก็ยังสามารถฆ่าสัตว์อสูรดาราได้หลังจากที่เขากลายเป็นนักสู้ได้ไม่นาน
และจากที่พวกเรารู้มา มันก็มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจัดการกับสัตว์อสูรดาราได้อย่างหวังเต็ง
และนี่คือเหตุผลที่พวกเขาคาดหวังกับหวังเต็งเอาไว้สูง
เขามีศักยภาพสูงและเขาก็ทรงพลัง แถมภูมิหลังของเขาก็ยังไม่ซับซ้อนอีก อย่างนี้แล้วใครกันจะไม่ชอบเขา?
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาทั้งสามจึงถามหัวหน้าของพวกเขาถึงเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะสามารถมอบให้กับหวังเต็งได้ ในกรณีนี้ มันจะไม่มีการเจรจาต่อรองกันเกิดขึ้น
พวกเขาจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้หวังเต็งในทันทีตั้งแต่แรกพบ ซึ่งมันก็เป็นเกมที่จะสมารถตัดสินชี้ขาดได้ในทันที
หวังเต็งยิ้มออกมาเมื่อเห็นพวกเขาพูดอย่างตรงไปตรงมาและแสดงสีหน้าราวกับว่า เรารวยมาก คุณจะขออะไรก็ได้
อาจารย์ใหญ่ ดื่มชาหน่อยเถอะ
หวังเต็งนั่งลงต่อหน้าพวกเขาและรินชาให้พวกเขา จากนั้นเขาก็ถามคําถามในใจออกมาว่า มันจะมีความขัดแย้งระหว่างสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้กับโรงเรียนหรือเปล่า?
อย่ากังวลเรื่องนี้ โรงเรียนเป็นองค์กรสาธารณะ มันจะไม่ขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับสถาบันศิลปะการต่อสู้แน่นอน และแม้ว่าเธอจะสมัครเข้าโรงเรียนทหารที่มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด แต่เราก็ยังสามารถพูดคุยกันได้ ทั้งหมดนี้จะอยู่ในสัญญาที่เธอจะต้องทํา นักสู้ที่มีอํานาจหลายคนในวิทยาลัยและแม้แต่โรงเรียนทหารที่มีชื่อเสียงก็อยู่ในสถาบันของเราเช่นกัน ฝูเทียนเต๋าอธิบาย
ถูกต้อง เจียงหงและกู่เหอเฟยพยักหน้าเห็นด้วย
หวังเต็งพยักหน้า เขาหยิบข้อเสนอทั้งสามบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน ชื่อของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้สามแห่งถูกเขียนไว้ด้านบน
เขาข้ามข้อเสนอแรกที่จีซินเตรียมไว้และดูข้อเสนอของเหล่ยติงก่อน
อาจารย์ใหญ่ของเหล่ยติงและไบ่เหลียงเลิกคิ้วขึ้นในทันที
นี่มันไม่เท่าเทียม
เห็นได้ชัดว่าหวังเต็งชอบสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน
เขาอ่านข้อเสนอของพวกเขาก่อนและทิ้งข้อเสนอของจีซินไว้เป็นอย่างสุดท้าย
หากข้อเสนอทั้งสามมีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกันหวังเต็งก็จะเลือกสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินอย่างแน่นอน
นี่เป็นความจริง ท้ายที่สุดแล้วหวังเต็งก็ได้ฝึกฝนที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นั่น
ฝูเทียนเต๋าเห็นหวังเต็งหยิบข้อเสนอของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินขึ้นมาและอ่านอย่างเงียบๆ หลังจากที่เขาเลื่อนดูข้อเสนออีกสองหน้า เขาก็เลิกคิ้วขึ้น ในวินาทีนั้นเอง รอยยิ้มแห่งชัยชนะก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงหงและกู่เหอเฟย
ในที่สุดหวังเต็งก็อ่านข้อเสนอทั้งหมดเสร็จแล้ว เขาวางข้อเสนอในมือลงและถอนหายใจ ทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขา
เป็นไงบ้าง หวังเฉินกั๋วถามอย่างกระวนกระวายใจ อันที่จริงเขาต้องการดูเนื้อหาของ ข้อเสนอจริงๆ
คุณหวังจะดูด้วยก็ได้นะ ฝูเทียนเต๋ายิ้มและส่งข้อเสนอให้เขา
หลังจากที่หวังเฉินกั๋วอ่านจบ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหวังเต็งนั้นก็คงจะตัดสินใจไปแล้ว เพราะถ้าเป็นเขา เขาก็จะตัดสินใจแบบเดียวกัน
ฉันเลือกสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน ตามที่คาดไว้หวังเต็งพูดคําตอบของเขาโดยไม่ลังเล